วอน สปส.เพิ่มสิทธิ-รัฐจ่ายสมทบ 5%
กลุ่ม บูรณาการแรงงานสตรีสำรวจแรงงานในการปรับปรุงสิทธิประโยชน์ประกันสังคม 6 กรณี วอน สปส.เพิ่มสิทธิประโยชน์คลอดบุตร สงเคราะห์บุตร ตาย พร้อมให้เกิด สิทธิทันทีหลังจ่ายเงินสมทบทั้งเจ็บป่วย-คลอดบุตร-ตาย ใช้บัตรใบเดียวได้ทุก รพ.ระบบประกันสังคม เปิดช่องให้ผู้ประกันตนเลือกรับเงินบำเหน็จหรือบำนาญ แนะรัฐจ่ายสมทบจาก 2.75% ให้เพิ่มเป็น 5% เท่ากับนายจ้าง-ลูกจ้าง
วันนี้ (1 ส.ค.)น.ส.ธนพร วิจันทร์ ประธานกลุ่มบูรณาการแรงงานสตรี เปิดเผยว่า กลุ่มได้สำรวจความคิดเห็นของแรงงานเกี่ยวกับการปรับปรุงสิทธิประโยชน์ของระบบ ประกันสังคม 6 กรณี โดยมีกลุ่มตัวอย่างใน จ.สมุทรปราการ สระบุรี ชลบุรี และระยอง รวมทั้งหมด 2,100 คน ช่วงเดือน มิ.ย.-ธ.ค.2555 ซึ่งผลสำรวจสรุปว่า โดยภาพรวม ผู้ประกันตนเสนอให้รัฐบาลร่วมจ่ายเงินสมทบจากปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 2.75 เพิ่มเป็นร้อยละ 5 เท่ากับนายจ้างและลูกจ้าง อยากให้สิทธิประโยชน์ในกรณีต่างๆ เกิดขึ้นทันทีเมื่อจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม เช่น เจ็บป่วย คลอดบุตร ตายนอก จากนี้ อยากให้เพิ่มสิทธิกลไกคุ้มครอง มีกลไกการให้ความรู้แก่ผู้ประกันตนที่ไม่ใช้การอบรมแบบเดิม รวมทั้งกรณีพิเศษ เช่น กรณีพิพาทหรือหยุดงานเพราะมีเหตุวิกฤต ให้คงสิทธิประกันสังคมไว้ และมีการแจ้งสิทธิประโยชน์ เช่น การคำนวณเงินชราภาพ เงินสะสมหรือดอกเบี้ยที่ประกาศแต่ละปี อยากให้ สปส.เป็นองค์กรอิสระและให้ผู้ประกันตนมีส่วนร่วมในการดูแลกองทุนประกันสังคมมากกว่าเดิม
น.ส.ธนพร กล่าวอีกว่า หากแยกเป็นรายสิทธิประโยชน์ได้แก่ 1.กรณีการรักษาพยาบาลต้องเป็นมาตรฐานเดียวกันกับระบบสุขภาพอื่นๆ และการทำฟันต้องไม่กำหนดเพดานและเงื่อนไข ให้เป็นไปตามความจำเป็นและบัตรรับรองสิทธิใบเดียวสามารถใช้สิทธิรักษาพยาบาล ได้กับโรงพยาบาลคู่สัญญาของ สปส.ทุกแห่ง รวมทั้งเพิ่มเวลา การให้บริการที่สอดคล้องกับชีวิตแรงงาน ทั้งนี้ ถ้า สปส.สามารถดำเนินการได้ อยากให้เก็บเงินสมทบในส่วนของการรักษาพยาบาลแต่ให้นำเงินสมทบในส่วนนี้ไป สมทบและเพิ่มสิทธิอื่นๆ 2.กรณีคลอดบุตรนั้น สปส.ควรจ่ายตามความจำเป็นและคงเงินการคลอดบุตรไว้ที่ 1.3 หมื่นบาท 3.กรณีสงเคราะห์บุตรให้เพิ่มวงเงินเป็น 3 พันบาท ต่อเดือนจากปัจจุบันเดือนละ 400 บาทต่อคน โดยให้คราวละไม่เกิน 2 คน และให้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปี ขยายอายุบุตรเป็น 12 ปี หรือ 16 ปี หรือ18 ปี ไม่จำกัดจำนวนบุตรที่รับสิทธิและ สิทธิให้เกิดสิทธิตามจำนวนพ่อแม่โดยไม่จำกัดแค่ให้พ่อหรือแม่เป็นผู้รับ สิทธิ 4.