คดีใส่ร้ายลาม พท.ยื่นอีก สอบ9แกนนำปชป.

แสดงความคิดเห็น

พ่วงเช็กบิลถึง"สุขุมพันธุ์"ด้วย! "สดศรี"แนะให้ดู"ใบแดง"กกต. ที่เก่ง-การุณ โหสกุลโดนสอย

ปราศรัยใส่ร้ายลาม เพื่อไทยนัดจันทร์นี้ ยื่นกกต.สอบกราวรูด 9 แกนนำปชป.-คุณชายหมูขึ้นเวทีช่วงโค้งท้ายหาเสียงผู้ว่าฯ กทม. ระบุผิดชัดเจนมาตรา 57 ใส่ร้ายป้ายสีจนส่งผลต่อความนิยมและคะแนนเสียง ด้านประธานกกต.กทม.นัดวันอังคารชี้คำร้อง "อดีตส.ว.เรืองไกร" เข้าข่ายความผิดหรือไม่ ส่วน "สดศรี สัตยธรรม" ตำหนิเลขาฯ กกต.ด่วนสรุป ชี้ความผิดไม่ว่าเล็กหรือน้อยก็มีผล ให้ดูใบแดงกรณี "เก่ง-การุณ โหสกุล"เป็นตัวอย่าง ปธ.ศาลปกครองสูงสุดระบุผู้สูญเสียอำนาจหาทางจ้องล้มศาลปกครอง

"บุญยอด"เปิดแถลงแก้ข่าววุ่น

เมื่อวันที่ 8 มี.ค. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า กรณีที่ตนแถลงเมื่อวันที่ 7 มี.ค. ที่รัฐสภา ตอนหนึ่งระบุว่า "แม้เราจะยอมรับว่าการปราศรัยบนเวทีที่บางกะปิอาจเข้าข่ายโดนใบเหลือง เนื่องจากนายอิสสระ สมชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ ปราศรัยพาดพิงฝ่ายตรงข้ามเรื่องคดีขโมยวิทยุของพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. จากพรรคเพื่อไทย" นั้น เป็นการคาดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวอาจเป็นหนึ่งในคำร้อง ของกกต. ที่อาจทำให้ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ได้ ไม่ใช่ยอมรับว่าการปราศรัยของนายอิสสระ เป็นการทำผิดกฎหมายเลือกตั้งที่อาจถูกใบเหลือง แต่เป็นการอธิบายตามกฎหมายเลือกตั้งว่าจะเข้าข่ายถูกใบเหลืองได้ เพราะนายอิสสระไม่ใช่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.โดยตรง ซึ่งการปราศรัยของนายอิสสระ กล่าวถึงข้อเท็จจริงที่พล.ต.อ.พงศพัศเคยยอมรับแล้วว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเคยเกิดขึ้นและจบไปแล้ว จึงไม่ใช่การกระทำผิดอย่างชัดเจน อีกทั้งยังยกตัวอย่างขึ้นมาเทียบเคียง เรียกร้องให้ กกต. มีมาตรฐานในการวินิจฉัย เหมือนที่เคยยกคำร้องกรณีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ปราศรัยโจมตีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ในการเลือกตั้งเมื่อ 3 ก.ค.54 ซึ่งคำปราศรัยรุนแรง เสียดสี เลวร้ายกว่าคำปราศรัยของนายอิสสระเสียอีก

"สดศรี"ให้ดูกรณีเก่ง-การุณ

วันเดียวกัน นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง ให้สัมภาษณ์ถึงคำร้องคัดค้านการรับรอง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ว่า ต้องรอให้กกต.กทม. ส่งสำนวนมาก่อน กกต.แต่ละคนก็จะใช้ดุลพินิจ จึงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถฟันธงได้ในขณะนี้ การให้สัมภาษณ์ของเลขาฯ กกต. ที่ระบุว่าเรื่องดังกล่าวเป็นคำร้องทั่วไป ไม่หนักหนาสาหัสเป็นมุมมองส่วนตัว แต่เลขาฯ กกต. ไม่ได้ร่วมเป็นกกต. และโดยมารยาทแล้วไม่ควรพูดไปก่อน

