"ปู" กล่าวต่อที่ประชุมสิทธิมนุษยชนยูเอ็น ชี้ไทยยังต้องปกป้องประชาธิปไตย จากผู้มีจิตใจไม่เป็นปชต.
เมื่อวันที่ 9 กันยายน ที่สำนักงานสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถ้อยแถลงต่อประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 24 (HRC 24) ตอนหนึ่งว่า เหตุการณ์ในซีเรียแสดงให้เห็นว่า ความเป็นจริงนั้นเป็นสิ่งที่แตกต่างไป ความท้าทายของการรักษาสิทธิของประชาชนยังคงน่าเป็นห่วง สถานการณ์เหล่านี้ไม่สามารถแก้ไขด้วยมติที่ประชุมแต่เพียงลำพัง คำพูดต่างๆทำให้เกิดความรู้สึกที่ดี แต่ด้วยการดำเนินการเท่านั้น ที่สามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง ความท้าทายของเราคือ เราจะสร้างผลลัพธ์ที่จริงจังและนำมาซึ่งความแตกต่างในชีวิตของประชาชนหรือ ไม่ สิ่งนี้ต้องมีการเจรจาหารืออย่างจริงจังและมีพันธสัญญาต่อกันในการปฏิบัติการ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ประเทศไทยได้เสนอข้อริเริ่มประจำปีเพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางวิชาการและ สร้างศักยภาพในงานของคณะมนตรีฯ และเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยสนับสนุน Voluntary Fund for Technical Cooperation in the Field of Human Rights ซึ่งการสนับสนุนนี้เป็นการเพิ่มจากการสนับสนุนประจำปีที่ให้กับงานของสำนัก งานข้าหลวงใหญ่ (Office of the High Commissioner) ซึ่งเราหวังว่าประเทศต่างๆจะได้สนับสนุนและดำเนินการร่วมกันให้มากขึ้น การเรียกร้องให้ทุกส่วนดำเนินการให้มากขึ้นและดียิ่งขึ้น ซึ่งไม่ได้หมายถึงเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะสิทธิทางการเมืองและพลเมือง ที่รวมถึงเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น แต่เรายังต้องแก้ปัญหาสิทธิทางสังคมและวัฒนธรรม และหาทางเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจสำหรับทุกคน เราจะต้องไม่ยอมรับการกีดกันแบ่งแยกในความไม่เท่าเทียมกัน
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ประเทศไทยผ่านการประเมินตนเอง และได้ดำเนินการแก้ปัญหาในประเด็นที่มีการแนะนำไว้อย่างต่อเนื่อง โดยมีความก้าวหน้าตามข้อเสนอที่เป็นที่ยอมรับและเราจะทำให้ดียิ่งขึ้น เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ประเทศไทยมีความก้าวหน้าเป็นอย่างมากในเรื่องสิทธิมนุษยชน ของทุกคน แต่เราก็ตระหนักดีว่า ผู้ที่ขาดสิทธิขาดเสียงและผู้ที่มีความเปราะบางยังปรากฏอยู่รายรอบ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า สิทธิมนุษยชนเป็นหัวใจของประชาธิปไตย และเป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องยึดหลักประชาธิปไตย เราต้องไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่ขัดต่อหลักประชาธิปไตย และเราต้องคงไว้ซึ่งการสนับสนุนคุณค่าประชาธิปไตยด้วยการคุ้มครองสิทธิและ เสรีภาพของประชาชน ในขณะเดียวกัน ประชาธิปไตยไม่ใช่เพียงการชนะการเลือกตั้งด้วยเสียงข้างมาก แต่เป็นการใช้อำนาจในวิถีทางที่เคารพต่อเสียงส่วนน้อย ซึ่งหมายถึงผู้ที่อยู่ในอำนาจต้องไม่ยึดติดกับอำนาจและไม่นำความต้องการของ ใครคนใดคนหนึ่งยัดเยียดให้กับผู้อื่นเชื่อว่า การดำเนินการของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน และความร่วมมือในการแก้ปัญหาในเรื่องสิทธิมนุษยชนสามารถทำให้รัฐบาลตอบสนอง ต่อความต้องการของประชาชนมากขึ้นและจะทำให้อำนาจเป็นของประชาชนเสมอไป
