นายกฯ ย้ำไทยให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาสิทธิมนุษยชน
กรุงเทพฯ 14 ก.ย.-นายกรัฐมนตรีแจงการเข้าร่วมประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ครั้งที่ 24 ที่นครเจนีวา ย้ำไทยให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาสิทธิมนุษยชน โดยยึดหลักมนุษยชน พร้อมเชิญชวนภาคเอกชนสวิสเข้ามาลงทุนในไทย เพิ่มมูลค่าการค้าให้กับประเทศ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวในรายการ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน” ซึ่งบันทึกเทปจากสมาพันธรัฐสวิส โดยย้ำถึงการกล่าวถ้อยแถลงในเวทีการประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชา ชาติ ครั้งที่ 24 ว่าไทยให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชน และหารือกับตัวแทนคณะมนตรีฯ หลายเรื่อง เช่น ปัญหาแรงงานต่างด้าว ปัญหาผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ปัญหาการค้ามนุษย์ ซึ่งนานาประเทศให้ความสำคัญกับปัญหาแรงงานต่างด้าว โดยได้ชี้แจงว่าไทยให้การดูแลผู้ใช้แรงงานต่างด้าวตามหลักสิทธิมนุษยธรรม และร่วมกับองค์การสหประชาชาติอำนวยความสะดวกการกลับสู่ถิ่นฐานเดิม ขณะเดียวกันหารือเรื่องการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง เพื่อให้ได้รับการดูแลด้านสาธารณสุข ซึ่งทำให้ไทยได้รับการชื่นชม ส่วนความร่วมมือในการแก้ปัญหาจะร่วมกับองค์การสหประชาชาติและองค์กรอื่นๆ
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การเดินทางครั้งนี้ได้นำภาคเอกชนไปด้วย ซึ่งเอกชนไทยและสวิสได้มีการหารือกัน โดยจะมีสภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรม เอสเอ็มอี ก็มีความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนกับภาคเอกชน จับกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องในสาขาที่เอกชนไทยสนใจ และด้านวิชาการ สวิสเป็นประเทศคู่ค้าอันดับ 1 ในกลุ่มยุโรป ภาคเอกชนอยากให้เร่งกรอบการเจรจาเอฟทีเอที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มของเอฟทีเอของ อียู เราก็ต้องเร่งเพื่อให้เอกชนได้สิทธิพิเศษอย่างเต็มที่ และโอกาสนี้ขอบคุณสวิสที่จัดหลักสูตรภาษาไทยให้ลูกหลานคนไทย
“ประเทศไทยสนใจเรื่องการลงทุนพลังงานทดแทน ทั้งในส่วนที่จะมาลงทุนที่สวิส และเชิญสวิสไปลงทุนด้วย ที่นี่เขามีการใช้ขยะเป็นพลังงานทดแทน นอกจากนี้สวิสนำเข้าสินค้าทางการเกษตรของเราหลายอย่าง ก็เชิญชวนให้นำเข้าจากไทยมากขึ้น และได้ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของไทยด้วย ซึ่งได้เชิญชวนนักลงทุนของสวิสด้านภาคบริการมาลงทุนในไทย” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการเข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก ว่าถือเป็นเกียรติอย่างสูงสุด ซึ่งได้พูดคุยเรื่องเจตนารมรณ์ของรัฐบาลในการให้ความช่วยหลือเด็กและสตรีให้ ได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด และรัฐบาลพร้อมสนับสนุนการเผยแพร่ทุกคำสอนของศาสนา เพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวันให้เกิดสันติภาพและสงบสุข
ทั้งนี้ รายการในวันนี้ได้นำเสนอการดำเนินธุรกิจและการลงทุนของสมาพันธรัฐสวิส สาธารณรัฐอิตาลี นครรัฐวาติกัน และสาธารณรัฐมอนเตเนโกร รวมถึงการกล่าวถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีในการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสห ประชาชาติ ครั้งที่ 24 ที่นครเจนีวา และการเยือนสมาพันธรัฐสวิส สาธารณรัฐอิตาลี นครรัฐวาติกัน และสาธารณรัฐมอนเตเนโกรอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 8-15 กันยายน 2556 รวมถึงการเข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก ณ พระราชวังสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ณ นครรัฐวาติกัน โดยการเยือนนครรัฐวาติกันครั้งนี้เป็นการเยือนในรอบ 58 ปีของนายกรัฐมนตรีไทย นับตั้งแต่การเยือนของจอมพล ป.พิบูลสงคราม ซึ่งเยือนนครรัฐวาติกันครั้งแรกเมื่อปี 2498
ขอบคุณ … http://www.mcot.net/site/content?id=5233d9d4150ba06b0f000058#.UjUGPTcrWyg (ขนาดไฟล์: 175)
สำนักข่าวไทยออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 14 ก.ย.56