กรณีตายขอให้เพิ่มเงินสงเคราะห์เป็น 1 แสนบาทยกเลิกเงื่อนไขส่งเงินสมทบ มาแล้ว 3 ปีถึงเกิดสิทธิรับเงินสงเคราะห์กรณีตาย 5.กรณีว่างงานขอให้ไม่นำเรื่องความผิดจากการถูกสถานประกอบการลงโทษมาเป็น เงื่อนไขจ่ายเงินสิทธิประโยชน์ เปิดช่องทางรายงานตัวแบบใหม่โดยไม่ต้องให้ผู้ประกันตนมาแสดงตัวที่สำนักงานสปส.จังหวัดและเมื่อส่งเงินสมทบ 1 เดือนก็ให้เกิดสิทธ์และ6.กรณี ชราภาพขอให้เพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพ ไม่มีเพดานการจ่ายเงินสมทบ เงื่อนไขการรับเงินบำเหน็จหรือบำนาญเป็นสิทธิของผู้ประกันตน หากผู้ประกันตน ที่มีสิทธิรับเงินชราภาพเสียชีวิตก็ให้ขยายผู้รับประโยชน์หรือเขียน พินัยกรรมให้ใครก็ได้ รวมทั้งการคำนวณบำนาญให้ใช้เงินเดือนในเดือนสุดท้ายโดยไม่ต้องคำนวณจาก 60 เดือนสุดท้าย และแก้ไขสูตรคำนวณ นอกจากนี้ ในส่วนของแรงงานต่างด้าวเมื่อครบกำหนดทำงานในไทยครบ 4 ปีต้องกลับประเทศควรจ่ายให้เป็นเงินบำเหน็จ
ขอบคุณ... http://manager.co.th/Qol/ViewNews.aspx?NewsID=9560000094791 (ขนาดไฟล์: 185)
ASTVผู้จัดการออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 1 ส.ค.56
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
กลุ่ม บูรณาการแรงงานสตรีสำรวจแรงงานในการปรับปรุงสิทธิประโยชน์ประกันสังคม 6 กรณี วอน สปส.เพิ่มสิทธิประโยชน์คลอดบุตร สงเคราะห์บุตร ตาย พร้อมให้เกิด สิทธิทันทีหลังจ่ายเงินสมทบทั้งเจ็บป่วย-คลอดบุตร-ตาย ใช้บัตรใบเดียวได้ทุก รพ.ระบบประกันสังคม เปิดช่องให้ผู้ประกันตนเลือกรับเงินบำเหน็จหรือบำนาญ แนะรัฐจ่ายสมทบจาก 2.75% ให้เพิ่มเป็น 5% เท่ากับนายจ้าง-ลูกจ้าง วันนี้ (1 ส.ค.)น.ส.ธนพร วิจันทร์ ประธานกลุ่มบูรณาการแรงงานสตรี เปิดเผยว่า กลุ่มได้สำรวจความคิดเห็นของแรงงานเกี่ยวกับการปรับปรุงสิทธิประโยชน์ของระบบ ประกันสังคม 6 กรณี โดยมีกลุ่มตัวอย่างใน จ.สมุทรปราการ สระบุรี ชลบุรี และระยอง รวมทั้งหมด 2,100 คน ช่วงเดือน มิ.ย.-ธ.ค.2555 ซึ่งผลสำรวจสรุปว่า โดยภาพรวม ผู้ประกันตนเสนอให้รัฐบาลร่วมจ่ายเงินสมทบจากปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 2.75 เพิ่มเป็นร้อยละ 5 เท่ากับนายจ้างและลูกจ้าง อยากให้สิทธิประโยชน์ในกรณีต่างๆ เกิดขึ้นทันทีเมื่อจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม เช่น เจ็บป่วย คลอดบุตร ตายนอก จากนี้ อยากให้เพิ่มสิทธิกลไกคุ้มครอง มีกลไกการให้ความรู้แก่ผู้ประกันตนที่ไม่ใช้การอบรมแบบเดิม รวมทั้งกรณีพิเศษ เช่น กรณีพิพาทหรือหยุดงานเพราะมีเหตุวิกฤต ให้คงสิทธิประกันสังคมไว้ และมีการแจ้งสิทธิประโยชน์ เช่น การคำนวณเงินชราภาพ เงินสะสมหรือดอกเบี้ยที่ประกาศแต่ละปี อยากให้ สปส.