จัดรณรงค์ล้านชื่อหยุดกฎหมายนิรโทษ

แสดงความคิดเห็น

ขอล้านชื้อหยุดกฎหมายล้างผิดคดีโกง

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันจักแคมเปญรณรงค์ "ขอล้านชื่อหยุดกฎหมายล้างผิดคนโกง" ชี้เป็นการลบล้างคำพิพากษาศาลในคดีทุจริต

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ได้จัดแคมเปญรณรงค์ผ่านเว็บไซต์ change.org ในหัวข้อ "ขอล้านชื่อหยุดกฎหมายล้างผิดคดีโกง" โดยระบุถึงเหตุผลในการรณรงค์ดังนี้

เนื่องจากกรรมาธิการเสียงข้างมากในที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทาง การเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ. .... (พ.ร.บ.นิรโทษกรรม) มีมติให้แก้ไขเพิ่มเติมความในร่างมาตรา 3 ซึ่งมีเจตนามุ่งหมายที่จะลบล้างคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรง ตำแหน่งทางการเมืองในคดีทุจริตต่าง ๆ และให้คดีที่ยังค้างคาเป็นอันต้องยุติ ให้ผู้สมรู้ร่วมคิดทั้งหมดพ้นจากความรับผิดและความรับผิดชอบโดยสิ้นเชิง

การแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวจะส่งผลดังต่อไปนี้

1. ลบล้างคำพิพากษาในคดีทุจริตที่ศาลฎีกาฯ ได้ตัดสินแล้วทั้งหมด

2. คดีทุจริตทั้งหมดที่ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการไม่ว่าอยู่ในชั้น ป.ป.ช. อัยการ ศาลฎีกาฯ หรือหน่วยงานอื่น จะต้องยุติ ไม่มีการดำเนินคดีอีกต่อไป จะไม่มีการนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อเอาคนผิดมาลงโทษ

3. ส่งผลกระทบต่อคดีคอร์รัปชันทั้งหมดที่ดำเนินการโดย ป.ป.ช. ค.ต.ส. หรือคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ไม่ว่าการทุจริตนั้นจะเกิดก่อนวันที่ 19 กันยายน 2549 หรือไม่ เนื่องจากหากมีการดำเนินการโดย ป.ป.ช. ค.ต.ส. หรือ คตง. ก็ถือว่าเข้าเงื่อนไขร่างมาตรา 3

4. ร่างมาตรา 3 มีเนื้อหาที่เป็นการ “ส่งเสริม” ให้เกิดการทุจริตมากยิ่งขึ้น ผู้สมรู้ร่วมคิดทั้งตัวการ ผู้สนับสนุน และผู้ถูกใช้ให้กระทำ หรือถูกบังคับให้ทำ จะไม่มีความเกรงกลัวต่อกฎหมาย ทำให้คอร์รัปชันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นจนสามารถประมาณความสูญเสียไดh

5. สถานการณ์คอร์รัปชันในประเทศไทยมีความรุนแรงมากขึ้นในทุกระดับ ประเทศไทยสูญเสียงบประมาณแผ่นดินไปกับการทุจริตมากกว่า 3 แสนล้านบาทต่อปี เป็นเงินจำนวนมหาศาลที่สามารถนำไปพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน สร้างความแข็งแกร่งและศักยภาพการแข่งขันของประเทศได้อย่างมาก

6. การล้างผิดในคดีทุจริตเป็นการทำลายระบบคุณธรรมและจริยธรรมของสังคมอย่างร้าย แรง สังคมไทยโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่มีค่านิยมใหม่ว่าโกงแล้วไม่มีความผิด โกงแล้วได้แต่ผลดี ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความล้มเหลวทางสังคมอย่างใหญ่หลวงเกินกว่าจะแก้ไขได้

7. ส่งผลเสียโดยตรงและอย่างรุนแรงต่อผู้ถูกกล่าวหา เนื่องจากถูกตัดโอกาสที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตามกระบวนการยุติธรรมให้ถึง ที่สุด กระบวนการยุติธรรมจะหมดความศักดิ์สิทธิ์ เพราะไม่สามารถนำตัวคนผิดมาลงโทษตามครรลองของกฎหมาย เพื่อชดใช้และรับผิดต่ออาชญากรรมร้ายแรงที่กระทำต่อแผ่นดินและคนไทยทั้ง ประเทศได้