นางสดศรีกล่าวว่า คนมักมองว่าความผิดซื้อสิทธิขายเสียงเป็นเรื่องหนัก แต่มาตรา 57 พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น ระบุความผิดจากการเลือกตั้ง ถึง 5 วรรค จะบอกว่าความผิดไหนหนักกว่าความผิดไหน คงไม่ได้ เพราะจะหนักหรือไม่หนักก็เป็นโทษตามกฎหมาย บางทียักษ์ก็ล้ม เพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ การหาเสียงจึงต้องระวัง

"โทษใบเหลืองใบแดงบางทีก็ไม่ได้มาจากเรื่องซื้อสิทธิขายเสียง ยกตัวอย่างกรณีนาย การุณ โหสกุล ส.ส.กทม. ที่โดนใบแดง ก็มาจากการพูดหมิ่นประมาทใส่ร้าย"นางสดศรี กล่าว

ปธ.กกต.กทม.พร้อมสอบ-ถ้าร้อง

ที่ศาลาว่าการกทม. พล.ต.ท.ทวีศักดิ์ ตู้จินดา ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร (กกต.กทม.) กล่าวถึงกรณีนายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ยอมรับว่านายอิสสระ สมชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ ปราศรัยพาดพิงพล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวหาขโมยวิทยุสื่อสาร ที่เวทีหาเสียงบางกะปิ เข้าข่ายถูกใบเหลืองว่า เรื่องนี้ไม่เห็นมีผู้ร้องเรียน มีแต่ผู้ที่โทรศัพท์เข้ามาบอกว่าเป็นการใส่ร้ายป้ายสี พร้อมทั้งระบุว่าจะนำหลักฐานมาให้ตั้งแต่ยังไม่มีการเลือกตั้ง จนถึงขณะนี้ยังไม่มีผู้ร้องเรียน ซึ่งที่ผ่านมามีแต่ข่าว มีแต่โทรศัพท์เข้ามา กกต.กทม.จะรับเป็นเรื่องร้องเรียนไม่ได้ เพราะต้องวางตัวเป็นกลาง

พล.ต.ท.ทวีศักดิ์กล่าวว่า ทั้งนี้หากมีหลักฐานแสดงชัดเจน อาทิ ซีดีการปราศรัย ภาพและคำถอดเทป รวมทั้งหนังสือพิมพ์ยืนยัน แนบมาร้องเรียน กกต.กทม.จะรับพิจารณาคำร้องทันที จากนั้นก็จะเรียกผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจงว่าทำจริงหรือไม่อย่างไร อย่างไรก็ตาม กกต.กทม. ทำหน้าที่อย่างเป็นกลางเปิดกว้างให้ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียมาร้องเรียนภายใน 30 วัน ถึงแม้ กกต.กลางจะรับรองผลการเลือกตั้งก็มาร้องเรียนได้ หากภายใน 2 สัปดาห์ยังไม่มีเรื่องร้องเรียนจะเสนอให้กกต.พิจารณารับรองผลการเลือกตั้งต่อไป

"อิสสระ"โต้วุ่น-เปล่าระบุชื่อใคร

พล.ต.ท.ทวีศักดิ์กล่าวว่า เชื่อว่าผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องนี้คงไม่เอาจริง หากเอาจริงคงจะนำหลักฐานมายืนยันไปแล้ว ทั้งนี้ การพัฒนาประชาธิปไตยนั้น ประชาชนต้องดูแลควบคุมและตรวจสอบการทำงานของนักการเมือง หากพบความผิดปกติ ต้องร้องเรียนมายัง กกต.กทม. เพื่อพิจารณาต่อไป ซึ่งกฎหมายการหาเสียงระบุชัดเจนแล้วว่าการหาเสียงต้องไม่ใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่น ขณะเดียวกันการเลือกตั้งแบบเก่าๆควรเลิกไปได้แล้ว

นายอิสสระ สมชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการปราศรัยช่วยม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร หาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ที่เขตบางกะปิ ตามที่นาย บุญยอด แถลงระบุอาจเข้าข่ายต่อการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งว่า ได้ปราศรัยเรื่องเกี่ยวกับการขโมยวิทยุจริง แต่ยืนยันว่าไม่ได้ระบุชื่อบุคคลใด หรือเจาะจงหมายเลขผู้สมัครรายใด ตรวจสอบหลักฐานได้จากเทปที่คาดว่าน่าจะมีการบันทึกไว้ เข้าใจว่าที่ นายบุญยอด แถลงข่าวไปนั้น อาจจะเข้าใจผิดไปเอง ตนพร้อมนำเทปการบันทึกถ้อยคำการปราศรัยนั้นไปชี้แจง