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
กรุงเทพฯ 14 ก.ย.-นายกรัฐมนตรีแจงการเข้าร่วมประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ครั้งที่ 24 ที่นครเจนีวา ย้ำไทยให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาสิทธิมนุษยชน โดยยึดหลักมนุษยชน พร้อมเชิญชวนภาคเอกชนสวิสเข้ามาลงทุนในไทย เพิ่มมูลค่าการค้าให้กับประเทศ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวในรายการ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน” ซึ่งบันทึกเทปจากสมาพันธรัฐสวิส โดยย้ำถึงการกล่าวถ้อยแถลงในเวทีการประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชา ชาติ ครั้งที่ 24 ว่าไทยให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชน และหารือกับตัวแทนคณะมนตรีฯ หลายเรื่อง เช่น ปัญหาแรงงานต่างด้าว ปัญหาผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ปัญหาการค้ามนุษย์ ซึ่งนานาประเทศให้ความสำคัญกับปัญหาแรงงานต่างด้าว โดยได้ชี้แจงว่าไทยให้การดูแลผู้ใช้แรงงานต่างด้าวตามหลักสิทธิมนุษยธรรม และร่วมกับองค์การสหประชาชาติอำนวยความสะดวกการกลับสู่ถิ่นฐานเดิม ขณะเดียวกันหารือเรื่องการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง เพื่อให้ได้รับการดูแลด้านสาธารณสุข ซึ่งทำให้ไทยได้รับการชื่นชม ส่วนความร่วมมือในการแก้ปัญหาจะร่วมกับองค์การสหประชาชาติและองค์กรอื่นๆ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การเดินทางครั้งนี้ได้นำภาคเอกชนไปด้วย ซึ่งเอกชนไทยและสวิสได้มีการหารือกัน โดยจะมีสภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรม เอสเอ็มอี ก็มีความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนกับภาคเอกชน จับกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องในสาขาที่เอกชนไทยสนใจ และด้านวิชาการ สวิสเป็นประเทศคู่ค้าอันดับ 1 ในกลุ่มยุโรป ภาคเอกชนอยากให้เร่งกรอบการเจรจาเอฟทีเอที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มของเอฟทีเอของ อียู เราก็ต้องเร่งเพื่อให้เอกชนได้สิทธิพิเศษอย่างเต็มที่ และโอกาสนี้ขอบคุณสวิสที่จัดหลักสูตรภาษาไทยให้ลูกหลานคนไทย “ประเทศไทยสนใจเรื่องการลงทุนพลังงานทดแทน ทั้งในส่วนที่จะมาลงทุนที่สวิส และเชิญสวิสไปลงทุนด้วย ที่นี่เขามีการใช้ขยะเป็นพลังงานทดแทน นอกจากนี้สวิสนำเข้าสินค้าทางการเกษตรของเราหลายอย่าง ก็เชิญชวนให้นำเข้าจากไทยมากขึ้น และได้ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของไทยด้วย ซึ่งได้เชิญชวนนักลงทุนของสวิสด้านภาคบริการมาลงทุนในไทย” นายกรัฐมนตรี กล่าว นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการเข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก ว่าถือเป็นเกียรติอย่างสูงสุด ซึ่งได้พูดคุยเรื่องเจตนารมรณ์ของรัฐบาลในการให้ความช่วยหลือเด็กและสตรีให้ ได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด และรัฐบาลพร้อมสนับสนุนการเผยแพร่ทุกคำสอนของศาสนา เพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวันให้เกิดสันติภาพและสงบสุข ทั้งนี้ รายการในวันนี้ได้นำเสนอการดำเนินธุรกิจและการลงทุนของสมาพันธรัฐสวิส สาธารณรัฐอิตาลี นครรัฐวาติกัน และสาธารณรัฐมอนเตเนโกร รวมถึงการกล่าวถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีในการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสห ประชาชาติ ครั้งที่ 24 ที่นครเจนีวา และการเยือนสมาพันธรัฐสวิส สาธารณรัฐอิตาลี นครรัฐวาติกัน และสาธารณรัฐมอนเตเนโกรอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 8-15 กันยายน 2556 รวมถึงการเข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก ณ พระราชวังสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ณ นครรัฐวาติกัน โดยการเยือนนครรัฐวาติกันครั้งนี้เป็นการเยือนในรอบ 58 ปีของนายกรัฐมนตรีไทย นับตั้งแต่การเยือนของจอมพล ป.พิบูลสงคราม ซึ่งเยือนนครรัฐวาติกันครั้งแรกเมื่อปี 2498 ขอบคุณ … http://www.mcot.net/site/content?id=5233d9d4150ba06b0f000058#.UjUGPTcrWyg สำนักข่าวไทยออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 14 ก.ย.56
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)