เกมใหม่!"ผู้เล่น"เผชิญหน้า"กรรมการ"
มาตามนัดสำหรับการสไกป์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในโอกาสครบรอบ 3 ปีเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย. 53
หลายช่วงหลายตอนของ “เนื้อหา” จากคนแดนไกลสะท้อนว่า พายุใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ วันนี้
ช่วงหนึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณพูดถึงการผลักดันร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยพร้อมจะเดินหน้า
แต่ประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ “รายมาตรา” โดยเฉพาะการแก้ไขมาตรา 68 ซึ่งขณะนี้ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องไว้วินิจฉัยตามที่ นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ยื่นเรื่องไว้
“วันนี้รัฐบาล ส.ส. และส.ว. พยายามแก้รัฐธรรมนูญ แก้ทั้งฉบับ แต่มีคนขัดขวาง เราก็ไม่ว่ากัน แต่พอเราแก้รายมาตราก็มีพวกขัดขวางเห็นแก่ตัวไม่กี่ตัว ยื่นศาล ศาลก็รับแบบเล่นลิเก ออกนั่งบัลลังก์เพียง 5 คน มีมติรับเรื่อง 3 ไม่รับ 2 คน เลิกเล่นลิเกได้แล้ว เพราะเป็นอำนาจอธิปไตยที่มีการแบ่งแยกอำนาจ ถ่วงดุลระหว่างกัน เขาใช้คำว่าถ่วงดุล ไม่ใช่ก้าวล่วง แต่วันนี้ใช้การก้าวล่วง ซึ่งกระทบต่อความมั่นใจของประเทศและประชาชนที่มีต่อระบบ ผมขอร้องวิงวอน จะให้กราบงาม ๆ ก็จะกราบ ให้รักษาความยุติธรรมเห็นแก่บ้านเมือง ไม่เช่นนั้นเราก็จะต้องใช้อำนาจประชาชน เพราะเรามาจากประชาชน ก็ใช้อำนาจจากประชาชนตามหลักประชาธิปไตย แต่เมื่อก้าวล่วงมากขึ้นเชื่อว่าประชาชนจะรับไม่ได้ เราต้องช่วยกันรักษาประชาธิปไตย”
แม้การรับเรื่องไว้ของศาลรัฐธรรมนูญจะเป็น “อำนาจ” ที่ทำได้เพราะทำตามคำวินิจฉัยครั้งรับวินิจฉัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291
แต่สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดเหมือนพยายามจะบอกว่า ศาลกำลัง “ก้าวล่วง”
ตามขั้นตอนหลังศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่อง ผู้ร้องคือ นายสมชาย ต้องทำสำเนาผู้ถูกร้องซึ่งก็คือผู้เซ็นชื่อสนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 312 คนส่งให้ศาล จากนั้นศาลจะส่งให้รัฐสภาเมื่อส่งให้ผู้ถูกร้องชี้แจงภายในเวลาที่กำหนด
มีข่าวออกมาว่า คณะทำงานกฎหมายในพรรคเพื่อไทยกำลังประเมินว่าจะรับอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญในครั้งนี้หรือไม่
แล้วถ้ารับหรือไม่รับ จะชี้แจงไปให้ศาลรัฐธรรมนูญหรือเปล่า
นอกจากชี้แจงในหน้ากระดาษ ตามกระบวนการศาลจะเปิดการไต่สวน
มีข่าวว่าใน “ขั้นตอนนี้” พรรคเพื่อไทยอาจไม่ไปร่วมไต่สวนกับศาล
เมื่อไม่รับอำนาจ ไม่ไปร่วมไต่สวน ผลการไต่สวนออกมาเช่นไร พรรคเพื่อไทยก็คงจะไม่ฟังศาลและน่าจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ที่ว่าด้วยสิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญต่อไป
สมมุติว่าถึงตรงนั้น บอกได้คำเดียวว่า สถานการณ์จะยุ่งเหยิงอย่างยิ่ง ยุ่งยิ่งกว่าครั้งแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ที่หยุดชะงักในชั้นการลงมติวาระ 3 ซะอีก
อย่าลืมว่า วาระ 3 ก็ยังค้างคาอยู่ในสภา และมีโอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะหยิบขึ้นมา หากสถานการณ์การเมือง “เอื้ออำนวย”
การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างถึง “ที่มา” ว่ามาจากประชาชน จึงน่าจะเป็นการอ้างเพื่อจะใช้ “เผชิญหน้า” กับศาล
พูดถึงศาลรัฐธรรมนูญ พ.ต.ท.ทักษิณ รู้ดีที่สุดคนหนึ่ง เพราะตั้งแต่เป็นนายกฯครั้งแรกก็ขึ้นเผชิญกับศาลรัฐธรรมนูญในคดี “ซุกหุ้น”
ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ดูไปแล้วเหมือน “ผู้เล่น” กำลังจะเผชิญหน้ากับ “กรรมการ” แทนที่จะเผชิญหน้ากับ “ผู้เล่น” ด้วยกันเอง
ขอบคุณ http://www.dailynews.co.th/article/4/196842 (ขนาดไฟล์: 167)