8. การแก้ไขเพิ่มเติมความในร่างมาตรา 3 ขัดแย้งอย่างชัดแจ้งต่อคำประกาศเจตนารมณ์ของรัฐบาล เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2556 รัฐบาลไม่อาจปัดความรับผิดชอบว่าเป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติได้

9. เนื้อหาร่างมาตรา 3 ขัดแย้งและเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการตามอนุสัญญาขององค์การสหประชาชาติ เพื่อการต่อต้านการทุจริต (UNCAC 2003) ที่ประเทศไทยได้ให้สัตยาบันไว้เมื่อ 1 มีนาคม 2554 ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกและประเทศเดียวในโลกที่ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ กับคดีอันเป็นความผิดฐานคอร์รัปชันภายหลังลงนามให้สัตยาบัน ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีภาพลักษณ์ที่เสื่อมเสียในสายตาของประชาคมโลก

10. ส่งผลกระทบต่อการลงทุนและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ เพราะทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนในภายในและภายนอกประเทศ ซึ่งจะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่มาถึงคนไทยทั้งสังคม โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ย้ำจุดยืนว่า บรรดาคดีในฐานความผิดคอร์รัปชันทั้งหมดต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมจนถึง ที่สุด เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย สร้างบรรทัดฐานที่ถูกต้องของกระบวนการยุติธรรมในสังคม และเพื่อให้การปราบปราบการทุจริตคอร์รัปชันเป็นรูปธรรมอย่างจริงจังและน่า เชื่อถือ และขอเชิญชวนให้ประชาชนผู้ต้องการเห็นสังคมไทยปราศจากคอร์รัปชันร่วมสนัน สนุนในการคัดค้านการแก้ไขเพิ่มเติมความในร่างมาตรา 3 ครั้งนี้

เราจะเอาชนะคอร์รัปชันได้ด้วยพลังของสังคม

ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดได้ที่นี่

ขอบคุณ http://www.posttoday.com/การเมือง/256090/จัดรณรงค์ล้านชื่อหยุดกฎหมายนิรโทษ (ขนาดไฟล์: 167)

(โพสต์ทูเดย์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 30 ต.ค.56)

ที่มา: โพสต์ทูเดย์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 30 ต.ค.56
วันที่โพสต์: 31/10/2556 เวลา 05:51:58 ดูภาพสไลด์โชว์ จัดรณรงค์ล้านชื่อหยุดกฎหมายนิรโทษ

