รัฐบาลต้องสู้ เพื่อปกป้องกฎหมายไทย
วันเสาร์สบายๆวันนี้คุยกันเรื่อง “กฎหมายบุหรี่” ที่ ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งให้ รัฐมนตรีสาธารณสุข ทุเลาการบังคับใช้ คำเตือนบนซองบุหรี่ขนาด 85% จากการฟ้องร้องของบริษัทบุหรี่ข้ามชาติ ฟิลิป มอร์ริส ต่อกันอีกสักวันนะครับ เพราะเป็นเรื่องใหญ่ เป็นครั้งแรกที่บริษัทต่างชาติแทรกแซงกฎหมายไทย
คดีนี้ถ้าหาก กระทรวงสาธารณสุขแพ้ ก็เหมือน รัฐบาลไทยแพ้
ถ้า หาก รัฐบาลแพ้ อนาคตประเทศไทยมีปัญหาแน่ เพราะจะมี บริษัทต่างชาติ ที่ ไม่พอใจกฎหมายไทย ซึ่งรัฐบาลจำเป็นต้องออกมาเพื่อ ปกป้องผลประโยชน์ของคนไทย ปกป้องผลประโยชน์ของประเทศไทย จะพากันเอาอย่าง ฟิลิป มอร์ริส ฟ้องศาลให้ยกเลิกกฎหมายที่ขัดผลประโยชน์ของบริษัทต่างชาติ ทั้งที่ในความเป็นจริง การออกกฎหมายปกป้องผลประโยชน์ของชาติ เป็นเรื่องที่ทำกันทั่วโลก โดยเฉพาะ สหรัฐฯ มีกฎหมายปกป้องผลประโยชน์ของคนอเมริกันมากที่สุดในโลก
แต่การต่อสู้ ของ นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีสาธารณสุข วันนี้ไม่โดดเดี่ยวอีกแล้ว เมื่อ สมาชิกสมาพันธ์นานาชาติด้านการสร้างเสริมสุขภาพและการศึกษา (IUHPE) ที่มาประชุมกันที่เมืองพัทยา กว่า 1,000 คน ได้ลงชื่อสนับสนุน กระทรวงสาธารณสุขไทย เพื่อเป็นกำลังใจต่อสู้ในเรื่องนี้จนถึงที่สุด
ดร.ไม เคิล สปาร์ก ประธานสมาพันธ์ฯ กล่าวหลังลงชื่อสนับสนุนว่า ในฐานะประธาน IUHPE ขอสนับสนุน กระทรวงสาธารณสุขไทย ให้เดินหน้า เพิ่มขนาดคำเตือนบนซองบุหรี่เป็น 85% ซึ่งเป็นมาตรการควบคุมและช่วยลดการบริโภคยาสูบที่มีประสิทธิภาพ ออสเตรเลีย ก็เพิ่มคำเตือนเป็น 87.5% อุรุกวัย ก็เพิ่มคำเตือนเป็น 80% และอีกหลายประเทศกำลังขยายภาพคำเตือนให้มีขนาดใหญ่ขึ้น
ดร.ไมเคิล ให้เหตุผล 3 ข้อที่สนับสนุนการออกกฎหมายในประเทศไทยครั้งนี้คือ
1. บุหรี่เป็นสินค้าซึ่งแม้จะถูกกฎหมาย แต่เป็นสาเหตุการตายมากที่สุดในโลก
2. เป็นการลงทุนด้านสุขภาพที่สำคัญ และมีประสิทธิภาพ
3. ประเทศไทยถือเป็นตัวอย่างให้กับนานาชาติในการคุ้มครองประชาชน
เมื่อ ถามว่า ประเทศไทยควรปฏิบัติอย่างไร ดร.ไมเคิล ตอบว่า ไทยจำเป็นต้องยืนหยัดผลักดันกฎหมายให้สามารถบังคับใช้ให้ได้ เพราะ ประเทศไทย เป็น ประเทศต้นแบบ ที่หลายประเทศใช้เป็นแบบอย่างในการออกกฎหมาย เพื่อคุ้มครองประชาชนจากควันบุหรี่ หากไทยหยุดการผลักดันกฎหมาย ก็จะส่งผลต่อประเทศอื่นด้วย
ดร.ไมเคิล บอกว่า สมาพันธ์ฯจะนำประเด็นของไทยบรรจุเป็นวาระหนึ่งในการประชุมด้วย และหลังการประชุมจะส่งจดหมายมติของที่ประชุม พร้อมด้วยรายนามผู้ร่วมสนับสนุนผลักดันกฎหมายฉบับนี้ให้กับรัฐมนตรีสาธารณ สุขไทย
