คอลัมน์: วันเสาร์ที่ปลายซอย: กฎหมาย 'เงื่อนไข' ชิงแผ่นดิน

กลไกหนึ่งที่เข้าไปมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้ก็คือ "กฎหมาย"!

ไม่ต้องไปดูที่ไหนไกล ดูบ้านเรานี่แหละ ที่งัดข้อกันชนิดมี "บ้านเมือง" เป็นเดิมพันต่อเนื่องมา ๕-๖ ปี อย่าเข้าใจว่าเป็น การงัดข้อกันระหว่างสังคมชาติที่ไม่เอาทักษิณกับที่เอาทักษิณ, ระหว่างประชาธิปไตยกับเผด็จการ หรือฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาล

นั่นแค่กองเชียร์ และพวกถือหางตามแห่ ที่จริงแท้แน่นอน ผลแพ้-ชนะ ที่เป็นตัวชี้ขาด "อนาคตประเทศชาติบ้านเมือง" คือกฎหมายครับ..กฎหมาย!

ก็ไม่เห็นหรือ ธงแรกที่ขบวนการทักษิณเมื่อครองอำนาจบริหารแล้วประกาศ ต้องล้ม ต้องถอน ต้องล้าง ให้หมด คือกระบวนการศาล

ไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง ศาลฎีกาแผนกคดีอา ญานักการเมือง รวมทั้ง กกต.-ป.ป.ช.ฯลฯ แม้ศาลยุติธรรม ก็จะยึดอำนาจมารวมศูนย์ไว้ที่ระบอบทักษิณ!

การประกาศไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ จาก ๓๑๒ ส.ส.-ส.ว.ที่สวามิภักดิ์ทักษิณก็ดี การส่งสมุนแดงระดับไพร่ราบ-พล เลวไปล้อม ไปราวีศาลรัฐธรรมนูญก็ดี นั่นเป็นการเดินตามธงชัด เจน...เมื่อไม่ยอมเป็นเครื่องมือ ก็ต้องหาวิธีรื้อทำลายทิ้ง

แล้ว ๑ สิงหา สภาฯ จะเปิด เปิดปุ๊บก็มีแต่เรื่องกฎหมาย ทั้งแก้รัฐธรรมนูญ ทั้งออกกฎหมายล้างโทษทักษิณ ทั้งออกกฎหมายขัดรัฐธรรมนูญ กู้เงิน ๒.๒ ล้านล้าน

เห็นมั้ย ถ้าเป็นในป่า ก็ต้องบอกว่า อนาคตเดือน-สองเดือนหน้า สังคมประเทศเหมือนเคลื่อนไปท่ามกลางดง "กับระเบิด"!

เงินกู้ ๓.๕ แสนล้าน ก็ยังเป็นปมขบกันด้วยกฎหมาย ศาลปกครองกลางให้เข้าสู่ขั้นตอนตามกฎหมายก่อนแล้วค่อยเดินหน้า แต่ฝ่ายรัฐบาล ผิด-ถูก กูไม่รู้แหละ ใช้ให้รองปลัดคลัง "นายพงษ์

ภาณุ เศวตรุนทร์" เซ็นกู้ ๓.๕ แสนล้านไปเรียบร้อยแล้ว!

กระทั่งคำพิพากษาศาลปกครองกลางชี้แนะให้ทำตามขั้นตอน ฝ่ายรัฐบาลเองก็รู้ว่า ที่ตัวเดินมาก่อนแล้วนั้น มัน "ลัดขั้นตอน" การรับฟังความคิดเห็นประชาชน และสิ่งแวดล้อม แทนที่จะน้อมรับคำพิพากษาไปปฏิบัติ

นางสาวยิ่งลักษณ์กลับสั่งอดีตผู้พิพากษา "นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา" รองนายกฯ ไปร่วมปรึกษากับอัยการ หาช่องทางยื่นอุทธรณ์!?