ด้านนางนินนาท ชลิตานนท์ ปลัดกรุงเทพ มหานคร (กทม.) กล่าวถึงกกต. ยังไม่ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งว่า กทม.ยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อการทำงานบริการเพื่อประชาชน ซึ่งกกต.ประกาศออกมาชัดเจนแล้วว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 30 วัน ในช่วงเวลานี้ กทม.ได้เรียกหน่วยงาน และสำนักที่เกี่ยวข้องมาประชุม ศึกษา วิเคราะห์นโยบายใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานที่เคยทำมาแล้วในสมัยที่ผ่านมา เพียงแต่ต้องต่อยอดของเดิมเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หาก กกต.ประกาศรับรองผลจะเดินหน้างานได้ทันที

พท.นัดยื่นร้อง 9 ปชป.-ชายหมู

วันเดียวกัน นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้ทีมกฎหมายของพรรคเพื่อไทยอยู่ระหว่างถอดเทปคำปราศรัยทั้งหมดในช่วงโค้งสุดท้ายที่มีการถ่ายทอดผ่านดาวเทียมหลายช่อง ทั้งแกนนำพรรคประชาธิปัตย์รวม 9 คน และม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ น่าจะเข้าข่ายใส่ร้ายป้ายสี พล.ต.อ. พงศพัศ และผิดกฎหมายเลือกตั้ง มาตรา 57 นอกจากนี้ยังรวบรวมในส่วนที่ประชาชนส่งหลักฐานเข้ามาให้กับทางพรรค โดยเตรียมจะส่งหลักฐานทั้งหมดเพื่อยื่นคำร้องเพิ่มเติมไปยังกกต. ในวันที่ 11 มี.ค. เพื่อให้กกต. พิจารณาไปในคราวเดียว ทั้งนี้ การปราศรัยช่วงโค้งสุดท้ายของพรรคประชาธิปัตย์ เข้าข่ายมุ่งโจมตีทางการเมือง บิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อลดความน่าเชื่อถือในตัวผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย มากกว่าจะปราศรัยเรื่องนโยบายหรือผลงานในช่วงที่เป็นผู้ว่าฯ กทม. โดยเฉพาะวาทกรรมกินรวบประเทศหรือเรื่องเผาบ้านเผาเมือง ถือเป็นการกล่าวหาผู้สมัครของพรรค

นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ส่วนที่นายบุญยอดเรียกร้องให้กกต.เร่งรับรอง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์เป็นผู้ว่าฯ กทม.นั้น ตนมองว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เป็นการกดดันการทำหน้าที่ของกกต. ควรปล่อยให้กกต.ใช้เวลาพิจารณาคำร้องเพื่อความสง่างามของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ด้วย

"เรืองไกร"ชี้ถึงเหลือง-เลือกใหม่

ด้านนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตส.ว.สรรหา กล่าวกรณีนายบุญยอดยอมรับว่านายอิสสระ สมชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ปราศรัยพาดพิงพล.ต.อ.พงศพัศขโมยวิทยุสื่อสาร ที่เวทีบางกะปิ เข้าข่ายถูกใบเหลืองว่า ประเด็นนี้ไม่ใช่ตัวผู้สมัครกระทำผิดเลือกตั้งเอง แต่เป็นส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่ช่วยผู้สมัครหาเสียงโดยปราศรัยพาดพิงผู้สมัครอื่น ซึ่งเข้าข่ายโดนใบเหลือง จึงเป็นหน้าที่ของกกต.ต้องสืบสวนหาข้อเท็จจริง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 238 และ 239 ถ้าคำวินิจฉัยออกมาด้วยการแจกใบเหลืองแก่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ที่มีคะแนนอันดับ 1 จริง ก็ต้องจัดเลือกตั้งใหม่ทั้งหมด เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งเขตเดียวคือกรุงเทพมหานคร

