'กฎหมายเราดี แต่คนใช้มีปัญหา' : ขยายปมร้อน โดยสมถวิล เทพสวัสดิ์, ปิยะนุช ทำนุเกษตรไชย
สถานการณ์การเมืองเริ่มส่อเค้าขยายวงความวุ่นวายมากยิ่งขึ้น เมื่อหลายเรื่องใกล้ถึงเส้นตายของการพิจารณาตั้งแต่ "กฎหมายสำคัญ" หลายฉบับผ่านการพิจารณาของสภาท่ามกลางความกังขาของสังคม
ตั้งแต่การแก้ไข "รัฐธรรมนูญ-พ.ร.บ.นิรโทษกรรม" ที่ล่าสุดถูกมองว่าเป็นกฎหมาย "สุดซอย" เป็นการ "นิรโทษเหมาเข่ง" ที่สำคัญถือเป็นการ "หักดิบกฎหมาย" นิรโทษทุกคดีที่เกี่ยวเนื่องกับการเมือง "ฆ่า เผา ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ หรือแม้กระทั่งคดีทุจริต คอร์รัปชั่น" กรรมาธิการนิรโทษกรรมอาศัยเสียงข้างมากลงมติสวนกระแสแม้กระทั่งเสียงคัดค้าน ของ "ญาติเหยื่อ" ผู้ที่สูญเสีย
ขณะเดียวกันกลุ่มมวลชนที่ต่อต้านรัฐบาลก็เริ่มนำประเด็นไปขยายวง ทำให้หลายฝ่ายแสดงความกังวลจะเกิดความรุนแรงในสังคมขึ้นอีกครั้งเหมือนอดีต ที่ผ่านมา
"ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.คณิต ณ นคร" ประธานกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ประธานกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ หรือ คอป. อดีตอัยการสูงสุด บอกปัดที่จะแสดงความเห็นในเรื่องนี้ เพียงแต่บอกว่า ได้เสนอความเห็นไปหลายครั้งแล้ว ขอให้อ่านรายงาน คอป.โดยเฉพาะข้อเสนอสุดท้าย วันนี้บอกได้แค่รู้สึกเป็นห่วงจะเกิดความรุนแรง ได้แต่ภาวนาอย่าให้เกิดอะไรขึ้น เพราะการสูญเสียไม่ใช่สิ่งดี ถ้าทุกคนเข้าใจ ช่วยกันเร็ว สถานการณ์ก็จะดีขึ้นเร็ว ความรุนแรงก็จะไม่เกิด
เมื่อถามความเห็นกรณี ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลใช้เสียงข้างมากผ่านกฎหมายสำคัญหลายฉบับ "คณิต" ชี้ไปที่ข้อความปกหลังของหนังสือ "ประชาธิปไตยกับการตั้งรังเกียจทางสังคม" ที่เขียนขึ้นว่า "การปกครองระบอบประชาธิปไตยเป็นการปกครองโดยเสียงข้างมาก ข้อนี้เป็นการทราบกันดี แต่ในบางครั้งการใช้เสียงข้างมากได้เคยนำไปสู่ระบบเผด็จการ โดยเสียงข้างมากมาแล้ว"
ส่วนคดีที่ "จุลสิงห์ วสันตสิงห์" อดีตอัยการสูงสุด สั่งไม่ฟ้อง "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีก่อการร้ายระหว่างการชุมนุมของนปช.เมื่อปี 2553 เพราะการโฟนอินไม่ได้ยุยงให้ทำผิดกฎหมาย หรือล้มรัฐบาล รวมทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ต่างประเทศ
