ปฏิรูปการเมืองทางออกประเทศไทย
วิกฤติการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นกับชาติบ้านเมืองของเราในครั้งนี้เป็น เครื่องบ่งชี้ชัดว่า ถึงเวลาแล้วที่ทุกภาคส่วนในสังคมไทยจะต้องร่วมจิตร่วมใจกันแสวงหาทางออก ด้วยเหตุที่การชุมนุมเรียกร้องของมหาประชาชนดังต้องจารึกไว้เป็นประวัติ ศาสตร์นั้น หาใช่เป็นเพียงการเคลื่อนไหวที่มีเป้าประสงค์ ในเรื่องของอำนาจทางการเมืองเป็นหลักอย่างที่ผ่านมา หากแต่ได้สะท้อนให้เห็นถึงภาวะ "เหลืออด" จนยอมรับต่อไปไม่ได้กับกลไกและโครงสร้างทางการเมืองที่เป็นอยู่และกำลังจะตก ทอดกันสืบไปในรูปแบบที่เรียกขานกันว่า "ระบอบ"
ลำพังการแก้ปัญหาด้วย "เครื่องมือทางการเมือง" อย่างที่เป็นมา ไม่อาจทำให้สถานการณ์จบ-สงบลงได้ ดังจะเห็นได้ว่าแม้นายกรัฐมนตรีจะประกาศยุบสภาไปแล้วแต่ประชาชนกลับยังไม่ หยุดยั้งเดินหน้าเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี ยังไม่ถือว่าเป็นการตอบโจทย์ของชาติยามนี้ ซึ่งสอดคล้องกับข้อเรียกร้องอันได้ประสานเป็นเสียงเดียวกันจากองค์กรต่างๆ ในทุกภาคส่วน ว่าแม้ "การเลือกตั้ง" จะเป็นกระบวนการหนึ่งตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งแสดงถึง "สิทธิ" และ "อำนาจ" ของประชาชนตามการปกครองในระบอบประชาธิปไตยและจะต้องดำเนินต่อไปก็ตาม หากแต่สิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งยวดในยามนี้ก็คือ หนทางการปฏิรูปการเมืองเพื่อแก้ปัญหาของชาติในระยะยาวและยั่งยืนต้องกระทำ คู่ขนานกันไป
"เครือเนชั่น" เห็นว่ากระบวนการที่จะสามารถนำพาสังคมไทยก้าวข้ามความขัดแย้งที่ดำรงอยู่มา อย่างยาวนานนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม แรกนั้น เราปรารถนาที่จะเห็นรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีตอบรับกระแสการปฏิรูปการเมืองใน ครั้งนี้อย่างจริงใจและลงมือกระทำอย่างจริงจัง ซึ่งมีความจำเป็นอยู่เองที่รัฐบาลจะต้องใช้อำนาจที่มีอยู่ แต่งตั้งบุคคลหรือองค์กรอันได้รับความเชื่อถือว่ามีความเป็นกลางอย่างแท้ จริง มีที่มาอย่างหลากหลาย ผ่านกระบวนการคัดสรรเพื่อให้ได้ผู้มีความรู้ ความสามารถจากทุกภาคส่วนในสังคม โดยปราศจากข้อสงสัยใดๆ ว่าจะมีฝ่ายการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง
ขณะเดียวกัน รัฐบาลเองก็จะต้องแสดงความชัดเจนว่าจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวโดยเด็ดขาด จากนั้นจึงให้องค์กรที่มีความน่าเชื่อถือ ทำหน้าที่คัดกรองและรับรองในขั้นตอนสุดท้าย โดยคณะกรรมการชุดนี้จะทำหน้าที่ศึกษาถึงแนวทางการปฏิรูปการเมือง และเดินหน้าตามกระบวนการ พร้อมไปกับการกำหนดกรอบเวลาในการทำงานอย่างชัดเจนเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย
ระหว่างนี้ เราขอเรียกร้องให้ทุกพรรคการเมืองได้ร่วมกันลงนามเป็นสัญญาประชาคมเอาไว้ว่า จะสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการชุดดังกล่าวในการเลือกตั้งครั้งหน้า ขณะเดียวกัน สำหรับรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเกิดขึ้นหลังจากเลือกตั้งทั่วไปตามที่ได้กำหนดเอา ไว้แล้วในวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 นั้น จะต้องเป็น "รัฐบาลเพื่อการปฏิรูป" อย่างแท้จริง
ทั้งนี้ เมื่อกระบวนการปฏิรูปการเมืองสิ้นสุดลง เราเชื่อว่า การเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ ภายใต้กติกาใหม่ จะสร้างความเท่าเทียม และความเป็นธรรมให้แก่ทุกฝ่ายได้อย่างแท้จริง ภายใต้สัญญาประชาคม ที่ทุกภาคส่วนเห็นพ้องต้องกันในอันที่จะก้าวเดินสู่การปฏิรูปประเทศในอนาคต
ขอบคุณ... http://www.komchadluek.net/mobile/detail/20131211/174673.html (ขนาดไฟล์: 167)
(คมชัดลึกออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 11 ธ.ค.56)
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