นายเรืองไกรกล่าวว่า ตนได้ร้องต่อกกต.ให้ตรวจสอบ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ นายอภิสิทธิ์ และนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกนโยบายหาเสียงว่าจะตั้งผู้เชี่ยวชาญ 31 ราย หากได้รับเลือกตั้ง ซึ่งเกินโควตาตามกฎหมายที่กำหนดให้มีแค่ 9 คนไปแล้ว ขอให้กกต.สอบเรื่องนี้ และถ้าหลังประกาศรับรองผล ยังไม่มีตรวจสอบหรือยื่นร้องปัญหาใบเหลืองที่มีการพาดพิงเรื่องขโมยวิทยุ ตนจะติดตามร้องเรื่องดังกล่าวต่อไป

กกต.กทม.นัดถกวันอังคารนี้

ที่สำนักงานกกต. พล.ต.ท.ทวีศักดิ์กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีนายเรืองไกรยื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบนโยบายของม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ นายอภิสิทธิ์ และนายอภิรักษ์ หาเสียงว่าจะตั้งผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิ 31 คน ทั้งที่ตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2528 มาตรา 49(3) กำหนดให้ตั้งประธานที่ปรึกษา ที่ปรึกษาและคณะที่ปรึกษาของ ผู้ว่าฯ กทม.ได้ไม่เกิน 9 คน โดยนำเอกสารสำเนามติ กกต.และคำวินิจฉัยเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง นายกอบต.ฟ้าห่วน อ.ค้อวัง จ.ยโสธร มาเทียบเคียงว่า ขณะนี้กกต.กทม. มีคำร้องทั้งหมด 18 คำร้อง ซึ่งหลังเลือกตั้งมีเพิ่มเข้ามาอีก 4 คำร้อง หนึ่งในนั้นเป็นคำร้องของนายเรืองไกร โดยร้องตามมาตรา 57(5) ของพ.ร.บ.การเลือกตั้งท้องถิ่น ที่ระบุว่าห้ามไม่ให้ผู้สมัครหรือผู้ใด หลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้าย หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในเรื่องใดอันเกี่ยวกับผู้สมัครใด คาดว่าใน การประชุมกกต.วันที่ 12 มี.ค. จะพิจารณาว่าจะรับคำร้องดังกล่าวไว้วินิจฉัยหรือไม่

รอผลวิเคราะห์-โพลชี้นำหรือไม่

ที่ กกต. นายวีระ ยี่แพร ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร (ผอ.กต.กทม.) กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนในคำร้องของอดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ยื่นขอให้ตรวจสอบการจัดทำเผยแพร่ผลสำรวจของสวนดุสิตโพลในการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ไม่เป็นไปตามหลักวิชาการว่า อนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงของกกต.กทม. ได้ส่งผลสำรวจความคิดเห็น 3,000 ชุด ที่สวนดุสิตโพลระบุว่าใช้เป็นตัวคำนวณค่าเฉลี่ยว่าคนกรุงเทพฯ ตัดสินใจเลือกใครเป็นผู้ว่าฯ กทม. ให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตรวจสอบว่าประเด็นคำถามมีการชี้นำหรือไม่ และการคำนวณผลคะแนนทำตามหลักวิชาการหรือไม่ คาดว่าภายในสัปดาห์นี้จุฬาฯ น่าจะส่งผลการตรวจสอบกลับมายังอนุกรรมการฯ ได้

นายวีระกล่าวว่า ตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบว่านายสุขุม เฉลยทรัพย์ ประธานดำเนินงานสวนดุสิตโพลรับจัดงานสานเสวนาเพื่อความปรองดองให้กระทรวงมหาดไทยหรือหน่วยงานรัฐอื่นๆ อย่างที่กล่าวหาในคำร้อง หากทางจุฬาฯ ส่งผลตรวจสอบมา กกต.กทม.จะนำมาพิจารณาและอาจเชิญนายสุขุมมาชี้แจง เพื่อป้องกันข้อครหาว่ากกต.กทม.ตรวจสอบเพียงฝ่ายเดียว ไม่เปิดให้ผู้ถูกร้องเรียนได้ชี้แจง ก่อนที่กกต.กทม.จะมีคำวินิจฉัยต่อไป

นายวีระกล่าวถึงกรณีพบว่าจำนวนผู้ที่ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ไม่ตรงกับจำนวนบัตรเลือกตั้งว่า เบื้องต้นตรวจสอบข้อมูลพบว่าบัตรเลือกตั้งที่หายไป 2 ใบ เกิดจากกรณีที่หลานไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งแทนยาย ในหน่วยเลือกตั้งที่ 10 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน และกรณีที่มีชายวิกลจริตฉีกบัตรเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งที่ 13 เขตบางคอแหลม จึงทำให้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบกลายเป็นของกลางของตำรวจ เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานสืบสวนสอบสวนต่อไป

"ชวนนท์"ยังอยู่ในโผรองผู้ว่าฯ

รายงานข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์แจ้งว่า แม้กกต.จะยังไม่ประกาศรับรองผลเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็เดินหน้าสรรหาบุคคลมาเป็นทีมรองผู้ว่าฯ กทม. ทั้ง 4 ตำแหน่ง มีแคนดิเดตที่น่าสนใจ อาทิ นายจุมพล สำเภาทอง รองปลัดกทม. สายตรงของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ว่าที่ผู้ว่าฯ กทม. เคยร่วมทีมทำงานสมัยแรก ซึ่งทำงานเข้าขากันเป็นอย่างดี จึงถือเป็นตัวเต็งอันดับหนึ่ง นอกจากนี้ ยังมีนายกนก วงษ์ตระหง่าน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรมว.ศึกษาธิการเงา มีความเชี่ยวชาญด้านการศึกษา และเคยเป็นอาจารย์ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยรุ่นเดียว กับม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จึงถือว่าสนิทสนมกัน เป็นการแก้ปัญหาและลดช่องว่างการทำงานระหว่างกทม.และพรรค นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรค คนสนิทนายอภิสิทธิ์ ซึ่งไม่ตอบรับหรือปฏิเสธกับข่าวนี้ เพียงแต่ระบุว่านายอภิสิทธิ์ยังไม่ได้ส่งสัญญาณ เพราะถ้าต้องไปเป็นรองผู้ว่าฯ กทม.จะต้องลาออกจากโฆษกพรรค อย่างไรก็ตาม ยังมีชื่อนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ติดโผมาตั้งแต่ต้น แต่กระแสในช่วงโค้งสุดท้ายแผ่วลง จากการสอบถามนายสามารถได้รับการปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริงและไม่เคยพูดว่าจะไม่รับตำแหน่งนี้ และไม่ขอให้ความเห็นในช่วงนี้

เผย"มาร์ค"ดัน"ผุสดี ตามไท"

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับรองผู้ว่าฯ กทม. ในโควตาผู้หญิงที่นายอภิสิทธิ์ระบุว่าควรเปิดโอกาสให้ผู้หญิงเข้ามาร่วมบริหารท้องถิ่นด้วยนั้น มีชื่อนางผุสดี ตามไท ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งนายอภิสิทธิ์ยอมรับว่าอยู่ในข่ายจะได้รับการพิจารณาเช่นกัน ขณะเดียวกันมีกระแสข่าวในขั้วของม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ พยายามดันน.ส.อนุสรี ทับสุวรรณ อดีตเลขานุการผู้ว่าฯ กทม. โดยระบุว่ามีคุณสมบัติเหมาะสม ไม่ต้องเสียเวลาเรียนรู้งาน ที่สำคัญทำงานเข้ากับม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ได้ดี อย่างไรก็ตาม ในการพิจารณาบุคคลที่เหมาะสมแม้ว่านายอภิสิทธิ์จะมีส่วนคัดเลือก แต่ทั้งหมดอยู่ที่การตัดสินใจของม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ซึ่งต้องทำงานกับบุคคลเหล่านี้

ล่งข่าวจากส.ส.ขั้วม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ระบุว่า สาเหตุที่ต้องคัดเลือกรองผู้ว่าฯ กทม. เป็นพิเศษนั้น เพราะการทำงานของกทม.ครั้งนี้มีเดิมพันสูง ต้องพิสูจน์ให้เห็นว่ามีการปรับเปลี่ยนการทำงานให้รวดเร็ว ฉับไว มีผลงานเป็นรูปธรรม ให้สมกับนโยบายที่ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ประกาศในช่วงหาเสียงว่า "กรุงเทพฯ เดินหน้าทันที" ซึ่งจะส่งผลมีนัยยะสำคัญต่อการเลือกตั้งครั้งหน้าด้วย