ในเรื่องนี้ "ดร.คณิต" กล่าวว่า คดีก่อการร้ายมี 2 คดี พูดง่ายๆ คือ คดีเสื้อแดงกับคดีเสื้อเหลือง คดีเสื้อเหลืองที่ไปบุกสนามบินสั่งฟ้องไปแล้วเป็นคดีอยู่ในราชอาณาจักร ส่วนคดีเสื้อแดงผู้ต้องหาในคดีส่วนใหญ่อยู่ในราชอาณาจักร อยู่นอกอาณาจักร 1 คน คือ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ถือเป็นคดีเดียวกัน ถ้าคดีที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศอำนาจเป็นของอัยการสูงสุด ต้องสั่งทั้งคดีจึงจะถูกต้อง
"ผมชี้ให้เห็นว่าหลักกฎหมายเป็นแบบนี้ คดีเสื้อเหลืองไม่เป็นไรเกิดในประเทศ จะสั่งเองก็ได้หรือให้อัยการฝ่ายคดีพิเศษ ซึ่งเป็นลูกน้องสั่งก็ได้ แต่เราเป็นอัยการต้องแยกแยะ สมัยที่ผมเป็นอัยการสูงสุดทำคดีซื้อเสียงเลือกตั้งที่ จ.บุรีรัมย์ ถือเป็นคดีใหญ่ผมลงไปดูแลคดีด้วยตัวเอง ผมไม่ได้มานั่งตีขิมรับเงิน คนเป็นอัยการสูงสุดต้องดูความสำคัญของคดี ผมลงไปทำคดี จะเห็นว่าผมสั่งฟ้องคดีนี้และศาลตัดสินให้ติดคุก" ดร.คณิต ยกตัวอย่างคดีเปรียบให้ฟัง
"อดีตอัยการสูงสุด" ท่านนี้ยังเล่าให้ฟังต่อว่า อัยการสูงสุดต้องมีความรู้ ไม่ใช่ใครก็เป็นได้ แม้จะจบกฎหมายก็ตาม ต้องตั้งคนที่ดี ความรู้ดี เข้าใจการบริหาร อย่างคดีการทุจริตที่ดิน ส.ป.ก.4-01 สมัยรัฐบาลชวน หลีกภัย ก็ลงไปทำคดีด้วยตัวเอง เพราะเป็นเรื่องใหญ่เป็นเรื่องการเมือง ถ้าเรื่องใหญ่อัยการสูงสุดปล่อยให้ลูกน้องทำ จะเชื่อมั่นหรือว่าลูกน้องรับอิทธิพลอะไรไหว เหมือนคดีซื้อเสียงบุรีรัมย์ เป็นพื้นที่ของใคร ผมจึงต้องไปทำคดีเอง นี่คือผม แต่คุณจุลสิงห์ไม่ใช่ผม จึงไม่เหมือนกัน ไม่ใช่ศิษย์สำนักเดียวกัน คุณจุลสิงห์จบกฎหมายจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผมจบจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่หลักกฎหมายเราเรียนเล่มเดียวกัน คดีที่เกิดนอกราชอาณาจักรเป็นอำนาจสั่งคดีของอัยการสูงสุด จึงต้องสั่งทั้งคดี ไม่ใช่บอกว่าคดีนี้แยกส่วนหนึ่งให้ลูกน้องไปดู ผมจึงมองว่าผิดหลักกฎหมาย แต่ถ้าถามผมว่าจะสั่งคดีนี้อย่างไร ผมตอบไม่ได้ เพราะไม่ทราบรายละเอียดและข้อเท็จจริงในคดี พูดได้แค่หลักกฎหมาย
กรณีมีคำสั่งในคดีก่อการร้ายทั้งฟ้องและไม่ฟ้อง "ดร.คณิต" บอกว่า ถ้าผมเป็นจำเลยอีกกว่า 20 คน จะต่อสู้ว่าสั่งฟ้องไม่ชอบ เพราะเป็นคดีเดียวกันต้องสั่งคนเดียว แต่ไปแยกพิจารณา และสั่งฟ้องไปคนละทาง
"ดร.คณิต" ยืนยันว่า กฎหมายเราดี แต่คนใช้มีปัญหา
ขอบคุณ... http://www.komchadluek.net/detail/20131023/171112.html (ขนาดไฟล์: 167)
( คมชัดลึกออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 23 ต.ค.56 )
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
