ยุติธรรมจัดสัมมนาเเก้ปัญหาสิทธิมนุษยชนโลก หัวข้อป้องกันการทรมาน
เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพจัดการประชุมวิชาการสิทธิมนุษยชนระหว่าง ประเทศ (lnternation Human Rights Conference) และสัมมนาในหัวข้อ "สถานการณ์สัมมนาในภูมิภาคต่างๆ : การป้องกันการทรมาน" โดยมี พล.ต.อ.ประชา พรมหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พ.ต.อ.ดร.ณรัชต์ เศวตนันทร์ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนจากประเทศต่างๆ ข้าราชการจากหลายกระทรวงและประชาชนผู้สนใจเข้าร่วมงานกว่า 300 คน
พล.ต.อ.ประชากล่าวว่า เป็นเรื่องน่ายินดียิ่ง สำหรับทุกคนที่มีโอกาสได้รับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็น ที่มีผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนต่อสังคมในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นการเรียนรู้ประสบการณ์เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน ในเรื่องการป้องกันการทรมาน สิทธิของเหยื่อ แนวโน้มกระแสสังคมโลกต่อการยุติโทษประหารชีวิต สิทธิของบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ และการไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาทนอกศาล ที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 และตามหลักสิทธิมนุษยชน ตลอดจนสะท้อนให้เห็นความสำคัญในหลักการและแนวทางปฏิบัติในการส่งเสริม คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐบาล ในการผลักดันให้มีการส่งเสริมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน อันเป็นหลักประกันว่า ประชาชนจะได้รับการปกป้องคุ้มครองสิทธิอย่างเต็มประสิทธิภาพ
Mr.Rafendi Djamin นักวิชาการด้านสิทธิมนุษยชน จากประเทศอินโดนีเซีย กล่าวตอนหนึ่งระหว่างการสัมมนาว่า อินโดนีเซียให้คุณค่ากับการลงนาม การให้สัตยาบรรณระหว่างประเทศเกี่ยวกับเรื่องสิทธิมนุษยชนอย่างมาก และเห็นว่าการทรมานเป็นเรื่องที่ทุกประเทศต้องให้ความสำคัญและแก้ไข ซึ่งอินโดนีเซียมีการพยายามปรับปรุงแก้ไขข้อกฎหมายต่างๆ เพื่อนำมาใช้ปกป้องเหยื่อจากการทรมานและการละเมิดสิทธิ หากแต่ก็ยังพบเห็นการทรมานเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งผู้ถูกทรมานที่ว่านั้นก็คือผู้ต้องหาหรือผู้ถูกขุมขัง จากนี้คณะกรรมการด้านสิทธิมนุษยชนจะต้องทำงานหนัก เพื่อผลักดันข้อกฎหมายและรัฐธรรมนูญให้สอดคล้องกันและเพิ่มบทลงโทษที่รุนแรง มากขึ้นกับผู้ปฏิบัติโดยมิชอบต่อผู้ถูกคุมขัง รวมทั้งสร้างการดูแลด้านสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นระบบในสถานีตำรวจ เรือนจำ และสถานที่คุมขังอื่นๆ
Mr.Paul okirig ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนจากประเทศยูกันดา กล่าวว่า การทรมานคือการอาชญากรรมอย่างหนึ่ง ปัจจุบันรัฐบาลยูกันดามีการสร้างกลไกที่ใช้ปฏิบัติอยู่ โดยให้ผู้ที่กระทำความผิดเกี่ยวกับการทรมานจะต้องได้รับโทษเองโดยตรง ต่างจากที่ผ่านมาหน่วยงานที่ผู้กระทำความผิดสังกัดอยู่จะต้องเป็นฝ่ายรับผิด ชอบ ซึ่งสำหรับยูกันดา ผู้ถูกทรมานหลายคนไม่กล้านำเรื่องเข้าแจ้งความหรือร้องเรียนและพบว่าผู้ กระทำความผิดด้านนี้ ส่วนมากจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร ซึ่งขณะนี้กำลังมีความพยายามปรับปรุงเทคนิคในการสืบสวนสอบสวนผู้ต้องสงสัย หรือผู้ต้องหา โดยมีการจัดอบรมด้านการสืบสวนแบบใหม่ ไม่ให้ใช้การทรมาน นอกจากนี้ ยังต้องทำให้เจ้าหน้าที่มีความเคารพในเรื่องสิทธิมนุษยชนมากขึ้น