"นพดล"วอนพท.ร่วมกันคิดสู้

วันเดียวกัน นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ให้สัมภาษณ์กรณีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำภาคกทม. พรรคเพื่อไทยระบุคนกรุงเทพฯที่มีบ้านราคาเกิน 5 ล้านบาทไม่เลือกพล.ต.อ.พงศพัศและส่งผลให้แพ้การเลือกตั้งว่า การเลือกตั้งผ่านไปแล้ว การจะวิเคราะห์ปัจจัยอะไรย้อนหลังก็พูดได้ทั้งนั้น ส่วนตัวมองว่าทั้งพรรคเพื่อไทยและพล.ต.อ.พงศพัศ ทำอย่างเต็มที่แล้ว สิ่งที่ดีที่สุดคือการให้กำลังใจคนทำงาน เพราะการแพ้หรือชนะในทาง การเมืองเป็นเรื่องปกติ แต่ต้องยอมรับและนำมาปรับปรุงให้ดีขึ้นในอนาคต

นายนพดลกล่าวว่า จากนี้สิ่งสำคัญคือการสร้างพรรคให้เป็นสถาบันการเมืองอย่างแท้จริง ระดมบุคลากรทุกภาคส่วนมาร่วมกันทำงาน ปรับโครงสร้างพรรคให้เป็นระบบมากขึ้น โดยเฉพาะต้องมีเจ้าภาพที่ชัดเจน ไม่เลือกเขาเลือกเรา นอกจากนี้ต้องเตรียมความพร้อมทีมตอบโต้ โดยเฉพาะการตอบโต้ข้อกล่าวหาของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีแคมเปญในทางลบช่วงโค้งสุดท้าย เช่น วาทกรรมกินรวบประเทศ เผาบ้านเผาเมือง ต้องชี้แจงทำความเข้าใจให้ข้อมูลกับประชาชน หากเราร่วมคิด ร่วมทำและร่วมรับผิดชอบ ชัยชนะในคราวหน้าคงไม่ไกลเกินเอื้อม

นายนพดลกล่าวว่า จากการพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เรื่องผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. พ.ต.ท.ทักษิณระบุว่าทุกคนทำงานอย่างเต็มที่แล้วและหลังจากนี้ขอให้ทุกฝ่ายระดมสมอง ประเมินผลการเลือกตั้งเพื่อนำไปสู่การปรับปรุง

ดีเอสไอนัดสอบชายหมู-14มี.ค.

ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.อ.นิรันดร์ อดุลยาศักดิ์ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 1 กล่าวถึงการสอบสวนคดีการจ่ายเงินค่าบำรุงพรรค การเมืองให้พรรคประชาธิปัตย์ โดยวิธีการให้สภาผู้แทนราษฎรหักเงินเดือนส.ส.เข้าบัญชีพรรคว่า ตรวจสอบพบว่ามีส.ส.หักบัญชีเงินเดือนเข้าพรรคประชาธิปัตย์รวม 48 ราย ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายขัดต่อพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรค การเมือง 2550 มาตรา 57 วรรค 2 ซึ่งระบุว่า การบริจาคแก่พรรค ตั้งแต่ 2 หมื่นบาทขึ้นไป ต้องบริจาคโดยวิธีสั่งจ่ายเป็นตั๋วแลกเงินหรือเช็คขีดคร่อม โดยบุคคลที่บริจาคเงินเข้าพรรคด้วยการหักบัญชีเงินเดือนมี นายอภิสิทธิ์ และม.ร.ว.สุขุมพันธุ์รวมอยู่ด้วย โดยนายอภิสิทธิ์ได้แจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว ส่วนม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ตนเพิ่งส่งหนังสือเชิญให้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 14 มี.ค. เวลา 09.30 น.ที่ดีเอสไอ

"หลังการแจ้งข้อกล่าวหาและเปิดให้ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ ชี้แจงแล้ว ผมในฐานะหัวหน้าคณะทำงานจะสรุปความเห็นสั่งฟ้องเสนอต่ออธิบดีดีเอสไอทันที คาดว่าจะสรุปสำนวนเสร็จสิ้นภายใน 1 เดือน ส่วนส.ส.อีก 46 คนที่หักบัญชีเงินเดือนเข้าพรรคด้วยนั้น จะรอให้ปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 20 เม.ย.นี้ ก่อนจึงจะทยอยเรียกเข้ารับทราบข้อกล่าวหาทั้งหมด" พ.ต.อ.นิรันดร์ กล่าว

