รัฐธรรมนูญม.190: นิรโทษกรรมคนไทยใจเขมร(สุวิทย์ คุณกิตติ)

คนไทยกำลังคัดค้านกฎหมายนิรโทษกรรมเหมาเข่ง รัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศก็ ถือโอกาสตอนมั่วกันนี้แหละเร่งรัดผลักดันผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.190 เพื่อนิรโทษกรรมพวกที่ร่วมกันเล่นละครตบตาประชาชนคนไทยว่าได้ไปสู้กับเขมรใน ศาลโลกเต็มที่แล้ว แต่ความจริงก็คือได้ยกพื้นที่บริเวณรอบตัวปราสาทพระวิหาร 4.6 ตารางกิโลเมตร ให้เขมรไปเรียบร้อยแล้ว

เนื่องจากเขมรได้ขอให้ศาลโลกตีความว่า vicinity หรือ พื้นที่รอบตัวปราสาทมีมากเพียงใดตรงไหนบ้าง ฝ่ายไทยก็ตอบสนองด้วยการอ้างมติ ครม.ปี 2505 ว่าขอบเขตพื้นที่รอบตัวปราสาทหรือ vicinity ที่ว่าคือ พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ที่ไทยล้อมรั้วไว้

แต่ความจริงเป็นการบิดเบือน มติครม.ปี 2505 ที่ไม่เคยยอมรับคำพิพากษาของศาลโลก หากแต่ยอมให้เฉพาะตัวปราสาทเท่านั้นเป็นพื้นที่ตามคำพิพากษาของศาลโลก ไม่ใช่พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรดังกล่าว ซึ่งมติ ครม.ปี 2505 ได้กำหนดไว้ชัดเจนว่าเป็นการกั้นรั้วเพื่อป้องกันการกระทบกระทั่งเท่านั้น ไม่ใช่แนวเขตแดน ตามที่รัฐบาลนี้โดย ครม.ได้มีมติให้กระทรวงการต่างประเทศนำไปแถลงกับศาลโลก

หากศาลโลกตัดสินว่าแผ่นดินไทยรอบตัวปราสาท 4.6 ตารางกิโลเมตรเป็นของเขมร ก็ไม่ต้องแปลกใจเพราะรัฐบาลนี้เอาไปยกให้เขมรเสียเอง

ไม่ต้องสงสัยใดๆ ทั้งสิ้น แน่ใจได้เลยว่าเขาร่วมกันปล้นแผ่นดินไทย

ถ้าจะสู้จริง ก็ต้องยืนยันว่าศาลโลกตัดสินเมื่อปี 2505 นานกว่า 50 ปีแล้ว ว่าให้เฉพาะตัวปราสาทเท่านั้น บริเวณพื้นที่รอบตัวปราสาทที่เขมรเคยขอตีความแล้ว ศาลโลกก็ไม่รับตีความ

อันที่จริงแล้วการที่ศาลโลกตัดสินยกปราสาทพระวิหารให้เขมรก็ไม่เป็นธรรม เพราะรู้อยู่แล้วว่าที่เขมรฟ้องมามันขัดกฎหมายระหว่างประเทศ จึงใช้เทคนิคหลีกเลี่ยงหลักกฎหมายระหว่างประเทศที่ให้ใช้สันปันน้ำเป็นแนว เส้นแบ่งเขตแดนระหว่างประเทศ แต่ศาลโลกถูกลอบบี้จนต้องตัดสินให้เขมรแบบศรีธนญชัย โดยใช้กฎหมายปิดปากว่าไทยไม่เคยทักท้วงการครอบครองของเขมร

ศาลโลกเป็นศาลการเมือง ไม่ใช่ศาลยุติธรรม เพราะมาจากการลอบบี้ในองค์การสหประชาชาติเพื่อให้พรรคพวกของตัวเองได้รับ เลือกตั้งเข้ามาเป็นผู้พิพากษา การตัดสินก็อยู่ที่การลอบบี้ ซึ่งเขมรได้ลอบบี้จนมั่นใจว่าเขาจะชนะจึงนำเรื่องไปฟ้องศาลโลก เหมือนอย่างการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกที่เขมรลอบบี้กรรมการ มรดกโลกจนกรรมการยอมขึ้นทะเบียนให้แบบลักไก่ โดยที่ไม่ได้สนใจว่าการขึ้นทะเบียนนั้นจะขัดหลักการ สนธิสัญญา ระเบียบ กฎ กติกาและที่สำคัญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทยยังไปร่วมมือสนับสนุนให้เขาขึ้นทะเบียนฝ่ายเดียว แต่ก็ถูกคัดค้านต่อต้านจนปัจจุบันยังเป็นคดีความในศาล

กรณีคดีปราสาทพระวิหารในศาลโลกก็เหมือนกัน รัฐบาลทำผิดกฎหมาย ละเว้นไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ม.190 ที่ต้องขออนุมัติต่อรัฐสภาว่าจะไปต่อสู้กับเขมรอย่างไร เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเขตแดนและอำนาจอธิปไตย แต่ไม่ยอมทำตามกฎหมายรัฐธรรมนูญเพราะกลัวว่าจะโดนคัดค้าน จึงหลบเลี่ยงละเว้นไม่ดำเนินการตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญ

สงสัยใช่ไหมว่าทำไมรัฐบาลจึงรีบร้อนเร่งรัดให้รัฐสภาเลื่อนวาระการลงมติ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.190 ขึ้นมาทันทีที่กฎหมายนิรโทษกรรมยกเข่งผ่านไป

ไม่ต้องสงสัยอีกต่อไป เพราะที่เร่งรัดให้มีการลงมติ แบบเร่งด่วนก็เพราะศาลโลกจะตัดสินคดีปราสาทพระวิหารแล้ว

