'เรืองไกร'ยื่นศาลรัฐธรรมนูญยุบปชป.
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ได้ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้พิจารณาวินิจฉัยยุบพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ได้ส่งนายวิรัตน์ กัลยาศิริและพวกซึ่งส.ส.พรรคประชาธิปัตย์รวม 11 คน เข้าร่วมเป็นกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 68 และมาตรา 237 ตามสัดส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ว่าการกระทำของนายวิรัตน์และพวก เข้าลักษณะมีมูลที่ศาลรัฐธรรมนูญควรจะรับไว้พิจารณาเช่นเดียวกับที่ศาลรัฐ ธรรมนูญรับคำร้องของนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการเข้าชื่อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 และมาตรา 237 ของประธานรัฐสภาและพวกซึ่งเป็นส.ส.และส.ว. 312 คน เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 หรือไม่
นายเรืองไกร กล่าวว่า ได้ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเป็นกรณีฉุกเฉิน เพื่อสั่งให้กรรมาธิการในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ทั้ง 11 คนหยุดทำหน้าที่ไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยด้วย นอกจากนี้ในคำร้องยังได้คัดค้านไม่ให้ 8 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ยกเว้น นายจรัญ ภักดีธนากุล เป็นองค์คณะพิจารณาพิจารณาคำร้องดังกล่าวรวมถึงคำร้องของนายสมชาย เนื่องจาก การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ของรัฐสภาในขณะนี้เป็นการแก้ไขเพื่อตัดสิทธิการยื่นคำร้องโดยตรงของบุคคล ซึ่งก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยเรื่องนี้ว่า ศาลสามารถรับคำร้องตามมาตรา 68 จากบุคคลที่ทราบการกระทำว่าจะมีการล้มล้างการปกครองได้โดยตรง ในคำวินิจฉัยที่ 18-22 /2555 ดังนั้น จึงถือว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 8 คนเป็นผู้มีส่วนได้เสีย ซึ่งตามข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาและการทำคำวินิจฉัย ข้อ 10 (1) บัญญัติห้ามมิให้ตุลาการที่มีส่วนได้เสียกับเรื่องนั้นๆ เป็นองค์คณะพิจารณาด้วย อีกทั้งตนยังได้คัดค้านการรับพิจารณาคำร้องของนายสมชาย เนื่องจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐสภากระทำในรูปแบบของญัตติแก้ไข ไม่ใช่ร่างพ.ร.บ. ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2554 ว่าศาลฯมีอำนาจรับพิจารณาเฉพาะร่างพ.ร.บ.เท่านั้น ไม่มีอำนาจรับพิจารณากรณีเป็นญัตติ
"ผมยื่นให้ตรวจสอบการกระทำของพรรคประชาธิปัตย์ถ้าจะมองเป็นการเมือง ก็ยอมรับ แต่เห็นว่าเพื่อให้เกิดความเท่าเทียม ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ววอล์คเอาท์ บอยคอต อันนี้ก็ไม่ต้องยื่น แต่นี่ก็ร่วมอภิปราย แล้วพรรคก็ส่งส.ส.ตามสัดส่วนเข้ามาเป็นกรรมาธิการแก้ไข ก็ต้องถือว่ามีส่วนด้วย ซึ่งผมก็เห็นว่าก่อนหน้านี้คุณสมชาย ( แสวงการ) ได้ยื่นมาแล้ว อันนั้นแค่ เข้าชื่อเสนอญัตตินะ 312 คนบวกประธานรัฐสภา แต่จริงๆ ในชั้นโหวตรับหลักการ 374 คน เข้าใจว่าคุณสมชายคงจะยื่นเพิ่มเติม และเดี๋ยวก็คงมีผู้แปรญัตติ ก็จะดูว่าผู้แปรญัตติมีส่วนร่วมหรือไม่ ซึ่งก็จะได้มายื่นเติมเต็มให้ครบถ้วน ไม่อยากต้องมายื่นซับซ้อนกับคุณสมชายเพราะกลายเป็นการสร้างภาระให้กับ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และก่อนหน้านี้ประธานศาลรัฐธรรมนูญให้เหตุผลต้องรีบพิจารณาคำร้องของคุณสม ชายว่าเพราะมีการขอคุ้มครองชั่วคราว ก็คิดว่าศาลฯคงใช้มาตรฐานเดียวกับคำร้องของผม เพราะก็ขอคุ้มครองชั่วคราวเช่นเดียวกัน"นายเรืองไกร กล่าว