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพจัดการประชุมวิชาการสิทธิมนุษยชนระหว่าง ประเทศ (lnternation Human Rights Conference) และสัมมนาในหัวข้อ "สถานการณ์สัมมนาในภูมิภาคต่างๆ : การป้องกันการทรมาน" โดยมี พล.ต.อ.ประชา พรมหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พ.ต.อ.ดร.ณรัชต์ เศวตนันทร์ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนจากประเทศต่างๆ ข้าราชการจากหลายกระทรวงและประชาชนผู้สนใจเข้าร่วมงานกว่า 300 คน พล.ต.อ.ประชากล่าวว่า เป็นเรื่องน่ายินดียิ่ง สำหรับทุกคนที่มีโอกาสได้รับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็น ที่มีผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนต่อสังคมในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นการเรียนรู้ประสบการณ์เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน ในเรื่องการป้องกันการทรมาน สิทธิของเหยื่อ แนวโน้มกระแสสังคมโลกต่อการยุติโทษประหารชีวิต สิทธิของบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ และการไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาทนอกศาล ที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 และตามหลักสิทธิมนุษยชน ตลอดจนสะท้อนให้เห็นความสำคัญในหลักการและแนวทางปฏิบัติในการส่งเสริม คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐบาล ในการผลักดันให้มีการส่งเสริมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน อันเป็นหลักประกันว่า ประชาชนจะได้รับการปกป้องคุ้มครองสิทธิอย่างเต็มประสิทธิภาพ Mr.Rafendi Djamin นักวิชาการด้านสิทธิมนุษยชน จากประเทศอินโดนีเซีย กล่าวตอนหนึ่งระหว่างการสัมมนาว่า อินโดนีเซียให้คุณค่ากับการลงนาม การให้สัตยาบรรณระหว่างประเทศเกี่ยวกับเรื่องสิทธิมนุษยชนอย่างมาก และเห็นว่าการทรมานเป็นเรื่องที่ทุกประเทศต้องให้ความสำคัญและแก้ไข ซึ่งอินโดนีเซียมีการพยายามปรับปรุงแก้ไขข้อกฎหมายต่างๆ เพื่อนำมาใช้ปกป้องเหยื่อจากการทรมานและการละเมิดสิทธิ หากแต่ก็ยังพบเห็นการทรมานเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งผู้ถูกทรมานที่ว่านั้นก็คือผู้ต้องหาหรือผู้ถูกขุมขัง จากนี้คณะกรรมการด้านสิทธิมนุษยชนจะต้องทำงานหนัก เพื่อผลักดันข้อกฎหมายและรัฐธรรมนูญให้สอดคล้องกันและเพิ่มบทลงโทษที่รุนแรง มากขึ้นกับผู้ปฏิบัติโดยมิชอบต่อผู้ถูกคุมขัง รวมทั้งสร้างการดูแลด้านสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นระบบในสถานีตำรวจ เรือนจำ และสถานที่คุมขังอื่นๆ Mr.Paul okirig ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนจากประเทศยูกันดา กล่าวว่า การทรมานคือการอาชญากรรมอย่างหนึ่ง ปัจจุบันรัฐบาลยูกันดามีการสร้างกลไกที่ใช้ปฏิบัติอยู่ โดยให้ผู้ที่กระทำความผิดเกี่ยวกับการทรมานจะต้องได้รับโทษเองโดยตรง ต่างจากที่ผ่านมาหน่วยงานที่ผู้กระทำความผิดสังกัดอยู่จะต้องเป็นฝ่ายรับผิด ชอบ ซึ่งสำหรับยูกันดา ผู้ถูกทรมานหลายคนไม่กล้านำเรื่องเข้าแจ้งความหรือร้องเรียนและพบว่าผู้ กระทำความผิดด้านนี้ ส่วนมากจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร ซึ่งขณะนี้กำลังมีความพยายามปรับปรุงเทคนิคในการสืบสวนสอบสวนผู้ต้องสงสัย หรือผู้ต้องหา โดยมีการจัดอบรมด้านการสืบสวนแบบใหม่ ไม่ให้ใช้การทรมาน นอกจากนี้ ยังต้องทำให้เจ้าหน้าที่มีความเคารพในเรื่องสิทธิมนุษยชนมากขึ้น ขอบคุณ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1372320057&grpid=03&catid=&subcatid=
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)