\'กฎหมายเราดี แต่คนใช้มีปัญหา\' : ขยายปมร้อน โดยสมถวิล เทพสวัสดิ์, ปิยะนุช ทำนุเกษตรไชย สถานการณ์การเมืองเริ่มส่อเค้าขยายวงความวุ่นวายมากยิ่งขึ้น เมื่อหลายเรื่องใกล้ถึงเส้นตายของการพิจารณาตั้งแต่ "กฎหมายสำคัญ" หลายฉบับผ่านการพิจารณาของสภาท่ามกลางความกังขาของสังคม ตั้งแต่การแก้ไข "รัฐธรรมนูญ-พ.ร.บ.นิรโทษกรรม" ที่ล่าสุดถูกมองว่าเป็นกฎหมาย "สุดซอย" เป็นการ "นิรโทษเหมาเข่ง" ที่สำคัญถือเป็นการ "หักดิบกฎหมาย" นิรโทษทุกคดีที่เกี่ยวเนื่องกับการเมือง "ฆ่า เผา ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ หรือแม้กระทั่งคดีทุจริต คอร์รัปชั่น" กรรมาธิการนิรโทษกรรมอาศัยเสียงข้างมากลงมติสวนกระแสแม้กระทั่งเสียงคัดค้าน ของ "ญาติเหยื่อ" ผู้ที่สูญเสีย ขณะเดียวกันกลุ่มมวลชนที่ต่อต้านรัฐบาลก็เริ่มนำประเด็นไปขยายวง ทำให้หลายฝ่ายแสดงความกังวลจะเกิดความรุนแรงในสังคมขึ้นอีกครั้งเหมือนอดีต ที่ผ่านมา "ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.คณิต ณ นคร" ประธานกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ประธานกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ หรือ คอป. อดีตอัยการสูงสุด บอกปัดที่จะแสดงความเห็นในเรื่องนี้ เพียงแต่บอกว่า ได้เสนอความเห็นไปหลายครั้งแล้ว ขอให้อ่านรายงาน คอป.โดยเฉพาะข้อเสนอสุดท้าย วันนี้บอกได้แค่รู้สึกเป็นห่วงจะเกิดความรุนแรง ได้แต่ภาวนาอย่าให้เกิดอะไรขึ้น เพราะการสูญเสียไม่ใช่สิ่งดี ถ้าทุกคนเข้าใจ ช่วยกันเร็ว สถานการณ์ก็จะดีขึ้นเร็ว ความรุนแรงก็จะไม่เกิด เมื่อถามความเห็นกรณี ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลใช้เสียงข้างมากผ่านกฎหมายสำคัญหลายฉบับ "คณิต" ชี้ไปที่ข้อความปกหลังของหนังสือ "ประชาธิปไตยกับการตั้งรังเกียจทางสังคม" ที่เขียนขึ้นว่า "การปกครองระบอบประชาธิปไตยเป็นการปกครองโดยเสียงข้างมาก ข้อนี้เป็นการทราบกันดี แต่ในบางครั้งการใช้เสียงข้างมากได้เคยนำไปสู่ระบบเผด็จการ โดยเสียงข้างมากมาแล้ว" ส่วนคดีที่ "จุลสิงห์ วสันตสิงห์" อดีตอัยการสูงสุด สั่งไม่ฟ้อง "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีก่อการร้ายระหว่างการชุมนุมของนปช.เมื่อปี 2553 เพราะการโฟนอินไม่ได้ยุยงให้ทำผิดกฎหมาย หรือล้มรัฐบาล รวมทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ต่างประเทศ ในเรื่องนี้ "ดร.