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ได้ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้พิจารณาวินิจฉัยยุบพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ได้ส่งนายวิรัตน์ กัลยาศิริและพวกซึ่งส.ส.พรรคประชาธิปัตย์รวม 11 คน เข้าร่วมเป็นกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 68 และมาตรา 237 ตามสัดส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ว่าการกระทำของนายวิรัตน์และพวก เข้าลักษณะมีมูลที่ศาลรัฐธรรมนูญควรจะรับไว้พิจารณาเช่นเดียวกับที่ศาลรัฐ ธรรมนูญรับคำร้องของนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการเข้าชื่อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 และมาตรา 237 ของประธานรัฐสภาและพวกซึ่งเป็นส.ส.และส.ว. 312 คน เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 หรือไม่ นายเรืองไกร กล่าวว่า ได้ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเป็นกรณีฉุกเฉิน เพื่อสั่งให้กรรมาธิการในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ทั้ง 11 คนหยุดทำหน้าที่ไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยด้วย นอกจากนี้ในคำร้องยังได้คัดค้านไม่ให้ 8 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ยกเว้น นายจรัญ ภักดีธนากุล เป็นองค์คณะพิจารณาพิจารณาคำร้องดังกล่าวรวมถึงคำร้องของนายสมชาย เนื่องจาก การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ของรัฐสภาในขณะนี้เป็นการแก้ไขเพื่อตัดสิทธิการยื่นคำร้องโดยตรงของบุคคล ซึ่งก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยเรื่องนี้ว่า ศาลสามารถรับคำร้องตามมาตรา 68 จากบุคคลที่ทราบการกระทำว่าจะมีการล้มล้างการปกครองได้โดยตรง ในคำวินิจฉัยที่ 18-22 /2555 ดังนั้น จึงถือว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 8 คนเป็นผู้มีส่วนได้เสีย ซึ่งตามข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาและการทำคำวินิจฉัย ข้อ 10 (1) บัญญัติห้ามมิให้ตุลาการที่มีส่วนได้เสียกับเรื่องนั้นๆ เป็นองค์คณะพิจารณาด้วย อีกทั้งตนยังได้คัดค้านการรับพิจารณาคำร้องของนายสมชาย เนื่องจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐสภากระทำในรูปแบบของญัตติแก้ไข ไม่ใช่ร่างพ.ร.บ. ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2554 ว่าศาลฯมีอำนาจรับพิจารณาเฉพาะร่างพ.ร.บ.เท่านั้น ไม่มีอำนาจรับพิจารณากรณีเป็นญัตติ "ผมยื่นให้ตรวจสอบการกระทำของพรรคประชาธิปัตย์ถ้าจะมองเป็นการเมือง ก็ยอมรับ แต่เห็นว่าเพื่อให้เกิดความเท่าเทียม ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ววอล์คเอาท์ บอยคอต อันนี้ก็ไม่ต้องยื่น แต่นี่ก็ร่วมอภิปราย แล้วพรรคก็ส่งส.ส.ตามสัดส่วนเข้ามาเป็นกรรมาธิการแก้ไข ก็ต้องถือว่ามีส่วนด้วย ซึ่งผมก็เห็นว่าก่อนหน้านี้คุณสมชาย ( แสวงการ) ได้ยื่นมาแล้ว อันนั้นแค่ เข้าชื่อเสนอญัตตินะ 312 คนบวกประธานรัฐสภา แต่จริงๆ ในชั้นโหวตรับหลักการ 374 คน เข้าใจว่าคุณสมชายคงจะยื่นเพิ่มเติม และเดี๋ยวก็คงมีผู้แปรญัตติ ก็จะดูว่าผู้แปรญัตติมีส่วนร่วมหรือไม่ ซึ่งก็จะได้มายื่นเติมเต็มให้ครบถ้วน ไม่อยากต้องมายื่นซับซ้อนกับคุณสมชายเพราะกลายเป็นการสร้างภาระให้กับ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และก่อนหน้านี้ประธานศาลรัฐธรรมนูญให้เหตุผลต้องรีบพิจารณาคำร้องของคุณสม ชายว่าเพราะมีการขอคุ้มครองชั่วคราว ก็คิดว่าศาลฯคงใช้มาตรฐานเดียวกับคำร้องของผม เพราะก็ขอคุ้มครองชั่วคราวเช่นเดียวกัน"นายเรืองไกร กล่าว ขอบคุณ http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/politics/20130409/499571/เรืองไกรยื่นศาลรัฐธรรมนูญยุบปชป..html
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)