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
มาตามนัดสำหรับการสไกป์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในโอกาสครบรอบ 3 ปีเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย. 53 หลายช่วงหลายตอนของ “เนื้อหา” จากคนแดนไกลสะท้อนว่า พายุใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ วันนี้ ช่วงหนึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณพูดถึงการผลักดันร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยพร้อมจะเดินหน้า แต่ประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ “รายมาตรา” โดยเฉพาะการแก้ไขมาตรา 68 ซึ่งขณะนี้ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องไว้วินิจฉัยตามที่ นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ยื่นเรื่องไว้ “วันนี้รัฐบาล ส.ส. และส.ว. พยายามแก้รัฐธรรมนูญ แก้ทั้งฉบับ แต่มีคนขัดขวาง เราก็ไม่ว่ากัน แต่พอเราแก้รายมาตราก็มีพวกขัดขวางเห็นแก่ตัวไม่กี่ตัว ยื่นศาล ศาลก็รับแบบเล่นลิเก ออกนั่งบัลลังก์เพียง 5 คน มีมติรับเรื่อง 3 ไม่รับ 2 คน เลิกเล่นลิเกได้แล้ว เพราะเป็นอำนาจอธิปไตยที่มีการแบ่งแยกอำนาจ ถ่วงดุลระหว่างกัน เขาใช้คำว่าถ่วงดุล ไม่ใช่ก้าวล่วง แต่วันนี้ใช้การก้าวล่วง ซึ่งกระทบต่อความมั่นใจของประเทศและประชาชนที่มีต่อระบบ ผมขอร้องวิงวอน จะให้กราบงาม ๆ ก็จะกราบ ให้รักษาความยุติธรรมเห็นแก่บ้านเมือง ไม่เช่นนั้นเราก็จะต้องใช้อำนาจประชาชน เพราะเรามาจากประชาชน ก็ใช้อำนาจจากประชาชนตามหลักประชาธิปไตย แต่เมื่อก้าวล่วงมากขึ้นเชื่อว่าประชาชนจะรับไม่ได้ เราต้องช่วยกันรักษาประชาธิปไตย” แม้การรับเรื่องไว้ของศาลรัฐธรรมนูญจะเป็น “อำนาจ” ที่ทำได้เพราะทำตามคำวินิจฉัยครั้งรับวินิจฉัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 แต่สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดเหมือนพยายามจะบอกว่า ศาลกำลัง “ก้าวล่วง” ตามขั้นตอนหลังศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่อง ผู้ร้องคือ นายสมชาย ต้องทำสำเนาผู้ถูกร้องซึ่งก็คือผู้เซ็นชื่อสนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 312 คนส่งให้ศาล จากนั้นศาลจะส่งให้รัฐสภาเมื่อส่งให้ผู้ถูกร้องชี้แจงภายในเวลาที่กำหนด มีข่าวออกมาว่า คณะทำงานกฎหมายในพรรคเพื่อไทยกำลังประเมินว่าจะรับอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญในครั้งนี้หรือไม่ แล้วถ้ารับหรือไม่รับ จะชี้แจงไปให้ศาลรัฐธรรมนูญหรือเปล่า นอกจากชี้แจงในหน้ากระดาษ ตามกระบวนการศาลจะเปิดการไต่สวน มีข่าวว่าใน “ขั้นตอนนี้” พรรคเพื่อไทยอาจไม่ไปร่วมไต่สวนกับศาล เมื่อไม่รับอำนาจ ไม่ไปร่วมไต่สวน ผลการไต่สวนออกมาเช่นไร พรรคเพื่อไทยก็คงจะไม่ฟังศาลและน่าจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ที่ว่าด้วยสิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญต่อไป สมมุติว่าถึงตรงนั้น บอกได้คำเดียวว่า สถานการณ์จะยุ่งเหยิงอย่างยิ่ง ยุ่งยิ่งกว่าครั้งแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ที่หยุดชะงักในชั้นการลงมติวาระ 3 ซะอีก อย่าลืมว่า วาระ 3 ก็ยังค้างคาอยู่ในสภา และมีโอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะหยิบขึ้นมา หากสถานการณ์การเมือง “เอื้ออำนวย” การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างถึง “ที่มา” ว่ามาจากประชาชน จึงน่าจะเป็นการอ้างเพื่อจะใช้ “เผชิญหน้า” กับศาล พูดถึงศาลรัฐธรรมนูญ พ.ต.ท.ทักษิณ รู้ดีที่สุดคนหนึ่ง เพราะตั้งแต่เป็นนายกฯครั้งแรกก็ขึ้นเผชิญกับศาลรัฐธรรมนูญในคดี “ซุกหุ้น” ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ดูไปแล้วเหมือน “ผู้เล่น” กำลังจะเผชิญหน้ากับ “กรรมการ” แทนที่จะเผชิญหน้ากับ “ผู้เล่น” ด้วยกันเอง ขอบคุณ http://www.dailynews.co.th/article/4/196842
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)