ดร.ไมเคิล กล่าวว่า จากผลการวิจัยทั่วโลกตลอด 50 ปีที่ผ่านมา มีผลงานวิจัยชัดเจนว่า บุหรี่ไม่ใช่สินค้าธรรมดา และทำให้เกิดการเสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่ต้องมีมาตรการควบคุมการบริโภคยาสูบที่เข้มแข็ง และสอดคล้องกับกรอบอนุสัญญาควบคุมการบริโภคยาสูบ FCTC ด้านการควบคุมบรรจุภัณฑ์และฉลาก ที่ลงนามโดย 177 ประเทศทั่วโลก
การ ที่บริษัทบุหรี่พยายามแทรกแซงนโยบาย โดยการฟ้องต่อศาลปกครอง เป็นเพราะบริษัทบุหรี่ไม่ต้องการให้ไทยเป็นต้นแบบแก่ประเทศต่างๆ เพราะเกรงว่ามาตรการที่เข้มข้นเช่นนี้จะเกิดขึ้นในประเทศอื่นทั่วโลก ทำให้บริษัทบุหรี่ทำการตลาดยากยิ่งขึ้น
วันนี้ สมาพันธ์นานาชาติด้านการสร้างเสริมสุขภาพกว่าพันคนทั่วโลก ออกมาประกาศจุดยืน สนับสนุนกระทรวงสาธารณสุขไทย ต่อสู้กับบริษัทบุหรี่ข้ามชาติ ผมคิดว่า นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะ ผู้นำรัฐบาล ก็น่าจะออกมา ประกาศจุดยืนของรัฐบาลให้ชัดเจน จะดำเนินการต่อสู้เรื่องนี้อย่างไร เพราะ หากรัฐบาลแพ้ จะกระทบต่อกฎหมายคุ้มครองผลประโยชน์ของคนไทย อีกมากมายแน่นอน
เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ครับ ไม่ใช่แค่เรื่องขนาดภาพเตือนบนซองบุหรี่เสียแล้ว…..โดย“ลม เปลี่ยนทิศ”
ขอบคุณ http://www.thairath.co.th/column/pol/thai_remark/366765
ไทยรัฐออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 31 ส.ค.56
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
วันเสาร์สบายๆวันนี้คุยกันเรื่อง “กฎหมายบุหรี่” ที่ ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งให้ รัฐมนตรีสาธารณสุข ทุเลาการบังคับใช้ คำเตือนบนซองบุหรี่ขนาด 85% จากการฟ้องร้องของบริษัทบุหรี่ข้ามชาติ ฟิลิป มอร์ริส ต่อกันอีกสักวันนะครับ เพราะเป็นเรื่องใหญ่ เป็นครั้งแรกที่บริษัทต่างชาติแทรกแซงกฎหมายไทย คดีนี้ถ้าหาก กระทรวงสาธารณสุขแพ้ ก็เหมือน รัฐบาลไทยแพ้ ถ้า หาก รัฐบาลแพ้ อนาคตประเทศไทยมีปัญหาแน่ เพราะจะมี บริษัทต่างชาติ ที่ ไม่พอใจกฎหมายไทย ซึ่งรัฐบาลจำเป็นต้องออกมาเพื่อ ปกป้องผลประโยชน์ของคนไทย ปกป้องผลประโยชน์ของประเทศไทย จะพากันเอาอย่าง ฟิลิป มอร์ริส ฟ้องศาลให้ยกเลิกกฎหมายที่ขัดผลประโยชน์ของบริษัทต่างชาติ ทั้งที่ในความเป็นจริง การออกกฎหมายปกป้องผลประโยชน์ของชาติ เป็นเรื่องที่ทำกันทั่วโลก โดยเฉพาะ สหรัฐฯ มีกฎหมายปกป้องผลประโยชน์ของคนอเมริกันมากที่สุดในโลก แต่การต่อสู้ ของ นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีสาธารณสุข วันนี้ไม่โดดเดี่ยวอีกแล้ว เมื่อ สมาชิกสมาพันธ์นานาชาติด้านการสร้างเสริมสุขภาพและการศึกษา (IUHPE) ที่มาประชุมกันที่เมืองพัทยา กว่า 1,000 คน ได้ลงชื่อสนับสนุน กระทรวงสาธารณสุขไทย เพื่อเป็นกำลังใจต่อสู้ในเรื่องนี้จนถึงที่สุด ดร.