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

ขอล้านชื้อหยุดกฎหมายล้างผิดคดีโกง องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันจักแคมเปญรณรงค์ "ขอล้านชื่อหยุดกฎหมายล้างผิดคนโกง" ชี้เป็นการลบล้างคำพิพากษาศาลในคดีทุจริต องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ได้จัดแคมเปญรณรงค์ผ่านเว็บไซต์ change.org ในหัวข้อ "ขอล้านชื่อหยุดกฎหมายล้างผิดคดีโกง" โดยระบุถึงเหตุผลในการรณรงค์ดังนี้ เนื่องจากกรรมาธิการเสียงข้างมากในที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทาง การเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ. .... (พ.ร.บ.นิรโทษกรรม) มีมติให้แก้ไขเพิ่มเติมความในร่างมาตรา 3 ซึ่งมีเจตนามุ่งหมายที่จะลบล้างคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรง ตำแหน่งทางการเมืองในคดีทุจริตต่าง ๆ และให้คดีที่ยังค้างคาเป็นอันต้องยุติ ให้ผู้สมรู้ร่วมคิดทั้งหมดพ้นจากความรับผิดและความรับผิดชอบโดยสิ้นเชิง การแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวจะส่งผลดังต่อไปนี้ 1. ลบล้างคำพิพากษาในคดีทุจริตที่ศาลฎีกาฯ ได้ตัดสินแล้วทั้งหมด 2. คดีทุจริตทั้งหมดที่ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการไม่ว่าอยู่ในชั้น ป.ป.ช. อัยการ ศาลฎีกาฯ หรือหน่วยงานอื่น จะต้องยุติ ไม่มีการดำเนินคดีอีกต่อไป จะไม่มีการนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อเอาคนผิดมาลงโทษ 3. ส่งผลกระทบต่อคดีคอร์รัปชันทั้งหมดที่ดำเนินการโดย ป.ป.ช. ค.ต.ส. หรือคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ไม่ว่าการทุจริตนั้นจะเกิดก่อนวันที่ 19 กันยายน 2549 หรือไม่ เนื่องจากหากมีการดำเนินการโดย ป.ป.ช. ค.ต.ส. หรือ คตง. ก็ถือว่าเข้าเงื่อนไขร่างมาตรา 3 4. ร่างมาตรา 3 มีเนื้อหาที่เป็นการ “ส่งเสริม” ให้เกิดการทุจริตมากยิ่งขึ้น ผู้สมรู้ร่วมคิดทั้งตัวการ ผู้สนับสนุน และผู้ถูกใช้ให้กระทำ หรือถูกบังคับให้ทำ จะไม่มีความเกรงกลัวต่อกฎหมาย ทำให้คอร์รัปชันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นจนสามารถประมาณความสูญเสียไดh 5. สถานการณ์คอร์รัปชันในประเทศไทยมีความรุนแรงมากขึ้นในทุกระดับ ประเทศไทยสูญเสียงบประมาณแผ่นดินไปกับการทุจริตมากกว่า 3 แสนล้านบาทต่อปี เป็นเงินจำนวนมหาศาลที่สามารถนำไปพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน สร้างความแข็งแกร่งและศักยภาพการแข่งขันของประเทศได้อย่างมาก 6. การล้างผิดในคดีทุจริตเป็นการทำลายระบบคุณธรรมและจริยธรรมของสังคมอย่างร้าย แรง สังคมไทยโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่มีค่านิยมใหม่ว่าโกงแล้วไม่มีความผิด โกงแล้วได้แต่ผลดี ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความล้มเหลวทางสังคมอย่างใหญ่หลวงเกินกว่าจะแก้ไขได้ 7. ส่งผลเสียโดยตรงและอย่างรุนแรงต่อผู้ถูกกล่าวหา เนื่องจากถูกตัดโอกาสที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตามกระบวนการยุติธรรมให้ถึง ที่สุด กระบวนการยุติธรรมจะหมดความศักดิ์สิทธิ์ เพราะไม่สามารถนำตัวคนผิดมาลงโทษตามครรลองของกฎหมาย เพื่อชดใช้และรับผิดต่ออาชญากรรมร้ายแรงที่กระทำต่อแผ่นดินและคนไทยทั้ง ประเทศได้ 8. การแก้ไขเพิ่มเติมความในร่างมาตรา 3 ขัดแย้งอย่างชัดแจ้งต่อคำประกาศเจตนารมณ์ของรัฐบาล เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2556 รัฐบาลไม่อาจปัดความรับผิดชอบว่าเป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติได้ 9. เนื้อหาร่างมาตรา 3 ขัดแย้งและเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการตามอนุสัญญาขององค์การสหประชาชาติ เพื่อการต่อต้านการทุจริต (UNCAC 2003) ที่ประเทศไทยได้ให้สัตยาบันไว้เมื่อ 1 มีนาคม 2554 ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกและประเทศเดียวในโลกที่ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ กับคดีอันเป็นความผิดฐานคอร์รัปชันภายหลังลงนามให้สัตยาบัน ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีภาพลักษณ์ที่เสื่อมเสียในสายตาของประชาคมโลก 10. ส่งผลกระทบต่อการลงทุนและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ เพราะทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนในภายในและภายนอกประเทศ ซึ่งจะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่มาถึงคนไทยทั้งสังคม โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ย้ำจุดยืนว่า บรรดาคดีในฐานความผิดคอร์รัปชันทั้งหมดต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมจนถึง ที่สุด เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย สร้างบรรทัดฐานที่ถูกต้องของกระบวนการยุติธรรมในสังคม และเพื่อให้การปราบปราบการทุจริตคอร์รัปชันเป็นรูปธรรมอย่างจริงจังและน่า เชื่อถือ และขอเชิญชวนให้ประชาชนผู้ต้องการเห็นสังคมไทยปราศจากคอร์รัปชันร่วมสนัน สนุนในการคัดค้านการแก้ไขเพิ่มเติมความในร่างมาตรา 3 ครั้งนี้ เราจะเอาชนะคอร์รัปชันได้ด้วยพลังของสังคม ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดได้ที่นี่ ขอบคุณ… http://www.posttoday.com/การเมือง/256090/จัดรณรงค์ล้านชื่อหยุดกฎหมายนิรโทษ (โพสต์ทูเดย์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 30 ต.ค.56)

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...