สมาชิกรัฐสภาออกแถลงการณ์งัดศาลรัฐธรรมนูญ
งัดศาลรัฐธรรมนูญ “สมศักดิ์-นิคม” พร้อม ส.ส.- ส.ว.ออกแถลงการณ์ปฏิเสธอำนาจศาลพิจารณาคำร้องค้านแก้ไขรัฐธรรมนูญตาม ม.68 ลั่นไม่มีอำนาจแทรกแซงฝ่ายนิติบัญญัติ เตรียมส่งคำโต้แย้งถึงมือศาลภายใน 15 วัน
เมื่อวัน 18 เม.ย. เมื่อเวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลและ ส.ว.รวม 30 คนซึ่งเป็นตัวแทนสมาชิกรัฐสภาที่ออกเสียงสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นำโดยนายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี ในฐานะประธานรองวิปรัฐสภา นายอำนวย คลังผา ประธานวิปรัฐบาลในฐานะรองประธานวิปรัฐสภา นายกฤษ อาทิตย์แก้ว ส.ว.กำแพงเพชร ในฐานะวิปรัฐสภา ร่วมแถลงข่าวพร้อมออกแถลงการณ์ไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญกรณีรับวินิจฉัย คำร้องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญไว้พิจารณาตามมาตรา 68 โดยนายดิเรก กล่าวว่า ในนามของสมาชิกรัฐสภาที่ได้รับมอบอำนาจจากนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานรัฐสภา และสมาชิกรัฐสภาที่ร่วมสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขอแถลงไม่รับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญและขอโต้แย้งการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีรับคำร้องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญไว้พิจารณาตามมาตรา 68 เนื่องด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นอำนาจนิติบัญญัติ ตามหลักการแบ่งแยกอำนาจ 3 ฝ่าย คือ นิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ ดังนั้นศาลไม่มีอำนาจมาสั่งให้ฝ่ายนิติบัญญัติหยุดหรือห้ามออกกฎหมาย เพราะเป็นการแทรกแซงอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ
นายดิเรก กล่าวว่า อีกทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ครั้งนี้ไม่มีเจตนาล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรง เป็นประมุข แต่ต้องการแก้ไขความคลุมเครือ ให้ชัดเจนว่าการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญต้องผ่านอัยการสูงสุด ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ทั้งในรัฐธรรมนูญ 2540 มาตรา 63 และถูกถ่ายทอดมาเป็นมาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญปัจจุบัน รวมทั้งเอกสารคำแนะนำของศาลรัฐธรรมนูญที่เผยแพร่ประชาชนระบุชัดว่าการยื่นคำ ร้องต้องผ่านอัยการสูงสุด ทั้งนี้สมาชิกรัฐสภาที่สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะร่วมลงชื่อในเอกสารคำ ชี้แจงซึ่งมีเนื้อหามีลักษณะเป็นคำโต้แย้งอำนาจศาลรัฐธรรมนูญส่งให้ศาลรัฐ ธรรมนูญภายใน 15 วัน ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญมีหนังสือให้สมาชิกรัฐสภาชี้แจง
ด้านนายอำนวย ได้เป็นตัวแทนอ่านแถลงการณ์ สาระสำคัญว่า ในนามของสมาชิกรัฐสภาซึ่งเป็นตัวแทนปวงชนชาวไทย ขอแถลงการณ์เพื่อประกาศต่อพี่น้องประชาชนทั้งประเทศว่า การที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้พิจารณาอาจเข้าข่ายจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัด ต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ผลของการกระทำดังกล่าวจะทำลายรูปแบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหา กษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่ยึดหลักการแบ่งแยกอำนาจเป็นสำคัญ จึงร่วมประกาศเจตนารมณ์ ดังนี้ 1.ศาลรัฐธรรมนูญย่อมต้องผูกพันและปฏิบัติตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ การรับคำร้องโดยที่ไม่มีบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญให้อำนาจย่อมเป็นการกระทำที่ ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 มาตรา 97 และ มาตรา 291 2.การที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้องไว้พิจารณาตามมาตรา 68 ได้นั้นต้องเสนอเรื่องไปยังอัยการสูงสุดเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน
3.การทำหน้าที่ในการรับคำร้องของศาลรัฐธรรมนูญในกรณีมาตรา 68 ขาดมาตรฐาน อันยากที่จะยอมรับและปฏิบัติตามได้ 4.การที่ศาลรัฐธรรมนูญซึ่งประกอบด้วยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 9 คน แต่มีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญติดภารกิจไปต่างประเทศ 4 คน จึงเหลือตุลาการเพื่อปฏิบัติหน้าที่เพียง 5 คน เป็นการเร่งรีบประชุม แตกต่างจากกรณีไต่สวนคำร้องของพล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ที่ได้รอตุลาการจนครบ และ5.การพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมเป็นอำนาจของรัฐสภา โดยเฉพาะตามมาตรา 291 องค์กรอื่นใดไม่มีอำนาจทั้งสิ้นที่จะสั่งห้ามหรือระงับ ดังนั้นยืนยันจะปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทย คงไว้ซึ่งหลักการแบ่งแยกอำนาจและเกียรติภูมิของรัฐสภา โดยจะดำเนินการที่เหมาะสมตามกรอบรัฐธรรมนูญ และกฎหมายของศาลรัฐธรรมนูญในกรณีนี้ต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากในระหว่างนี้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย รัฐสภาจะไม่ยุติการการแก้ไขรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ นายกฤษ กล่าวว่า ขออย่าเพิ่งคาดเดาเพราะในอนาคตอะไรก็เกิดขึ้นได้ ขอให้รอฟังคำวินิจฉัย แต่วันนี้เป็นการโต้แย้งศาล ไม่มีอำนาจสั่งให้สมาชิกรัฐสภาไปชี้แจง ซึ่งสามารถกระทำได้ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
ขอบคุณ... http://www.dailynews.co.th/politics/198186 (ขนาดไฟล์: 167)
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
งัดศาลรัฐธรรมนูญ “สมศักดิ์-นิคม” พร้อม ส.ส.- ส.ว.ออกแถลงการณ์ปฏิเสธอำนาจศาลพิจารณาคำร้องค้านแก้ไขรัฐธรรมนูญตาม ม.68 ลั่นไม่มีอำนาจแทรกแซงฝ่ายนิติบัญญัติ เตรียมส่งคำโต้แย้งถึงมือศาลภายใน 15 วัน เมื่อวัน 18 เม.ย. เมื่อเวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลและ ส.ว.รวม 30 คนซึ่งเป็นตัวแทนสมาชิกรัฐสภาที่ออกเสียงสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นำโดยนายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี ในฐานะประธานรองวิปรัฐสภา นายอำนวย คลังผา ประธานวิปรัฐบาลในฐานะรองประธานวิปรัฐสภา นายกฤษ อาทิตย์แก้ว ส.ว.กำแพงเพชร ในฐานะวิปรัฐสภา ร่วมแถลงข่าวพร้อมออกแถลงการณ์ไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญกรณีรับวินิจฉัย คำร้องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญไว้พิจารณาตามมาตรา 68 โดยนายดิเรก กล่าวว่า ในนามของสมาชิกรัฐสภาที่ได้รับมอบอำนาจจากนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานรัฐสภา และสมาชิกรัฐสภาที่ร่วมสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขอแถลงไม่รับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญและขอโต้แย้งการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีรับคำร้องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญไว้พิจารณาตามมาตรา 68 เนื่องด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นอำนาจนิติบัญญัติ ตามหลักการแบ่งแยกอำนาจ 3 ฝ่าย คือ นิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ ดังนั้นศาลไม่มีอำนาจมาสั่งให้ฝ่ายนิติบัญญัติหยุดหรือห้ามออกกฎหมาย เพราะเป็นการแทรกแซงอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ นายดิเรก กล่าวว่า อีกทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ครั้งนี้ไม่มีเจตนาล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรง เป็นประมุข แต่ต้องการแก้ไขความคลุมเครือ ให้ชัดเจนว่าการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญต้องผ่านอัยการสูงสุด ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ทั้งในรัฐธรรมนูญ 2540 มาตรา 63 และถูกถ่ายทอดมาเป็นมาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญปัจจุบัน รวมทั้งเอกสารคำแนะนำของศาลรัฐธรรมนูญที่เผยแพร่ประชาชนระบุชัดว่าการยื่นคำ ร้องต้องผ่านอัยการสูงสุด ทั้งนี้สมาชิกรัฐสภาที่สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะร่วมลงชื่อในเอกสารคำ ชี้แจงซึ่งมีเนื้อหามีลักษณะเป็นคำโต้แย้งอำนาจศาลรัฐธรรมนูญส่งให้ศาลรัฐ ธรรมนูญภายใน 15 วัน ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญมีหนังสือให้สมาชิกรัฐสภาชี้แจง ด้านนายอำนวย ได้เป็นตัวแทนอ่านแถลงการณ์ สาระสำคัญว่า ในนามของสมาชิกรัฐสภาซึ่งเป็นตัวแทนปวงชนชาวไทย ขอแถลงการณ์เพื่อประกาศต่อพี่น้องประชาชนทั้งประเทศว่า การที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้พิจารณาอาจเข้าข่ายจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัด ต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ผลของการกระทำดังกล่าวจะทำลายรูปแบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหา กษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่ยึดหลักการแบ่งแยกอำนาจเป็นสำคัญ จึงร่วมประกาศเจตนารมณ์ ดังนี้ 1.ศาลรัฐธรรมนูญย่อมต้องผูกพันและปฏิบัติตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ การรับคำร้องโดยที่ไม่มีบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญให้อำนาจย่อมเป็นการกระทำที่ ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 มาตรา 97 และ มาตรา 291 2.การที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้องไว้พิจารณาตามมาตรา 68 ได้นั้นต้องเสนอเรื่องไปยังอัยการสูงสุดเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน 3.การทำหน้าที่ในการรับคำร้องของศาลรัฐธรรมนูญในกรณีมาตรา 68 ขาดมาตรฐาน อันยากที่จะยอมรับและปฏิบัติตามได้ 4.การที่ศาลรัฐธรรมนูญซึ่งประกอบด้วยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 9 คน แต่มีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญติดภารกิจไปต่างประเทศ 4 คน จึงเหลือตุลาการเพื่อปฏิบัติหน้าที่เพียง 5 คน เป็นการเร่งรีบประชุม แตกต่างจากกรณีไต่สวนคำร้องของพล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ที่ได้รอตุลาการจนครบ และ5.การพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมเป็นอำนาจของรัฐสภา โดยเฉพาะตามมาตรา 291 องค์กรอื่นใดไม่มีอำนาจทั้งสิ้นที่จะสั่งห้ามหรือระงับ ดังนั้นยืนยันจะปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทย คงไว้ซึ่งหลักการแบ่งแยกอำนาจและเกียรติภูมิของรัฐสภา โดยจะดำเนินการที่เหมาะสมตามกรอบรัฐธรรมนูญ และกฎหมายของศาลรัฐธรรมนูญในกรณีนี้ต่อไป ผู้สื่อข่าวถามว่าหากในระหว่างนี้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย รัฐสภาจะไม่ยุติการการแก้ไขรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ นายกฤษ กล่าวว่า ขออย่าเพิ่งคาดเดาเพราะในอนาคตอะไรก็เกิดขึ้นได้ ขอให้รอฟังคำวินิจฉัย แต่วันนี้เป็นการโต้แย้งศาล ไม่มีอำนาจสั่งให้สมาชิกรัฐสภาไปชี้แจง ซึ่งสามารถกระทำได้ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ขอบคุณ... http://www.dailynews.co.th/politics/198186
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)