โลกทัศน์แห่งความสุข(๗)ช่องว่างของการสื่อสาร
โลกทัศน์แห่งความสุข(๗)ช่องว่างของการสื่อสาร : คันฉ่องและโคมฉาย โดยว.วชิรเมธี
เคล็ดลับความสุขประการที่ ๓ แก้ปัญหาด้วยการเจรจา
ชีวิตที่ผ่านพบความลำบากมาก ถ้ามองเป็นก็จะเป็นดั่งการเขียนลายให้กับถ้วยโถโอชามซึ่งเป็นเครื่องประดับ สูงค่าที่คนชอบหามาสะสม นั่นหมายถึงว่าทุกๆ วันของชีวิตเรากำลังเขียนลวดลายให้ตัวเอง บางคนเขียนแล้วลวดลายออกมางดงาม บางคนยิ่งเขียนก็ยิ่งเลอะ แต่ละวันเรากำลังเขียนลวดลายให้กับถ้วยโถโอชามที่ชื่อว่า ชีวิตของเราเอง
ท่านติช นัท ฮันห์ เป็นครูบาอาจารย์องค์สำคัญคนหนึ่งของโลก ท่านมีลวดลายมาก เพราะท่านผ่านพบปัญหามาสารพัด ทำให้ท่านมีเรื่องเล่าดีๆ มาก เรื่องที่ท่านเล่าแล้วอาตมายังประทับใจอยู่จนทุกวันนี้ก็คือ
มีสามีภรรยาชาวเวียดนามคู่หนึ่งรักกันมาก แล้วจู่ๆ ก็จำต้องพรากจากกันเพราะสามีต้องไปเป็นทหารเข้าร่วมสงคราม แต่งงานได้เดือนเศษๆ สามีก็ไปรบ ระหว่างนั้นก็ติดต่อกันไม่ได้เลย ภรรยาคลอดลูกชายออกมาคนหนึ่ง สามีไปอยู่แนวหน้ามีแต่ความหวังหนึ่งเดียวที่ทำให้คงยังมีชีวิตอยู่ ถึงแม้ร่างกายจะเต็มไปด้วยแผลเป็นที่ไหนก็ตาม แต่ก็ยังพยายามประคองชีวิตให้อยู่รอด เพราะเชื่อมั่นว่าจะต้องได้กลับบ้านมาอยู่กับภรรยาสุดที่รัก
วันหนึ่งเมื่อสงครามสงบลง เขาได้กลับบ้าน เมื่อทหารปลดประจำการเดินเข้าหมู่บ้านคนทั้งหมู่บ้านตื่นเต้นพากันออกไปรับ ลูกหลานตัวเองที่รอดชีวิตจากสงคราม หญิงสาวคนนี้ก็จูงแขนลูกชายออกมาด้วย เธอเฝ้ารอสามีด้วยน้ำตาที่หยาดรินเต็มสองแก้ม ทหารผ่านศึกผ่านไปคนแล้วคนเล่า เธอไม่กล้าวิ่งไปรับเพราะกลัวว่าถ้าวิ่งไปแล้วไม่พบสามีจะทำใจไม่ได้จึงยืน รออยู่ห่างๆ
รอแล้วรอเล่าจนกระทั่งในที่สุดอดีตทหารผ่านศึกคนหนึ่งก็เดินโซซัดโซเซมา เธอมองปราดเดียวก็รู้ว่านั่นคือสามีของเธอ จึงโผเข้าไปกอดสามีด้วยความคิดถึงอย่างที่สุด แล้วก็ปล่อยมือออกจากกันและกัน
พอปล่อยมือออกจากกันและกัน สามีก็เห็นเด็กคนหนึ่งยืนมองเขาตาแป๋ว เขาก็เลยถามว่านี่ลูกใครทำไมมายืนมองเราอยู่ได้ ภรรยาก็บอกว่า ลูกเราไงคะพี่ พอได้ยินคำว่า 'ลูก' เท่านั้นแหละ หัวใจของคนเป็นพ่อมันพองโต รีบถลาเข้าไปจะอุ้มลูกทันที
เด็กชายไม่เคยเจอพ่อมาก่อนก็ตกอกตกใจมาก วิ่งหนีเลย ภรรยาบอกว่าถ้าอย่างนั้นพี่อยู่กับลูกก่อนนะ เดี๋ยวน้องแวะไปตลาด วันนี้พี่อยากกินอะไรเดี๋ยวจะทำให้ สามีรีบบอกเมนูที่โปรดปราน หญิงสาวหายไปครึ่งชั่วโมงก็กลับมา แต่ก่อนจะกลับจากตลาด มีเหตุการณ์เกิดขึ้นกับสามีของเธอและลูก สามีเดินไปหาเจ้าหนูพยายามที่จะโอบกอด ลูกมาหาพ่อสิ ไหนยิ้มสิลูก ไหนเรียกชื่อพ่อสิ
(ติดตามตอนต่อไปวันพระหน้า)
ที่มา: http://www.komchadluek.net/detail/20130623/161625/โลกทัศน์แห่งความสุข(๗)ช่องว่างของการสื่อสาร.html#.UduFpaxHWzs (ขนาดไฟล์: 167)
วันที่โพสต์: 11/07/2556 เวลา 06:49:30
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