และกับเงินกู้ ๒.๒ ล้านล้าน ที่กำลังจะเข้าสภาฯ ให้แสตมป์ตรายางรับรอง ก็เกิดเงื่อนปมทางกฎหมายอีก เมื่ออาจารย์คณิต ณ นคร เตือนว่า ระวัง..จะขัดรัฐธรรมนูญหมวดที่ ๘ ว่าด้วยการเงิน-การคลัง และงบประมาณ และมาตรา ๑๖๙ ว่าด้วยการใช้จ่ายเงินแผ่นดิน

รองนายกฯ พงศ์เทพ ใช้ตำแหน่งอดีตผู้พิพากษาการันตีทันทีเลยว่า...เงินกู้ ๒.๒ ล้านล้าน ไม่ถือว่าเป็นเงินแผ่นดิน ฉะนั้น ไม่ขัดแน่นอน!

นายอัชพร จารุจินดา อีกคนหนึ่ง ออกมาใช้ตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ช่วยยันว่า...ไม่ขัด ทำแบบนี้มาประจำ

"ต้องแยกกันระหว่างการใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดิน คือเงินที่อยู่ในคลังของแผ่นดิน เงินตรงนั้น ถ้าจะเอามาใช้จ่ายได้ต้องตามกฎ หมายงบประมาณ

แต่การกู้เงิน เป็นการกู้มาเพื่อวัตถุประสงค์ใดวัตถุประสงค์หนึ่ง ซึ่งต้องใช้ตามวัตถุประสงค์นั้น จะนำเงินไปใช้อย่างอื่นไม่ได้ ฉะนั้น จึงไม่ต้องส่งคลัง และใช้ตามวัตถุประสงค์นั้น เป็นอย่างนี้มาตลอด"นายอัชพรนี่ ผลงานที่ปรึกษากฎหมายรัฐบาลเข้าตานายมากปลาย มิ.ย.ตกรางวัลข้างเคียงเป็นบอร์ด กวทช.ไปเก้าอี้หนึ่ง สดๆ ร้อนๆ ต้นเดือน ก.ค. ตานี้ถูกรางวัลใหญ่เป็น "ประธานบอร์ด ก.ล.ต." ผมก็ขอแสดงความยินดีด้วย

นายอัชพรทราบหรือเปล่า คนที่ระบอบทักษิณส่งมานั่งเก้าอี้นี้ คือ "ว่าที่รัฐมนตรี" ในอนาคต ผมก็ต้องแสดงความยินดีอีกจอกไว้ล่วงหน้า

ก็เห็นมั้ยล่ะ นายกิตติรัตน์ ก็จากประธานบอร์ด ก.ล.ต.ไปเป็นรองนายกฯ ควบรัฐมนตรีคลัง เคียงข้างยิ่งลักษณ์ และคนที่เพิ่งลุกเอาเก้าอี้ประธานบอร์ด ก.ล.ต.ให้ท่านนั่ง ก็คือรัฐมนตรียุติธรรมคนล่าสุดที่ชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ

ฉะนั้น สร้างผลงานให้เข้าตานาย-ประทับใจน้องเข้าไว้ ถ้ารัฐบาลยังไม่ตายนึ่ง-ตายเขียดในเดือนกันยา-ตุลาเสียก่อน ตั๋วรัฐมนตรี...มีแน่!

แต่ผมสงสัยนิดเดียว หน้าที่คณะกรรมการกฤษฎีกานี่ ไม่ใช่มีกรอบอำนาจแค่ที่ปรึกษาด้านกฎหมายให้รัฐบาลเท่านั้นหรือ?

