อัปยศ!! นิรโทษยกเข่ง การเมืองบัดสี ล้างผิดเป็นถูก…

อุณหภูมิการเมืองร้อนขึ้นทันควัน…

เมื่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมืองการแสดงออก ทางการเมืองพ.ศ. …. หรือ ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม เสียงข้างมาก มีมติให้แก้ไขมาตรา 3 ตามข้อเสนอของ “ประยุทธ์ ศิริพานิชย์” ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธาน กมธ. คนที่ 1 ที่ให้การนิรโทษกรรมครอบคลุมถึง “แกนนำ” และ “ผู้สั่งการ” …

ล้างผิดกันตั้งแต่ระดับผู้สั่งการ รวมถึงความผิดที่เกิดขึ้นจากการตั้งคณะกรรมการ หรือหน่วยงานทั้งหมดหลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 “เหมาเข่ง” ตั้งแต่ แกนนำ เหลือง-แดง จนถึง เจ้าหน้าที่รัฐ

ซึ่งก็มิใช่เป็นประเด็นมากไปกว่า ผู้ต้องคดีอาญา เช่น “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ได้อานิสงค์ พ้นผิด เช่นเดียวกับ ผู้สั่งการปราบประชาชน คดีสลายการชุมนุมจนทำให้มีผู้เสียชีวิต 91 ศพ เมื่อปี 2553

“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” อดีตนายกรัฐมนตรี และ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” อดีตรองนายกฯ ในฐานะอดีตผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) พ้นข้อกล่าวหาในคดีสั่งสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553

“การแปรญัตติของ กมธ.ตอกย้ำสิ่งที่เราพูดมาตลอด คือ วัฒนธรรมการทำผิด แต่ไม่ต้องรับผิดชอบ จะถูกผลิตซ้ำ ด้วยกระบวนการสมยอมทางการเมือง”

นี่เป็นบทสัมภาษณ์บางช่วงบางตอนของ “สุนัย ผาสุก” ผู้ประสานงานที่ปรึกษาองค์กรฮิวแมนไรท์วอทช์ ประจำประเทศไทย เขายังบอกอีกว่า การนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่งจะทำให้เกิดวัฒนธรรม การใช้ความรุนแรงแบบใดก็ได้ ถ้ามีการสมประโยชน์โดยอ้างเรื่องความปรองดอง สุดท้ายก็ไม่มีใครต้องรับผิด เหมือนเหตุการณ์ 14 ตุลา 6 ตุลา และพฤษภาทิฬ ปี 2535

และเหตุการณ์ปี 2553 ก็จะจบแบบอีหรอบเดิมหรือไม่ ถ้าจบแบบเดียวกัน ในอนาคตหากมีการปะทะกัน ตีกัน ฆ่ากัน เผากัน ก็จะไปลุ้นให้มีการฮั้วกัน ไม่ต้องรับผิดอะไร

สุนัย ยังย้ำว่า องค์กรสิทธิมนุษยชนไม่ได้คัดค้านการนิรโทษกรรม แต่จะต้องมีเงื่อนไขชัดเจนว่าการกระทำเช่นใด จะได้รับการนิรโทษกรรม ซึ่งโดยหลักแล้วความผิดที่นำมาสู่การเสียชีวิตจะต้องเข้าสู่กระบวนการ ยุติธรรม ไม่ว่าจะฝั่งใดก็ตาม

และเมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลก็เพิ่งทุ่มงบประมาณเชิญผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศมา บรรยายบนเวทีสมานฉันท์ ซึ่งทุกคนก็พูดตรงกันว่า การนิรโทษกรรมเป็นแค่ปลายทาง ก่อนจะมีการสมานฉันท์ได้ ยังต้องมีขั้นตอนต่างๆ เช่น 1.ทำความจริงให้ปรากฏ เกิดอะไรขึ้น ใครเป็นผู้รับผิดชอบ 2.คนที่ละเมิดสิทธิ์ต้องสำนึกผิด ขอโทษ และเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และ 3.ต้องมีการหารือในวงกว้าง ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีการทำเช่นนี้ มีแค่เวทีซึ่งจัดโดยกระทรวงมหาดไทยเท่านั้น

“รัฐบาลยังไม่ได้ทำอะไรเหล่านั้นเลย จู่ๆ จะมาตัดตอนนิรโทษกรรมเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน พอถูกต่อต้านก็ถอยออกมา แล้วเสนอร่างของนายวรชัย เหมะเข้าไป บอกว่าจะนิรโทษกรรมเฉพาะผู้ชุมนุม แต่ตลบหลังยัดไส้ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าอัปยศอย่างยิ่ง”

“เอาข้ออ้างช่วยเหลือมวลชน มาพันกับการต่อรองทางการเมือง แล้วหากร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับนี้มีปัญหา ต้องล้มไปไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด แปรญัตติเกินกว่าวาระแรกหรือขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 309 เท่ากับมวลชนที่ติดคุกแล้วถูกนำมาใช้เป็นตัวประกันจะถูกถีบทิ้งอย่าโหด เหี้ยมที่สุด”

ทุจริต โกงชาติ สั่งฆ่าประชาชน หรือเหล่านี้คือ บรรทัดฐานการเมืองไทย…?!