โลกทัศน์แห่งความสุข(๗)ช่องว่างของการสื่อสาร โลกทัศน์แห่งความสุข(๗)ช่องว่างของการสื่อสาร : คันฉ่องและโคมฉาย โดยว.วชิรเมธี เคล็ดลับความสุขประการที่ ๓ แก้ปัญหาด้วยการเจรจา ชีวิตที่ผ่านพบความลำบากมาก ถ้ามองเป็นก็จะเป็นดั่งการเขียนลายให้กับถ้วยโถโอชามซึ่งเป็นเครื่องประดับ สูงค่าที่คนชอบหามาสะสม นั่นหมายถึงว่าทุกๆ วันของชีวิตเรากำลังเขียนลวดลายให้ตัวเอง บางคนเขียนแล้วลวดลายออกมางดงาม บางคนยิ่งเขียนก็ยิ่งเลอะ แต่ละวันเรากำลังเขียนลวดลายให้กับถ้วยโถโอชามที่ชื่อว่า ชีวิตของเราเอง ท่านติช นัท ฮันห์ เป็นครูบาอาจารย์องค์สำคัญคนหนึ่งของโลก ท่านมีลวดลายมาก เพราะท่านผ่านพบปัญหามาสารพัด ทำให้ท่านมีเรื่องเล่าดีๆ มาก เรื่องที่ท่านเล่าแล้วอาตมายังประทับใจอยู่จนทุกวันนี้ก็คือ มีสามีภรรยาชาวเวียดนามคู่หนึ่งรักกันมาก แล้วจู่ๆ ก็จำต้องพรากจากกันเพราะสามีต้องไปเป็นทหารเข้าร่วมสงคราม แต่งงานได้เดือนเศษๆ สามีก็ไปรบ ระหว่างนั้นก็ติดต่อกันไม่ได้เลย ภรรยาคลอดลูกชายออกมาคนหนึ่ง สามีไปอยู่แนวหน้ามีแต่ความหวังหนึ่งเดียวที่ทำให้คงยังมีชีวิตอยู่ ถึงแม้ร่างกายจะเต็มไปด้วยแผลเป็นที่ไหนก็ตาม แต่ก็ยังพยายามประคองชีวิตให้อยู่รอด เพราะเชื่อมั่นว่าจะต้องได้กลับบ้านมาอยู่กับภรรยาสุดที่รัก วันหนึ่งเมื่อสงครามสงบลง เขาได้กลับบ้าน เมื่อทหารปลดประจำการเดินเข้าหมู่บ้านคนทั้งหมู่บ้านตื่นเต้นพากันออกไปรับ ลูกหลานตัวเองที่รอดชีวิตจากสงคราม หญิงสาวคนนี้ก็จูงแขนลูกชายออกมาด้วย เธอเฝ้ารอสามีด้วยน้ำตาที่หยาดรินเต็มสองแก้ม ทหารผ่านศึกผ่านไปคนแล้วคนเล่า เธอไม่กล้าวิ่งไปรับเพราะกลัวว่าถ้าวิ่งไปแล้วไม่พบสามีจะทำใจไม่ได้จึงยืน รออยู่ห่างๆ รอแล้วรอเล่าจนกระทั่งในที่สุดอดีตทหารผ่านศึกคนหนึ่งก็เดินโซซัดโซเซมา เธอมองปราดเดียวก็รู้ว่านั่นคือสามีของเธอ จึงโผเข้าไปกอดสามีด้วยความคิดถึงอย่างที่สุด แล้วก็ปล่อยมือออกจากกันและกัน พอปล่อยมือออกจากกันและกัน สามีก็เห็นเด็กคนหนึ่งยืนมองเขาตาแป๋ว เขาก็เลยถามว่านี่ลูกใครทำไมมายืนมองเราอยู่ได้ ภรรยาก็บอกว่า ลูกเราไงคะพี่ พอได้ยินคำว่า 'ลูก' เท่านั้นแหละ หัวใจของคนเป็นพ่อมันพองโต รีบถลาเข้าไปจะอุ้มลูกทันที เด็กชายไม่เคยเจอพ่อมาก่อนก็ตกอกตกใจมาก วิ่งหนีเลย ภรรยาบอกว่าถ้าอย่างนั้นพี่อยู่กับลูกก่อนนะ เดี๋ยวน้องแวะไปตลาด วันนี้พี่อยากกินอะไรเดี๋ยวจะทำให้ สามีรีบบอกเมนูที่โปรดปราน หญิงสาวหายไปครึ่งชั่วโมงก็กลับมา แต่ก่อนจะกลับจากตลาด มีเหตุการณ์เกิดขึ้นกับสามีของเธอและลูก สามีเดินไปหาเจ้าหนูพยายามที่จะโอบกอด ลูกมาหาพ่อสิ ไหนยิ้มสิลูก ไหนเรียกชื่อพ่อสิ (ติดตามตอนต่อไปวันพระหน้า) ขอบคุณ... http://www.komchadluek.net/detail/20130623/161625/โลกทัศน์แห่งความสุข(๗)ช่องว่างของการสื่อสาร.html#.UduFpaxHWzs
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)