ที่ถามนี่ เพราะเห็นท่านทำหน้าที่ "ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ" วินิจฉัย-ตีความข้อขัดแย้งทางกฎหมายรัฐธรรมนูญหมวดที่ ๘ และมาตรา ๑๖๙ ออกมาเป็นบทสรุปให้รัฐบาลปฏิบัติได้เป็นฉาก เป็นช่อง

และเห็นท่านพูดไปถึงกฎหมายหนี้สาธารณะด้วย ผมก็เลยอยากถามต่อด้วยว่า อันที่จริงในเรื่องการเงิน-การคลัง ตามมาตรา ๑๖๗ ให้ออก พ.ร.บ.การเงินการคลังของรัฐ เพื่อวางกรอบวินัยการคลังขึ้นภายใน ๒ ปี มิใช่หรือ?

แต่นี่...ผ่านมา ๕-๖ ปี กี่รัฐบาลแล้วล่ะ เลขาฯ กฤษฎีกาไม่ได้แนะนำแต่ละรัฐบาลบ้างหรือครับว่า มันเนิ่นนาน ควรที่จะออกกฎ หมายลูกใช้เป็นกรอบวินัยการคลังได้แล้วนะ ละเลยต่อรัฐธรรมนูญบัญ ญัติเสียเองเช่นนี้

มันไม่ดี เป็นตัวอย่างที่เลว!ก็เพราะไม่มีกรอบนั่นแหละ จึงอาศัยช่องเวิ้งว้างในหมวดการเงิน การคลัง และงบประมาณ เลาะช่องกฎหมาย สวมวิญญาณศรีธนญชัยตีความ กู้กันสะบั้นหั่นแหลกตามใจชอบ ใครท้วงติงก็อ้างอย่าง ที่นายพงศ์เทพอ้างนั่นแหละว่า

"เงินกู้ ไม่ถือว่าเป็นเงินแผ่นดิน"!?เออ..ผมก็อยากรู้เหมือนกัน แล้วไอ้เงินที่กู้ ๒.๒ ล้านล้านที่อ้างว่ากู้ได้ ไม่ใช่เงินแผ่นดิน นั้นน่ะ เงินจำนวน ๒.๒ ล้านล้านนี้ แล้วใครเป็นหนี้ และเอาเงินจากที่ไหนไปใช้หนี้?

ถ้ายิ่งลักษณ์-ทักษิณเป็นคนใช้หนี้ เออ...กู้แม่งไปเลย!แต่นี่กู้กันในนามกระทรวงการคลัง "กระทรวงคลังเป็นหนี้" และคำว่ากระทรวงคลังเป็นหนี้ มันตรงตามตัวว่า "หนี้ก้อนนี้ตกไปอยู่บนหัวประชาชนผู้จ่ายภาษีทุกคน"

"พวกมึงกู้ แต่พวกกูจ่าย" ในความหมาย "หนี้สาธารณะ" เมื่อประชาชนต้องเป็นผู้จ่ายหนี้ทุกบาท-ทุกสตางค์ แล้วจะอ้างว่า "เกินกู้ไม่ใช่เงินแผ่นดิน" ได้อย่างไร?

ตาม พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ ๒๕๔๘ หมวด ๓ "หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน" ระบุว่า กระทรวงคลังจะค้ำประกันได้ไม่เกินร้อยละยี่สิบของงบประมาณรายจ่ายประจำปี มิใช่หรือ?

แล้วกู้ ๒.๒ ล้านล้าน มันไม่เกินไปกว่าร้อยละร้อยหรือนั่น!?สรุปก็คือ ทุกเรื่อง-ทุกปัญหาจากระบอบทักษิณ มันเป็นเงื่อนปมทางกฎหมายทั้งสิ้น กระทั่งเรื่องข้าว-เรื่องน้ำ ก็เป็นปัญหากฎ หมาย เมื่อฝ่ายบริหารควบคุมฝ่ายรัฐสภาได้ บ้านเมืองก็เหลือ "เสาเดียวค้ำฟ้า" คือ...