ไม เคิล สปาร์ก ประธานสมาพันธ์ฯ กล่าวหลังลงชื่อสนับสนุนว่า ในฐานะประธาน IUHPE ขอสนับสนุน กระทรวงสาธารณสุขไทย ให้เดินหน้า เพิ่มขนาดคำเตือนบนซองบุหรี่เป็น 85% ซึ่งเป็นมาตรการควบคุมและช่วยลดการบริโภคยาสูบที่มีประสิทธิภาพ ออสเตรเลีย ก็เพิ่มคำเตือนเป็น 87.5% อุรุกวัย ก็เพิ่มคำเตือนเป็น 80% และอีกหลายประเทศกำลังขยายภาพคำเตือนให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ดร.ไมเคิล ให้เหตุผล 3 ข้อที่สนับสนุนการออกกฎหมายในประเทศไทยครั้งนี้คือ 1. บุหรี่เป็นสินค้าซึ่งแม้จะถูกกฎหมาย แต่เป็นสาเหตุการตายมากที่สุดในโลก 2. เป็นการลงทุนด้านสุขภาพที่สำคัญ และมีประสิทธิภาพ 3. ประเทศไทยถือเป็นตัวอย่างให้กับนานาชาติในการคุ้มครองประชาชน เมื่อ ถามว่า ประเทศไทยควรปฏิบัติอย่างไร ดร.ไมเคิล ตอบว่า ไทยจำเป็นต้องยืนหยัดผลักดันกฎหมายให้สามารถบังคับใช้ให้ได้ เพราะ ประเทศไทย เป็น ประเทศต้นแบบ ที่หลายประเทศใช้เป็นแบบอย่างในการออกกฎหมาย เพื่อคุ้มครองประชาชนจากควันบุหรี่ หากไทยหยุดการผลักดันกฎหมาย ก็จะส่งผลต่อประเทศอื่นด้วย ดร.ไมเคิล บอกว่า สมาพันธ์ฯจะนำประเด็นของไทยบรรจุเป็นวาระหนึ่งในการประชุมด้วย และหลังการประชุมจะส่งจดหมายมติของที่ประชุม พร้อมด้วยรายนามผู้ร่วมสนับสนุนผลักดันกฎหมายฉบับนี้ให้กับรัฐมนตรีสาธารณ สุขไทย ดร.ไมเคิล กล่าวว่า จากผลการวิจัยทั่วโลกตลอด 50 ปีที่ผ่านมา มีผลงานวิจัยชัดเจนว่า บุหรี่ไม่ใช่สินค้าธรรมดา และทำให้เกิดการเสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่ต้องมีมาตรการควบคุมการบริโภคยาสูบที่เข้มแข็ง และสอดคล้องกับกรอบอนุสัญญาควบคุมการบริโภคยาสูบ FCTC ด้านการควบคุมบรรจุภัณฑ์และฉลาก ที่ลงนามโดย 177 ประเทศทั่วโลก การ ที่บริษัทบุหรี่พยายามแทรกแซงนโยบาย โดยการฟ้องต่อศาลปกครอง เป็นเพราะบริษัทบุหรี่ไม่ต้องการให้ไทยเป็นต้นแบบแก่ประเทศต่างๆ เพราะเกรงว่ามาตรการที่เข้มข้นเช่นนี้จะเกิดขึ้นในประเทศอื่นทั่วโลก ทำให้บริษัทบุหรี่ทำการตลาดยากยิ่งขึ้น วันนี้ สมาพันธ์นานาชาติด้านการสร้างเสริมสุขภาพกว่าพันคนทั่วโลก ออกมาประกาศจุดยืน สนับสนุนกระทรวงสาธารณสุขไทย ต่อสู้กับบริษัทบุหรี่ข้ามชาติ ผมคิดว่า นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะ ผู้นำรัฐบาล ก็น่าจะออกมา ประกาศจุดยืนของรัฐบาลให้ชัดเจน จะดำเนินการต่อสู้เรื่องนี้อย่างไร เพราะ หากรัฐบาลแพ้ จะกระทบต่อกฎหมายคุ้มครองผลประโยชน์ของคนไทย อีกมากมายแน่นอน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ครับ ไม่ใช่แค่เรื่องขนาดภาพเตือนบนซองบุหรี่เสียแล้ว…..โดย“ลม เปลี่ยนทิศ” ขอบคุณ http://www.thairath.co.th/column/pol/thai_remark/366765 ไทยรัฐออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 31 ส.ค.56
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)