เปล่ากลั่นแกล้ง-เลื่อนให้แล้ว

ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 1 กล่าวว่า การเรียกม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในช่วงนี้ ยืนยันว่าดีเอสไอไม่มีเจตนากลั่นแกล้ง หรือให้เกิดผลกระทบกับการรับรองตำแหน่งผู้ว่าฯกทม. แต่ดำเนินการตามขั้นตอนปกติ เนื่องจากก่อนหน้านี้ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ มีภารกิจหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ดีเอสไอจึงเห็นควรให้ชะลอการเรียกเข้ารับทราบข้อกล่าวหาหลังเลือกตั้งเสร็จสิ้นไปครั้งหนึ่งแล้ว สำหรับการหักเงินเดือนส.ส.เข้าบัญชีพรรคประชาธิปัตย์ มีผู้หักเงินเข้าพรรคทั้งสิ้น 48 ราย ตั้งแต่ช่วงปี 2551-2554 รวมเป็นเงินบริจาคที่ได้จากการหักบัญชีเงินเดือน 15 ล้านบาท ในจำนวนนี้พบว่านายอภิสิทธิ์ หักบัญชีเงินเดือนตนเอง 21 ครั้ง ส่วนม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ หักเงินไป 5 ครั้ง เป็นเงิน 1 แสนบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ร.บ.พรรคการเมือง ระบุโทษจากการกระทำผิดมาตรา 57 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่น้อยกว่า 3 เท่าของจำนวนเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ที่ให้แก่พรรคการเมืองหรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปีด้วย

ปชป.ยื่นสอบเสียบบัตรแทน

ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร พรรคร่วมฝ่ายค้าน พร้อมด้วยนายณัฏฐ์ บรรทัดฐาน ส.ส.กทม. และนายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เข้ายื่นหนังสือต่อนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่านนายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย เลขาธิการสภา เพื่อให้สอบสวนการเสียบบัตรแทนกันในการลงมติวาระแรกของร่างพ.ร.บ.มหาวิทยาลัยสวนดุสิต พ.ศ. ...

นายจุรินทร์กล่าวว่า เชื่อว่าส.ส.พรรครัฐบาลที่อยู่ในห้องประชุมขณะนั้น 100 เปอร์เซ็นต์มีการกดบัตรแทนกัน เพราะเมื่อตรวจสอบองค์ประชุมมี 265 คน เป็นสมาชิกจากพรรคประชาธิปัตย์ 2 คน พรรคภูมิใจไทย รักประเทศไทย รักษ์สันติ รวมเป็น 6 คน แสดงที่เหลือเป็นส.ส.พรรครัฐบาล 259 คน แต่เมื่อนับหัวจริงมีเพียง 121 คน ซึ่งในนั้นนับรวมกับส.ส.ฝ่ายค้าน 6 คนด้วย แสดงว่าต้องมีการกดบัตรแทนกัน 138 เสียง ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดรัฐธรรมนูญ กฎหมาย ประมวลจริยธรรมและข้อบังคับการประชุม จึงยื่นให้ประธานสอบสวนเรื่องนี้

2สภานัดประชุมร่วมอังคารนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 12 มี.ค. เวลา 10.00 น. จะมีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 3 ในสมัยสามัญนิติบัญญัติ มีวาระที่ค้างพิจารณาของนายจุรินทร์ เป็นผู้เสนอ เรื่องขอให้รัฐสภามีมติให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา รายงานแสดงผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ในสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติได้ ตามมาตรา 136 (5) ของรัฐธรรมนูญ

ส่วนเรื่องที่ที่ประชุมเห็นชอบให้เลื่อนขึ้นมาพิจารณาก่อนมี 2 เรื่องคือ 1.ความตกลงการค้าเสรีระหว่างรัฐบาลชิลีและรัฐบาลไทย โดยคณะรัฐมนตรี เป็นผู้เสนอ 2.ขอให้รัฐสภามีมติให้วุฒิสภาพิจารณาเรื่อง รายงานแสดงผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรี ตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ รายงานของคณะกรรมาธิการ และญัตติ ในสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติได้ ตามมาตรา 136 (5) ของรัฐธรรมนูญ โดยวุฒิสภาเป็นผู้เสนอ ขณะที่เรื่องด่วน 19 เรื่อง มีสาระสำคัญที่น่าสนใจคือ 1.บันทึกการหารือระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลพม่า และร่างความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลพม่า 2.พิธีสารเพื่ออนุวัติข้อผูกพันชุดที่ 7 ของบริการขนส่งทางอากาศ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน และ3.ธรรมนูญของทบวงการพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศ ที่มีคณะรัฐมนตรี เป็นผู้เสนอ