ฝ่าย "ตุลาการ"!ฉะนั้น รัฐบาลระบอบทักษิณ เขาจะไม่รบกับประชาชนผู้ต่อต้านในด่านแรก หากแต่เขามุ่งเป้ารบกับศาล รบกับ ป.ป.ช.เพราะตรงนี้เป็นจุดแพ้-จุดชนะ ถ้าฝ่ายองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ เช่น ป.ป.ช.และฝ่ายศาล "ข้อไม่แข็ง"

ประเทศนี้...ตกเป็นของระบอบทักษิณ!แต่ถ้า ป.ป.ช.และศาล "ข้อแข็ง" ด้วยทักษิณคิด-ยิ่งลักษณ์ทำ "เหิมจนผิดกฎหมาย" เรื่องแล้ว-เรื่องเล่า, ครั้งแล้ว-ครั้งเล่า

ด้วยเสาเดียวค้ำฟ้า จะสามารถกดแขนระบอบทักษิณลงไปขยี้ได้ ชี้ขาดเป็น-ตาย ด้วย "ดุลยธรรมพิทักษ์"

หน้าที่สุจริตชน ต้องเป็น "กองคุ้มกัน" ระวังหลัง ให้กองหน้าได้ทำหน้าที่เต็มสติกำลัง โดยไม่ต้องพะวงหลัง ว่าจะมีโจรหน้าหนา ลอบเข้ามาใช้วิชามาร

กับผู้ทำผิดกฎหมาย ต้องให้ผู้ใช้กฎหมาย "ป.ป.ช.-ศาล" จัดการรับมือ ประชาชนต้องได้เงื่อนไข "ถูกต้องในกติกา" นั่นแหละ ทุกการเดินหน้า...."กติกาโลก" จะไม่ปฏิเสธ.

ขอบคุณ http://www.ryt9.com/s/tpd/1686853

ที่มา: ไทยโพสต์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 6 ก.ค.56
วันที่โพสต์: 7/07/2556 เวลา 01:23:23