เพื่อให้ทันกับการนิรโทษกรรมพวกตัวเองให้พ้นผิดที่ละเว้นไม่ดำเนินการตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ม.190

การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.190 ยังมีผลกระทบต่ออำนาจปวงชนชาวไทย เพราะต่อไปรัฐบาลจะเจราจากับใครตกลงอะไรที่มีผลกระทบต่อประเทศชาติและ ประชาชน รัฐบาลก็ไม่ต้องรับผิดชอบต่อประชาชนอีกต่อไป เพราะไม่ต้องมาขอความเห็นชอบจากรัฐสภาซึ่งเป็นตัวแทนปวงชนชาวไทย

ดังนั้น เมื่อศาลโลกมีคำพิพากษาออกมา รัฐบาลจึงกล้าที่จะบอกว่าจะแถลงการณ์ทันที เพื่อยอมรับคำพิพากษาตามที่รัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศได้ ไปเจรจาหารือตกลงกับเขมรมาแล้วหลายครั้งว่าเมื่อศาลโลกตัดสินแล้ว รัฐบาลไทยได้ยืนยันกับเขมรว่าจะยอมรับคำพิพากษาโดยสงบและจะไม่โต้แย้ง เพราะรัฐบาลคงจะถือว่าเรื่องนี้ถึงแม้ว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอำนาจ อธิปไตยและดินแดนไทย แต่เมื่อรัฐสภาได้มีมติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.190 แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรทีจะต้องนำคำพิพากษาของศาลโลกมาเสนอต่อรัฐสภาเพื่อขอ ความเห็นก่อน

การออกแถลงการณ์ของรัฐบาลจะเกิดนิติสัมพันธ์หรือผูกพันประเทศไทยและคนไทย ในทางกฎหมาย ทั้งที่อำนาจนี้เป็นของปวงชนชาวไทยที่ใช้อำนาจผ่านทางรัฐสภา ไม่ใช่อำนาจของรัฐบาล

จะทำอย่างนั้นมันถูกต้องแล้วหรือ ?

ที่ผ่านมา รัฐบาลก็พยายามออกโทรทัศน์และเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อ โดยขอให้คนไทยอยู่ในความสงบยอมรับคำพิพากษาศาลโลกไม่ว่าจะออกมาอย่างไร เหมือนกับรัฐบาลรู้อยู่แล้วว่าต้องเสียอำนาจอธิปไตยและดินแดนไทยอย่างแน่นอน เพราะการกระทำที่ผ่านมามันชัดเจนมากจนไม่ต้องสงสัยอีกต่อไป

ข้อมูลที่เผยแพร่ออกไปจากรัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศก็ ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ เหมือนกับว่าพยายามบิดเบือนปิดบังความจริง ทำให้คนไทยสำคัญผิด เช่นเรื่องรั้วที่มติ ครม.ปี 2505 ให้ไปกั้นไว้เป็นแนวเขตปฏิบัติการ ก็ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นการกั้นแนวเขตแดน

ผมทนไม่ได้ที่จะเห็นประเทศไทย คนไทย ถูกคนไทยด้วยกันร่วมมือกับเขมรปล้นแผ่นดินไทย ต้องเสียอำนาจอธิปไตยและดินแดนไทยให้เขมร

ผมดีใจที่เห็นเรื่อง ม.190 เริ่มกระจายตาม social media มากขึ้น และอยากให้ช่วยกันกระจายต่อไปมากมาก

ผมไม่ได้คลั่งชาติ แต่ผมเป็นคนไทย รักชาติ รักแผ่นดิน รักพระเจ้าแผ่นดินทุกพระองค์เพราะทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อสู้ปกป้องผืนแผ่น ดินไทยมาแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน ภาพที่พระเจ้าแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯของเราได้เสด็จพระราช ดำเนินไปตามฐานทัพต่างๆอย่างกล้าหาญ ไม่ห่วงพระองค์ แม้ในช่วงการต่อสู้ที่กำลังรุนแรงกับคอมมิวนิสต์ที่ได้ยึดเวียดนาม ลาว เขมร และกำลังพยายามจะยึดประเทศไทย อีกทั้งยังได้เสด็จพระราชดำเนินไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อพัฒนาความเจริญและ ความกินดีอยู่ดีช่วยเหลือดูแลพสกนิกรที่ตกทุกข์ได้ยากไม่ได้รับความเป็นธรรม เพื่อลดเงื่อนไขที่คอมมิวนิสต์ใช้ในการโฆษณาชวนเชื่อเมื่อในอดีต ภาพนั้นยังติดตาตรึงใจและทำให้ผมไม่ลืมพระมหากรุณาธิคุณเลย คนรุ่นใหม่อาจไม่ได้เห็นภาพที่ประทับใจเหล่านี้ ทำให้มีคนอกตัญญูที่เคยต่อสู้กันมายังไม่ละทิ้งอุดมการณ์ที่จะล้มล้างสถาบัน พยายามโจมตีใส่ร้ายทำให้เสียหายตลอดเวลา

ขอให้สมาชิกวุฒิสภา องค์กรที่มีอำนาจตามรัฐธรรมนูญ ที่ยังรักชาติ รักแผ่นดินมาช่วยกันร้องศาลรัฐธรรมนูญตีความโดยด่วนที่สุด เพื่อยับยั้งไม่ให้รัฐบาลประกาศใช้ รัฐธรรมนูญ ม.190 ฉบับนิรโทษกรรมคนไทยใจเขมร

ขอบคุณ http://www.ryt9.com/s/nnd/1773352

(แนวหน้าออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 9 พ.ย.56 )

ที่มา: admin
วันที่โพสต์: 10/11/2556 เวลา 04:51:47