ขอบคุณ… http://news.mthai.com/headline-news/278937.html

(mthaiนิวส์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 23 ต.ค.56)

ที่มา: mthaiนิวส์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 23 ต.ค.56
วันที่โพสต์: 24/10/2556 เวลา 02:59:24

แสดงความคิดเห็น

รายละเอียดกระทู้

อุณหภูมิการเมืองร้อนขึ้นทันควัน… เมื่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมืองการแสดงออก ทางการเมืองพ.ศ. …. หรือ ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม เสียงข้างมาก มีมติให้แก้ไขมาตรา 3 ตามข้อเสนอของ “ประยุทธ์ ศิริพานิชย์” ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธาน กมธ. คนที่ 1 ที่ให้การนิรโทษกรรมครอบคลุมถึง “แกนนำ” และ “ผู้สั่งการ” … ล้างผิดกันตั้งแต่ระดับผู้สั่งการ รวมถึงความผิดที่เกิดขึ้นจากการตั้งคณะกรรมการ หรือหน่วยงานทั้งหมดหลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 “เหมาเข่ง” ตั้งแต่ แกนนำ เหลือง-แดง จนถึง เจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งก็มิใช่เป็นประเด็นมากไปกว่า ผู้ต้องคดีอาญา เช่น “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ได้อานิสงค์ พ้นผิด เช่นเดียวกับ ผู้สั่งการปราบประชาชน คดีสลายการชุมนุมจนทำให้มีผู้เสียชีวิต 91 ศพ เมื่อปี 2553 “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” อดีตนายกรัฐมนตรี และ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” อดีตรองนายกฯ ในฐานะอดีตผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) พ้นข้อกล่าวหาในคดีสั่งสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 อัปยศ!! นิรโทษยกเข่ง การเมืองบัดสี ล้างผิดเป็นถูก… “การแปรญัตติของ กมธ.ตอกย้ำสิ่งที่เราพูดมาตลอด คือ วัฒนธรรมการทำผิด แต่ไม่ต้องรับผิดชอบ จะถูกผลิตซ้ำ ด้วยกระบวนการสมยอมทางการเมือง” นี่เป็นบทสัมภาษณ์บางช่วงบางตอนของ “สุนัย ผาสุก” ผู้ประสานงานที่ปรึกษาองค์กรฮิวแมนไรท์วอทช์ ประจำประเทศไทย เขายังบอกอีกว่า การนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่งจะทำให้เกิดวัฒนธรรม การใช้ความรุนแรงแบบใดก็ได้ ถ้ามีการสมประโยชน์โดยอ้างเรื่องความปรองดอง สุดท้ายก็ไม่มีใครต้องรับผิด เหมือนเหตุการณ์ 14 ตุลา 6 ตุลา และพฤษภาทิฬ ปี 2535 และเหตุการณ์ปี 2553 ก็จะจบแบบอีหรอบเดิมหรือไม่ ถ้าจบแบบเดียวกัน ในอนาคตหากมีการปะทะกัน ตีกัน ฆ่ากัน เผากัน ก็จะไปลุ้นให้มีการฮั้วกัน ไม่ต้องรับผิดอะไร สุนัย ยังย้ำว่า องค์กรสิทธิมนุษยชนไม่ได้คัดค้านการนิรโทษกรรม แต่จะต้องมีเงื่อนไขชัดเจนว่าการกระทำเช่นใด จะได้รับการนิรโทษกรรม ซึ่งโดยหลักแล้วความผิดที่นำมาสู่การเสียชีวิตจะต้องเข้าสู่กระบวนการ ยุติธรรม ไม่ว่าจะฝั่งใดก็ตาม และเมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลก็เพิ่งทุ่มงบประมาณเชิญผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศมา บรรยายบนเวทีสมานฉันท์ ซึ่งทุกคนก็พูดตรงกันว่า การนิรโทษกรรมเป็นแค่ปลายทาง ก่อนจะมีการสมานฉันท์ได้ ยังต้องมีขั้นตอนต่างๆ เช่น 1.ทำความจริงให้ปรากฏ เกิดอะไรขึ้น ใครเป็นผู้รับผิดชอบ 2.คนที่ละเมิดสิทธิ์ต้องสำนึกผิด ขอโทษ และเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และ 3.ต้องมีการหารือในวงกว้าง ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีการทำเช่นนี้ มีแค่เวทีซึ่งจัดโดยกระทรวงมหาดไทยเท่านั้น “รัฐบาลยังไม่ได้ทำอะไรเหล่านั้นเลย จู่ๆ จะมาตัดตอนนิรโทษกรรมเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน พอถูกต่อต้านก็ถอยออกมา แล้วเสนอร่างของนายวรชัย เหมะเข้าไป บอกว่าจะนิรโทษกรรมเฉพาะผู้ชุมนุม แต่ตลบหลังยัดไส้ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าอัปยศอย่างยิ่ง” “เอาข้ออ้างช่วยเหลือมวลชน มาพันกับการต่อรองทางการเมือง แล้วหากร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับนี้มีปัญหา ต้องล้มไปไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด แปรญัตติเกินกว่าวาระแรกหรือขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 309 เท่ากับมวลชนที่ติดคุกแล้วถูกนำมาใช้เป็นตัวประกันจะถูกถีบทิ้งอย่าโหด เหี้ยมที่สุด” ทุจริต โกงชาติ สั่งฆ่าประชาชน หรือเหล่านี้คือ บรรทัดฐานการเมืองไทย…?! ขอบคุณ… http://news.mthai.com/headline-news/278937.html (mthaiนิวส์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 23 ต.ค.56)