แสดงความคิดเห็น

รายละเอียดกระทู้

เห็นมั้ยล่ะครับว่า เมื่อสังคมโลกหมุนเข้าไปอยู่ในเขตแดนประสิทธิภาพ "พลูโต" ณ ราศีมังกรตั้งแต่ปี ๒๕๕๑ ยาว นานไปจนถึง ๒๕๖๖ ทั่วโลกต่างขยับเขยื้อนในความหมาย สู่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสังคมโลกและอำนาจเปลี่ยนประเทศ ชนิด "พลิกหน้ามือเป็นหลังมือ" กลไกหนึ่งที่เข้าไปมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้ก็คือ "กฎหมาย"! ไม่ต้องไปดูที่ไหนไกล ดูบ้านเรานี่แหละ ที่งัดข้อกันชนิดมี "บ้านเมือง" เป็นเดิมพันต่อเนื่องมา ๕-๖ ปี อย่าเข้าใจว่าเป็น การงัดข้อกันระหว่างสังคมชาติที่ไม่เอาทักษิณกับที่เอาทักษิณ, ระหว่างประชาธิปไตยกับเผด็จการ หรือฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาล นั่นแค่กองเชียร์ และพวกถือหางตามแห่ ที่จริงแท้แน่นอน ผลแพ้-ชนะ ที่เป็นตัวชี้ขาด "อนาคตประเทศชาติบ้านเมือง" คือกฎหมายครับ..กฎหมาย! ก็ไม่เห็นหรือ ธงแรกที่ขบวนการทักษิณเมื่อครองอำนาจบริหารแล้วประกาศ ต้องล้ม ต้องถอน ต้องล้าง ให้หมด คือกระบวนการศาล ไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง ศาลฎีกาแผนกคดีอา ญานักการเมือง รวมทั้ง กกต.-ป.ป.ช.ฯลฯ แม้ศาลยุติธรรม ก็จะยึดอำนาจมารวมศูนย์ไว้ที่ระบอบทักษิณ! การประกาศไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ จาก ๓๑๒ ส.ส.-ส.ว.ที่สวามิภักดิ์ทักษิณก็ดี การส่งสมุนแดงระดับไพร่ราบ-พล เลวไปล้อม ไปราวีศาลรัฐธรรมนูญก็ดี นั่นเป็นการเดินตามธงชัด เจน...เมื่อไม่ยอมเป็นเครื่องมือ ก็ต้องหาวิธีรื้อทำลายทิ้ง แล้ว ๑ สิงหา สภาฯ จะเปิด เปิดปุ๊บก็มีแต่เรื่องกฎหมาย ทั้งแก้รัฐธรรมนูญ ทั้งออกกฎหมายล้างโทษทักษิณ ทั้งออกกฎหมายขัดรัฐธรรมนูญ กู้เงิน ๒.๒ ล้านล้าน เห็นมั้ย ถ้าเป็นในป่า ก็ต้องบอกว่า อนาคตเดือน-สองเดือนหน้า สังคมประเทศเหมือนเคลื่อนไปท่ามกลางดง "กับระเบิด"! เงินกู้ ๓.๕ แสนล้าน ก็ยังเป็นปมขบกันด้วยกฎหมาย ศาลปกครองกลางให้เข้าสู่ขั้นตอนตามกฎหมายก่อนแล้วค่อยเดินหน้า แต่ฝ่ายรัฐบาล ผิด-ถูก กูไม่รู้แหละ ใช้ให้รองปลัดคลัง "นายพงษ์ ภาณุ เศวตรุนทร์" เซ็นกู้ ๓.๕ แสนล้านไปเรียบร้อยแล้ว! กระทั่งคำพิพากษาศาลปกครองกลางชี้แนะให้ทำตามขั้นตอน ฝ่ายรัฐบาลเองก็รู้ว่า ที่ตัวเดินมาก่อนแล้วนั้น มัน "ลัดขั้นตอน" การรับฟังความคิดเห็นประชาชน และสิ่งแวดล้อม แทนที่จะน้อมรับคำพิพากษาไปปฏิบัติ นางสาวยิ่งลักษณ์กลับสั่งอดีตผู้พิพากษา "นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา" รองนายกฯ ไปร่วมปรึกษากับอัยการ หาช่องทางยื่นอุทธรณ์!? และกับเงินกู้ ๒.