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ประเทศไทยได้ผ่านความท้าทายในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาหลายทศวรรษ การเดินทางยังคงไม่ราบรื่น แม้แต่ขณะนี้ ตนยังต้องปกป้องประชาธิปไตยจากผู้มีจิตใจที่ไม่เป็นประชาธิปไตย แท้จริงแล้ว ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน ความยุติธรรม และนิติรัฐ นิติธรรม เป็นคุณค่าสากลที่เชื่อมประชาชนและประเทศต่างๆเข้าด้วยกัน ประเทศไทยตระหนักถึงความทุ่มเททั้งหลายในการกำหนดให้มนุษย์เป็นศูนย์กลางการ พัฒนา เราสนับสนุนหลักคิดที่สะท้อนประเด็นเหล่านี้ ภายใต้วาระการพัฒนาภายหลังปี 2015 อย่างต่อเนื่อง ในฐานะผู้นำสตรี ตนได้แบ่งปันความปรารถนาที่แรงกล้าของเธอในต่อสู้กับความไม่เท่าเทียมทุกรูป แบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อสตรีและเด็ก และยังมีอีกมากที่เราสามารถแบ่งปันซึ่งกันและกันและเป็นพลังเพื่อการเปลี่ยน แปลง
นายกฯ ระบุว่า ขอแสดงความประสงค์ต่อพันธสัญญาที่มีต่อคณะมนตรีฯต่อไป ซึ่งไทยได้เสนอตัวเป็นสมาชิกของคณะมนตรีฯในช่วงปี 2015-2017ความพยายามด้านสิทธิมนุษยชนของไทยในระดับประเทศและระหว่างประเทศ เป็นกุญแจสู่เส้นทางประชาธิปไตยของประเทศซึ่งเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ความอด ทนและความทุ่มเทอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างประชาธิปไตยให้เกิดขึ้น ประเด็นสำคัญคือ ประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่บ่มเพาะขึ้นในประเทศนั้นๆ แต่เราทุกคนสามารถเรียนรู้จากกันและกัน ประเทศไทยหมายถึงแผ่นดินแห่งเสรีภาพ จึงเป็นเหตุผลว่าทำเราจึงสนับสนุน Universal of Declaration of Human Rights และเราคนไทยยึดมั่นเคียงคู่กับคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนและทุกคนที่เชื่อว่า มวลมนุษย์ทุกคนต่างเกิดมามีเสรีภาพ และมีสิทธิและศักดิ์ศรีที่เท่าเทียมกัน
ขอบคุณ... http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1378730941&grpid=&catid=01&subcatid=0100
มติชนออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 9 ก.ย.56
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 กันยายน ที่สำนักงานสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถ้อยแถลงต่อประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 24 (HRC 24) ตอนหนึ่งว่า เหตุการณ์ในซีเรียแสดงให้เห็นว่า ความเป็นจริงนั้นเป็นสิ่งที่แตกต่างไป ความท้าทายของการรักษาสิทธิของประชาชนยังคงน่าเป็นห่วง สถานการณ์เหล่านี้ไม่สามารถแก้ไขด้วยมติที่ประชุมแต่เพียงลำพัง คำพูดต่างๆทำให้เกิดความรู้สึกที่ดี แต่ด้วยการดำเนินการเท่านั้น ที่สามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง ความท้าทายของเราคือ เราจะสร้างผลลัพธ์ที่จริงจังและนำมาซึ่งความแตกต่างในชีวิตของประชาชนหรือ ไม่ สิ่งนี้ต้องมีการเจรจาหารืออย่างจริงจังและมีพันธสัญญาต่อกันในการปฏิบัติการ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ประเทศไทยได้เสนอข้อริเริ่มประจำปีเพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางวิชาการและ สร้างศักยภาพในงานของคณะมนตรีฯ และเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยสนับสนุน Voluntary Fund for Technical Cooperation in the Field of Human Rights ซึ่งการสนับสนุนนี้เป็นการเพิ่มจากการสนับสนุนประจำปีที่ให้กับงานของสำนัก งานข้าหลวงใหญ่ (Office of the High Commissioner) ซึ่งเราหวังว่าประเทศต่างๆจะได้สนับสนุนและดำเนินการร่วมกันให้มากขึ้น การเรียกร้องให้ทุกส่วนดำเนินการให้มากขึ้นและดียิ่งขึ้น ซึ่งไม่ได้หมายถึงเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะสิทธิทางการเมืองและพลเมือง ที่รวมถึงเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น แต่เรายังต้องแก้ปัญหาสิทธิทางสังคมและวัฒนธรรม และหาทางเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจสำหรับทุกคน เราจะต้องไม่ยอมรับการกีดกันแบ่งแยกในความไม่เท่าเทียมกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ประเทศไทยผ่านการประเมินตนเอง และได้ดำเนินการแก้ปัญหาในประเด็นที่มีการแนะนำไว้อย่างต่อเนื่อง โดยมีความก้าวหน้าตามข้อเสนอที่เป็นที่ยอมรับและเราจะทำให้ดียิ่งขึ้น เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ประเทศไทยมีความก้าวหน้าเป็นอย่างมากในเรื่องสิทธิมนุษยชน ของทุกคน แต่เราก็ตระหนักดีว่า ผู้ที่ขาดสิทธิขาดเสียงและผู้ที่มีความเปราะบางยังปรากฏอยู่รายรอบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า สิทธิมนุษยชนเป็นหัวใจของประชาธิปไตย และเป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องยึดหลักประชาธิปไตย เราต้องไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่ขัดต่อหลักประชาธิปไตย และเราต้องคงไว้ซึ่งการสนับสนุนคุณค่าประชาธิปไตยด้วยการคุ้มครองสิทธิและ เสรีภาพของประชาชน ในขณะเดียวกัน ประชาธิปไตยไม่ใช่เพียงการชนะการเลือกตั้งด้วยเสียงข้างมาก แต่เป็นการใช้อำนาจในวิถีทางที่เคารพต่อเสียงส่วนน้อย ซึ่งหมายถึงผู้ที่อยู่ในอำนาจต้องไม่ยึดติดกับอำนาจและไม่นำความต้องการของ ใครคนใดคนหนึ่งยัดเยียดให้กับผู้อื่นเชื่อว่า การดำเนินการของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน และความร่วมมือในการแก้ปัญหาในเรื่องสิทธิมนุษยชนสามารถทำให้รัฐบาลตอบสนอง ต่อความต้องการของประชาชนมากขึ้นและจะทำให้อำนาจเป็นของประชาชนเสมอไป น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ประเทศไทยได้ผ่านความท้าทายในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาหลายทศวรรษ การเดินทางยังคงไม่ราบรื่น แม้แต่ขณะนี้ ตนยังต้องปกป้องประชาธิปไตยจากผู้มีจิตใจที่ไม่เป็นประชาธิปไตย แท้จริงแล้ว ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน ความยุติธรรม และนิติรัฐ นิติธรรม เป็นคุณค่าสากลที่เชื่อมประชาชนและประเทศต่างๆเข้าด้วยกัน ประเทศไทยตระหนักถึงความทุ่มเททั้งหลายในการกำหนดให้มนุษย์เป็นศูนย์กลางการ พัฒนา เราสนับสนุนหลักคิดที่สะท้อนประเด็นเหล่านี้ ภายใต้วาระการพัฒนาภายหลังปี 2015 อย่างต่อเนื่อง ในฐานะผู้นำสตรี ตนได้แบ่งปันความปรารถนาที่แรงกล้าของเธอในต่อสู้กับความไม่เท่าเทียมทุกรูป แบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อสตรีและเด็ก และยังมีอีกมากที่เราสามารถแบ่งปันซึ่งกันและกันและเป็นพลังเพื่อการเปลี่ยน แปลง นายกฯ ระบุว่า ขอแสดงความประสงค์ต่อพันธสัญญาที่มีต่อคณะมนตรีฯต่อไป ซึ่งไทยได้เสนอตัวเป็นสมาชิกของคณะมนตรีฯในช่วงปี 2015-2017ความพยายามด้านสิทธิมนุษยชนของไทยในระดับประเทศและระหว่างประเทศ เป็นกุญแจสู่เส้นทางประชาธิปไตยของประเทศซึ่งเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ความอด ทนและความทุ่มเทอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างประชาธิปไตยให้เกิดขึ้น ประเด็นสำคัญคือ ประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่บ่มเพาะขึ้นในประเทศนั้นๆ แต่เราทุกคนสามารถเรียนรู้จากกันและกัน ประเทศไทยหมายถึงแผ่นดินแห่งเสรีภาพ จึงเป็นเหตุผลว่าทำเราจึงสนับสนุน Universal of Declaration of Human Rights และเราคนไทยยึดมั่นเคียงคู่กับคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนและทุกคนที่เชื่อว่า มวลมนุษย์ทุกคนต่างเกิดมามีเสรีภาพ และมีสิทธิและศักดิ์ศรีที่เท่าเทียมกัน ขอบคุณ... http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1378730941&grpid=&catid=01&subcatid=0100 มติชนออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 9 ก.ย.56
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)