คณิต" กล่าวว่า คดีก่อการร้ายมี 2 คดี พูดง่ายๆ คือ คดีเสื้อแดงกับคดีเสื้อเหลือง คดีเสื้อเหลืองที่ไปบุกสนามบินสั่งฟ้องไปแล้วเป็นคดีอยู่ในราชอาณาจักร ส่วนคดีเสื้อแดงผู้ต้องหาในคดีส่วนใหญ่อยู่ในราชอาณาจักร อยู่นอกอาณาจักร 1 คน คือ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ถือเป็นคดีเดียวกัน ถ้าคดีที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศอำนาจเป็นของอัยการสูงสุด ต้องสั่งทั้งคดีจึงจะถูกต้อง "ผมชี้ให้เห็นว่าหลักกฎหมายเป็นแบบนี้ คดีเสื้อเหลืองไม่เป็นไรเกิดในประเทศ จะสั่งเองก็ได้หรือให้อัยการฝ่ายคดีพิเศษ ซึ่งเป็นลูกน้องสั่งก็ได้ แต่เราเป็นอัยการต้องแยกแยะ สมัยที่ผมเป็นอัยการสูงสุดทำคดีซื้อเสียงเลือกตั้งที่ จ.บุรีรัมย์ ถือเป็นคดีใหญ่ผมลงไปดูแลคดีด้วยตัวเอง ผมไม่ได้มานั่งตีขิมรับเงิน คนเป็นอัยการสูงสุดต้องดูความสำคัญของคดี ผมลงไปทำคดี จะเห็นว่าผมสั่งฟ้องคดีนี้และศาลตัดสินให้ติดคุก" ดร.คณิต ยกตัวอย่างคดีเปรียบให้ฟัง "อดีตอัยการสูงสุด" ท่านนี้ยังเล่าให้ฟังต่อว่า อัยการสูงสุดต้องมีความรู้ ไม่ใช่ใครก็เป็นได้ แม้จะจบกฎหมายก็ตาม ต้องตั้งคนที่ดี ความรู้ดี เข้าใจการบริหาร อย่างคดีการทุจริตที่ดิน ส.ป.ก.4-01 สมัยรัฐบาลชวน หลีกภัย ก็ลงไปทำคดีด้วยตัวเอง เพราะเป็นเรื่องใหญ่เป็นเรื่องการเมือง ถ้าเรื่องใหญ่อัยการสูงสุดปล่อยให้ลูกน้องทำ จะเชื่อมั่นหรือว่าลูกน้องรับอิทธิพลอะไรไหว เหมือนคดีซื้อเสียงบุรีรัมย์ เป็นพื้นที่ของใคร ผมจึงต้องไปทำคดีเอง นี่คือผม แต่คุณจุลสิงห์ไม่ใช่ผม จึงไม่เหมือนกัน ไม่ใช่ศิษย์สำนักเดียวกัน คุณจุลสิงห์จบกฎหมายจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผมจบจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่หลักกฎหมายเราเรียนเล่มเดียวกัน คดีที่เกิดนอกราชอาณาจักรเป็นอำนาจสั่งคดีของอัยการสูงสุด จึงต้องสั่งทั้งคดี ไม่ใช่บอกว่าคดีนี้แยกส่วนหนึ่งให้ลูกน้องไปดู ผมจึงมองว่าผิดหลักกฎหมาย แต่ถ้าถามผมว่าจะสั่งคดีนี้อย่างไร ผมตอบไม่ได้ เพราะไม่ทราบรายละเอียดและข้อเท็จจริงในคดี พูดได้แค่หลักกฎหมาย กรณีมีคำสั่งในคดีก่อการร้ายทั้งฟ้องและไม่ฟ้อง "ดร.คณิต" บอกว่า ถ้าผมเป็นจำเลยอีกกว่า 20 คน จะต่อสู้ว่าสั่งฟ้องไม่ชอบ เพราะเป็นคดีเดียวกันต้องสั่งคนเดียว แต่ไปแยกพิจารณา และสั่งฟ้องไปคนละทาง "ดร.คณิต" ยืนยันว่า กฎหมายเราดี แต่คนใช้มีปัญหา ขอบคุณ... http://www.komchadluek.net/detail/20131023/171112.html ( คมชัดลึกออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 23 ต.ค.56 )
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)