๒ ล้านล้าน ที่กำลังจะเข้าสภาฯ ให้แสตมป์ตรายางรับรอง ก็เกิดเงื่อนปมทางกฎหมายอีก เมื่ออาจารย์คณิต ณ นคร เตือนว่า ระวัง..จะขัดรัฐธรรมนูญหมวดที่ ๘ ว่าด้วยการเงิน-การคลัง และงบประมาณ และมาตรา ๑๖๙ ว่าด้วยการใช้จ่ายเงินแผ่นดิน รองนายกฯ พงศ์เทพ ใช้ตำแหน่งอดีตผู้พิพากษาการันตีทันทีเลยว่า...เงินกู้ ๒.๒ ล้านล้าน ไม่ถือว่าเป็นเงินแผ่นดิน ฉะนั้น ไม่ขัดแน่นอน! นายอัชพร จารุจินดา อีกคนหนึ่ง ออกมาใช้ตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ช่วยยันว่า...ไม่ขัด ทำแบบนี้มาประจำ "ต้องแยกกันระหว่างการใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดิน คือเงินที่อยู่ในคลังของแผ่นดิน เงินตรงนั้น ถ้าจะเอามาใช้จ่ายได้ต้องตามกฎ หมายงบประมาณ แต่การกู้เงิน เป็นการกู้มาเพื่อวัตถุประสงค์ใดวัตถุประสงค์หนึ่ง ซึ่งต้องใช้ตามวัตถุประสงค์นั้น จะนำเงินไปใช้อย่างอื่นไม่ได้ ฉะนั้น จึงไม่ต้องส่งคลัง และใช้ตามวัตถุประสงค์นั้น เป็นอย่างนี้มาตลอด"นายอัชพรนี่ ผลงานที่ปรึกษากฎหมายรัฐบาลเข้าตานายมากปลาย มิ.ย.ตกรางวัลข้างเคียงเป็นบอร์ด กวทช.ไปเก้าอี้หนึ่ง สดๆ ร้อนๆ ต้นเดือน ก.ค. ตานี้ถูกรางวัลใหญ่เป็น "ประธานบอร์ด ก.ล.ต." ผมก็ขอแสดงความยินดีด้วย นายอัชพรทราบหรือเปล่า คนที่ระบอบทักษิณส่งมานั่งเก้าอี้นี้ คือ "ว่าที่รัฐมนตรี" ในอนาคต ผมก็ต้องแสดงความยินดีอีกจอกไว้ล่วงหน้า ก็เห็นมั้ยล่ะ นายกิตติรัตน์ ก็จากประธานบอร์ด ก.ล.ต.ไปเป็นรองนายกฯ ควบรัฐมนตรีคลัง เคียงข้างยิ่งลักษณ์ และคนที่เพิ่งลุกเอาเก้าอี้ประธานบอร์ด ก.ล.ต.ให้ท่านนั่ง ก็คือรัฐมนตรียุติธรรมคนล่าสุดที่ชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ ฉะนั้น สร้างผลงานให้เข้าตานาย-ประทับใจน้องเข้าไว้ ถ้ารัฐบาลยังไม่ตายนึ่ง-ตายเขียดในเดือนกันยา-ตุลาเสียก่อน ตั๋วรัฐมนตรี...มีแน่! แต่ผมสงสัยนิดเดียว หน้าที่คณะกรรมการกฤษฎีกานี่ ไม่ใช่มีกรอบอำนาจแค่ที่ปรึกษาด้านกฎหมายให้รัฐบาลเท่านั้นหรือ? ที่ถามนี่ เพราะเห็นท่านทำหน้าที่ "ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ" วินิจฉัย-ตีความข้อขัดแย้งทางกฎหมายรัฐธรรมนูญหมวดที่ ๘ และมาตรา ๑๖๙ ออกมาเป็นบทสรุปให้รัฐบาลปฏิบัติได้เป็นฉาก เป็นช่อง และเห็นท่านพูดไปถึงกฎหมายหนี้สาธารณะด้วย ผมก็เลยอยากถามต่อด้วยว่า อันที่จริงในเรื่องการเงิน-การคลัง ตามมาตรา ๑๖๗ ให้ออก พ.ร.บ.การเงินการคลังของรัฐ เพื่อวางกรอบวินัยการคลังขึ้นภายใน ๒ ปี มิใช่หรือ? แต่นี่...ผ่านมา ๕-๖ ปี กี่รัฐบาลแล้วล่ะ เลขาฯ กฤษฎีกาไม่ได้แนะนำแต่ละรัฐบาลบ้างหรือครับว่า มันเนิ่นนาน ควรที่จะออกกฎ หมายลูกใช้เป็นกรอบวินัยการคลังได้แล้วนะ ละเลยต่อรัฐธรรมนูญบัญ ญัติเสียเองเช่นนี้ มันไม่ดี เป็นตัวอย่างที่เลว!