ปฏิรูปการเมืองทางออกประเทศไทย วิกฤติการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นกับชาติบ้านเมืองของเราในครั้งนี้เป็น เครื่องบ่งชี้ชัดว่า ถึงเวลาแล้วที่ทุกภาคส่วนในสังคมไทยจะต้องร่วมจิตร่วมใจกันแสวงหาทางออก ด้วยเหตุที่การชุมนุมเรียกร้องของมหาประชาชนดังต้องจารึกไว้เป็นประวัติ ศาสตร์นั้น หาใช่เป็นเพียงการเคลื่อนไหวที่มีเป้าประสงค์ ในเรื่องของอำนาจทางการเมืองเป็นหลักอย่างที่ผ่านมา หากแต่ได้สะท้อนให้เห็นถึงภาวะ "เหลืออด" จนยอมรับต่อไปไม่ได้กับกลไกและโครงสร้างทางการเมืองที่เป็นอยู่และกำลังจะตก ทอดกันสืบไปในรูปแบบที่เรียกขานกันว่า "ระบอบ" ลำพังการแก้ปัญหาด้วย "เครื่องมือทางการเมือง" อย่างที่เป็นมา ไม่อาจทำให้สถานการณ์จบ-สงบลงได้ ดังจะเห็นได้ว่าแม้นายกรัฐมนตรีจะประกาศยุบสภาไปแล้วแต่ประชาชนกลับยังไม่ หยุดยั้งเดินหน้าเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี ยังไม่ถือว่าเป็นการตอบโจทย์ของชาติยามนี้ ซึ่งสอดคล้องกับข้อเรียกร้องอันได้ประสานเป็นเสียงเดียวกันจากองค์กรต่างๆ ในทุกภาคส่วน ว่าแม้ "การเลือกตั้ง" จะเป็นกระบวนการหนึ่งตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งแสดงถึง "สิทธิ" และ "อำนาจ" ของประชาชนตามการปกครองในระบอบประชาธิปไตยและจะต้องดำเนินต่อไปก็ตาม หากแต่สิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งยวดในยามนี้ก็คือ หนทางการปฏิรูปการเมืองเพื่อแก้ปัญหาของชาติในระยะยาวและยั่งยืนต้องกระทำ คู่ขนานกันไป "เครือเนชั่น" เห็นว่ากระบวนการที่จะสามารถนำพาสังคมไทยก้าวข้ามความขัดแย้งที่ดำรงอยู่มา อย่างยาวนานนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม แรกนั้น เราปรารถนาที่จะเห็นรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีตอบรับกระแสการปฏิรูปการเมืองใน ครั้งนี้อย่างจริงใจและลงมือกระทำอย่างจริงจัง ซึ่งมีความจำเป็นอยู่เองที่รัฐบาลจะต้องใช้อำนาจที่มีอยู่ แต่งตั้งบุคคลหรือองค์กรอันได้รับความเชื่อถือว่ามีความเป็นกลางอย่างแท้ จริง มีที่มาอย่างหลากหลาย ผ่านกระบวนการคัดสรรเพื่อให้ได้ผู้มีความรู้ ความสามารถจากทุกภาคส่วนในสังคม โดยปราศจากข้อสงสัยใดๆ ว่าจะมีฝ่ายการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ขณะเดียวกัน รัฐบาลเองก็จะต้องแสดงความชัดเจนว่าจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวโดยเด็ดขาด จากนั้นจึงให้องค์กรที่มีความน่าเชื่อถือ ทำหน้าที่คัดกรองและรับรองในขั้นตอนสุดท้าย โดยคณะกรรมการชุดนี้จะทำหน้าที่ศึกษาถึงแนวทางการปฏิรูปการเมือง และเดินหน้าตามกระบวนการ พร้อมไปกับการกำหนดกรอบเวลาในการทำงานอย่างชัดเจนเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ระหว่างนี้ เราขอเรียกร้องให้ทุกพรรคการเมืองได้ร่วมกันลงนามเป็นสัญญาประชาคมเอาไว้ว่า จะสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการชุดดังกล่าวในการเลือกตั้งครั้งหน้า ขณะเดียวกัน สำหรับรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเกิดขึ้นหลังจากเลือกตั้งทั่วไปตามที่ได้กำหนดเอา ไว้แล้วในวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 นั้น จะต้องเป็น "รัฐบาลเพื่อการปฏิรูป" อย่างแท้จริง ทั้งนี้ เมื่อกระบวนการปฏิรูปการเมืองสิ้นสุดลง เราเชื่อว่า การเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ ภายใต้กติกาใหม่ จะสร้างความเท่าเทียม และความเป็นธรรมให้แก่ทุกฝ่ายได้อย่างแท้จริง ภายใต้สัญญาประชาคม ที่ทุกภาคส่วนเห็นพ้องต้องกันในอันที่จะก้าวเดินสู่การปฏิรูปประเทศในอนาคต ขอบคุณ... http://www.komchadluek.net/mobile/detail/20131211/174673.html (คมชัดลึกออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 11 ธ.ค.56)
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)