เป็นองค์กรอิสระและให้ผู้ประกันตนมีส่วนร่วมในการดูแลกองทุนประกันสังคมมากกว่าเดิม น.ส.ธนพร กล่าวอีกว่า หากแยกเป็นรายสิทธิประโยชน์ได้แก่ 1.กรณีการรักษาพยาบาลต้องเป็นมาตรฐานเดียวกันกับระบบสุขภาพอื่นๆ และการทำฟันต้องไม่กำหนดเพดานและเงื่อนไข ให้เป็นไปตามความจำเป็นและบัตรรับรองสิทธิใบเดียวสามารถใช้สิทธิรักษาพยาบาล ได้กับโรงพยาบาลคู่สัญญาของ สปส.ทุกแห่ง รวมทั้งเพิ่มเวลา การให้บริการที่สอดคล้องกับชีวิตแรงงาน ทั้งนี้ ถ้า สปส.สามารถดำเนินการได้ อยากให้เก็บเงินสมทบในส่วนของการรักษาพยาบาลแต่ให้นำเงินสมทบในส่วนนี้ไป สมทบและเพิ่มสิทธิอื่นๆ 2.กรณีคลอดบุตรนั้น สปส.ควรจ่ายตามความจำเป็นและคงเงินการคลอดบุตรไว้ที่ 1.3 หมื่นบาท 3.กรณีสงเคราะห์บุตรให้เพิ่มวงเงินเป็น 3 พันบาท ต่อเดือนจากปัจจุบันเดือนละ 400 บาทต่อคน โดยให้คราวละไม่เกิน 2 คน และให้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปี ขยายอายุบุตรเป็น 12 ปี หรือ 16 ปี หรือ18 ปี ไม่จำกัดจำนวนบุตรที่รับสิทธิและ สิทธิให้เกิดสิทธิตามจำนวนพ่อแม่โดยไม่จำกัดแค่ให้พ่อหรือแม่เป็นผู้รับ สิทธิ 4.กรณีตายขอให้เพิ่มเงินสงเคราะห์เป็น 1 แสนบาทยกเลิกเงื่อนไขส่งเงินสมทบ มาแล้ว 3 ปีถึงเกิดสิทธิรับเงินสงเคราะห์กรณีตาย 5.กรณีว่างงานขอให้ไม่นำเรื่องความผิดจากการถูกสถานประกอบการลงโทษมาเป็น เงื่อนไขจ่ายเงินสิทธิประโยชน์ เปิดช่องทางรายงานตัวแบบใหม่โดยไม่ต้องให้ผู้ประกันตนมาแสดงตัวที่สำนักงานสปส.จังหวัดและเมื่อส่งเงินสมทบ 1 เดือนก็ให้เกิดสิทธ์และ6.กรณี ชราภาพขอให้เพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพ ไม่มีเพดานการจ่ายเงินสมทบ เงื่อนไขการรับเงินบำเหน็จหรือบำนาญเป็นสิทธิของผู้ประกันตน หากผู้ประกันตน ที่มีสิทธิรับเงินชราภาพเสียชีวิตก็ให้ขยายผู้รับประโยชน์หรือเขียน พินัยกรรมให้ใครก็ได้ รวมทั้งการคำนวณบำนาญให้ใช้เงินเดือนในเดือนสุดท้ายโดยไม่ต้องคำนวณจาก 60 เดือนสุดท้าย และแก้ไขสูตรคำนวณ นอกจากนี้ ในส่วนของแรงงานต่างด้าวเมื่อครบกำหนดทำงานในไทยครบ 4 ปีต้องกลับประเทศควรจ่ายให้เป็นเงินบำเหน็จ ขอบคุณ... http://manager.co.th/Qol/ViewNews.aspx?NewsID=9560000094791 ASTVผู้จัดการออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 1 ส.ค.56
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)