ก็เพราะไม่มีกรอบนั่นแหละ จึงอาศัยช่องเวิ้งว้างในหมวดการเงิน การคลัง และงบประมาณ เลาะช่องกฎหมาย สวมวิญญาณศรีธนญชัยตีความ กู้กันสะบั้นหั่นแหลกตามใจชอบ ใครท้วงติงก็อ้างอย่าง ที่นายพงศ์เทพอ้างนั่นแหละว่า "เงินกู้ ไม่ถือว่าเป็นเงินแผ่นดิน"!?เออ..ผมก็อยากรู้เหมือนกัน แล้วไอ้เงินที่กู้ ๒.๒ ล้านล้านที่อ้างว่ากู้ได้ ไม่ใช่เงินแผ่นดิน นั้นน่ะ เงินจำนวน ๒.๒ ล้านล้านนี้ แล้วใครเป็นหนี้ และเอาเงินจากที่ไหนไปใช้หนี้? ถ้ายิ่งลักษณ์-ทักษิณเป็นคนใช้หนี้ เออ...กู้แม่งไปเลย!แต่นี่กู้กันในนามกระทรวงการคลัง "กระทรวงคลังเป็นหนี้" และคำว่ากระทรวงคลังเป็นหนี้ มันตรงตามตัวว่า "หนี้ก้อนนี้ตกไปอยู่บนหัวประชาชนผู้จ่ายภาษีทุกคน" "พวกมึงกู้ แต่พวกกูจ่าย" ในความหมาย "หนี้สาธารณะ" เมื่อประชาชนต้องเป็นผู้จ่ายหนี้ทุกบาท-ทุกสตางค์ แล้วจะอ้างว่า "เกินกู้ไม่ใช่เงินแผ่นดิน" ได้อย่างไร? ตาม พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ ๒๕๔๘ หมวด ๓ "หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน" ระบุว่า กระทรวงคลังจะค้ำประกันได้ไม่เกินร้อยละยี่สิบของงบประมาณรายจ่ายประจำปี มิใช่หรือ? แล้วกู้ ๒.๒ ล้านล้าน มันไม่เกินไปกว่าร้อยละร้อยหรือนั่น!?สรุปก็คือ ทุกเรื่อง-ทุกปัญหาจากระบอบทักษิณ มันเป็นเงื่อนปมทางกฎหมายทั้งสิ้น กระทั่งเรื่องข้าว-เรื่องน้ำ ก็เป็นปัญหากฎ หมาย เมื่อฝ่ายบริหารควบคุมฝ่ายรัฐสภาได้ บ้านเมืองก็เหลือ "เสาเดียวค้ำฟ้า" คือ... ฝ่าย "ตุลาการ"!ฉะนั้น รัฐบาลระบอบทักษิณ เขาจะไม่รบกับประชาชนผู้ต่อต้านในด่านแรก หากแต่เขามุ่งเป้ารบกับศาล รบกับ ป.ป.ช.เพราะตรงนี้เป็นจุดแพ้-จุดชนะ ถ้าฝ่ายองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ เช่น ป.ป.ช.และฝ่ายศาล "ข้อไม่แข็ง" ประเทศนี้...ตกเป็นของระบอบทักษิณ!แต่ถ้า ป.ป.ช.และศาล "ข้อแข็ง" ด้วยทักษิณคิด-ยิ่งลักษณ์ทำ "เหิมจนผิดกฎหมาย" เรื่องแล้ว-เรื่องเล่า, ครั้งแล้ว-ครั้งเล่า ด้วยเสาเดียวค้ำฟ้า จะสามารถกดแขนระบอบทักษิณลงไปขยี้ได้ ชี้ขาดเป็น-ตาย ด้วย "ดุลยธรรมพิทักษ์" หน้าที่สุจริตชน ต้องเป็น "กองคุ้มกัน" ระวังหลัง ให้กองหน้าได้ทำหน้าที่เต็มสติกำลัง โดยไม่ต้องพะวงหลัง ว่าจะมีโจรหน้าหนา ลอบเข้ามาใช้วิชามาร กับผู้ทำผิดกฎหมาย ต้องให้ผู้ใช้กฎหมาย "ป.ป.ช.-ศาล" จัดการรับมือ ประชาชนต้องได้เงื่อนไข "ถูกต้องในกติกา" นั่นแหละ ทุกการเดินหน้า...."กติกาโลก" จะไม่ปฏิเสธ. ขอบคุณ http://www.ryt9.com/s/tpd/1686853