"เรืองไกร"ร้องดีเอสไอสอบศาล รธน.ละเมิดพระราชอำนาจ รับคำร้องที่มา ส.ว.
เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา เปิดเผยว่า จะยื่นพยานหลักฐานใหม่ ที่น่าเชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญกระทำการล่วงละเมิดพระราชอำนาจและปฏิบัติ หน้าที่โดยมิชอบ เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันจะนำไปสู่การตรวจสอบเพิ่มเติมว่า ศาลรัฐธรรมนูญกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ประกอบมาตรา 157 หรือไม่ต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในวันที่ 18 พฤศจิกายนนี้ หลังจากศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยคำร้องของผู้ร้องทั้ง 4 กรณีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว. ในวันที่ 20 พฤศจิกายนของ ส.ส.และ ส.ว. 312 คน เป็นการล้มล้างการปกครองตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 หรือไม่ ทั้งที่กระบวนการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวเสร็จสิ้นทั้ง 3 วาระแล้ว และนายกรัฐมนตรีได้ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 150 คือได้นำร่างฯ ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยแล้ว และกำลังอยู่ในพระบรมราชวินิจฉัยของพระมหากษัตริย์ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151
นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า การที่ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องทั้ง 4 คำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย ทั้งที่ควรรู้แล้วว่านายกฯ ได้ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 150 แล้ว การปฏิบัติหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญจึงเป็นการกระทำที่ล่วงละเมิดพระราชอำนาจ ตามความในรัฐธรรมนูญมาตรา 8 และการกระทำดังกล่าวยังเป็นความผิดในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และมาตรา 157 และยังฝ่าฝืนข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาและการทำคำวินิจฉัย ข้อ 23 วรรคหนึ่ง ทั้งที่เคยวินิจฉัยไว้เป็นบรรทัดฐานแล้วว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 วรรคสอง ได้เฉพาะในกรณีที่การกระทำตามความในมาตรา 68 วรรคหนึ่ง ต้องยังไม่เสร็จสิ้น ซึ่งต้องจำหน่ายคำร้องออกไป แต่กลับดำเนินการพิจารณาวินิจฉัยคดีตามคำร้องทั้ง 4 ต่อ การกระทำของศาลรัฐธรรมนูญจึงน่าเชื่อว่ามีมูลเพียงพอ จึงขอได้โปรดตรวจสอบไต่สวนโดยเร็ว
มติชนออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 17 พ.ย.56
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา เปิดเผยว่า จะยื่นพยานหลักฐานใหม่ ที่น่าเชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญกระทำการล่วงละเมิดพระราชอำนาจและปฏิบัติ หน้าที่โดยมิชอบ เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันจะนำไปสู่การตรวจสอบเพิ่มเติมว่า ศาลรัฐธรรมนูญกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ประกอบมาตรา 157 หรือไม่ต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในวันที่ 18 พฤศจิกายนนี้ หลังจากศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยคำร้องของผู้ร้องทั้ง 4 กรณีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว. ในวันที่ 20 พฤศจิกายนของ ส.ส.และ ส.ว. 312 คน เป็นการล้มล้างการปกครองตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 หรือไม่ ทั้งที่กระบวนการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวเสร็จสิ้นทั้ง 3 วาระแล้ว และนายกรัฐมนตรีได้ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 150 คือได้นำร่างฯ ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยแล้ว และกำลังอยู่ในพระบรมราชวินิจฉัยของพระมหากษัตริย์ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า การที่ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องทั้ง 4 คำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย ทั้งที่ควรรู้แล้วว่านายกฯ ได้ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 150 แล้ว การปฏิบัติหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญจึงเป็นการกระทำที่ล่วงละเมิดพระราชอำนาจ ตามความในรัฐธรรมนูญมาตรา 8 และการกระทำดังกล่าวยังเป็นความผิดในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และมาตรา 157 และยังฝ่าฝืนข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาและการทำคำวินิจฉัย ข้อ 23 วรรคหนึ่ง ทั้งที่เคยวินิจฉัยไว้เป็นบรรทัดฐานแล้วว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 วรรคสอง ได้เฉพาะในกรณีที่การกระทำตามความในมาตรา 68 วรรคหนึ่ง ต้องยังไม่เสร็จสิ้น ซึ่งต้องจำหน่ายคำร้องออกไป แต่กลับดำเนินการพิจารณาวินิจฉัยคดีตามคำร้องทั้ง 4 ต่อ การกระทำของศาลรัฐธรรมนูญจึงน่าเชื่อว่ามีมูลเพียงพอ จึงขอได้โปรดตรวจสอบไต่สวนโดยเร็ว ขอบคุณ... http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1384676559&grpid=&catid=01&subcatid=0100 มติชนออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 17 พ.ย.56
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)