เสนอตรวจจิตผู้พิพากษาทุก5ปี

เมื่อวันที่ 8 มี.ค. นายสิทธิศักดิ์ วนะชกิจ โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวกรณีนายกิติ ปิ่นงาม ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ใช้อาวุธปืนยิงตัวตาย เนื่องจากเครียดและมีปัญหาโรคซึมเศร้าว่า ตามปกติแล้วก่อนสอบเข้าเป็นผู้ช่วยผู้พิพากษา จะต้องตรวจร่างกายและตรวจอาการทางจิต มีบางคนสอบไม่ผ่านการตรวจทางจิต แต่เมื่อเข้ารับราชการเป็นผู้พิพากษาแล้วทำงานต่อเนื่องไปจนถึงศาลฎีกา จะมีการตรวจสุขภาพร่างกายเพียงอย่างเดียว ไม่ตรวจอาการทางจิต ดังนั้น จะรู้เพียงว่าผู้พิพากษาคนใดเจ็บป่วยทางกาย แต่จะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าท่านใดมีอาการป่วยทางจิต

"กรณีท่านกิติ เท่าที่ทราบภรรยาท่านก็ไม่ทราบมาก่อน และเมื่อสอบถามไปยังเพื่อนร่วมรุ่นผู้ช่วยผู้พิพากษารุ่นที่ 29 และเพื่อนผู้พิพากษาในแผนกคดียาเสพติดในศาลอุทธรณ์ ทราบว่าท่านกิติเป็นปกติ ร่าเริง ไม่มีอาการส่อไปในทางที่จะป่วยทางจิต ซึ่งบรรดาผู้พิพากษาและเพื่อนๆ ตกใจมาก ที่ต้องสูญเสียทรัพยากรที่มีคุณค่า ท่านกิติเป็นผู้พิพากษาที่ซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีประวัติด่างพร้อย อาจป่วยแบบเฉียบพลัน และไม่ใช่คนแรกที่กระทำอัตวิบากกรรมตัวเอง" นายสิทธิศักดิ์กล่าว

โฆษกศาลยุติธรรมกล่าวต่อว่า ส่วนตัวเห็นว่าอาจต้องนำกรณีนายกิติ เสนอนายไพโรจน์ วายุภาพ ประธานศาลฎีกา นำเข้าสู่ที่ประชุมบอร์ดผู้บริหาร หารือทบทวนเรื่องการตรวจสุขภาพจิต อาจจะกำหนดให้ตรวจทุกๆ 5 ปี หรือก่อนเลื่อนตำแหน่ง อาจจะต้องทดสอบสุขภาพจิต โดยใช้แบบทดสอบทางจิตวิทยาเบื้องต้นก็พอจะทราบได้ เพราะปัจจุบันผู้พิพากษาทำงานท่ามกลางความขัดแย้งของคู่ความ เผชิญความเครียดทุกวัน เปรียบเสมือนทำงานท่ามกลางมลภาวะ ค่อยๆ สะสมเข้าไปในร่างกาย ถึงจุดหนึ่งก็จะปรากฏอาการ ขึ้นอยู่กับภูมิคุ้มกันของตนเองว่ามีมากน้อยเพียงใด

"หัสวุฒิ"ชี้มีคนอยากล้มศาลปค.

เมื่อวันที่ 8 มี.ค. ที่สำนักงานศาลปกครอง ถ.แจ้งวัฒนะ นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยะกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด แถลงผลการปฏิบัติหน้าที่ของศาลปกครองในรอบปี 2555 ว่า มีจำนวนคดีเข้าสู่ศาลปกครองมากที่สุดนับแต่เปิดทำการมา 12 ปี โดยมีคดีเข้ารับ 11,635 คดี ขณะเดียวกันเป็นปีที่สามารถสะสางคดีค้างเก่าได้มากที่สุดเช่นกัน โดยมีคดีไต่สวนเสร็จ 9,208 คดี ทั้งนี้ ตลอด 12 ปีมีคดีเข้าสู่การพิจารณา 81,904 คดี พิจารณาเสร็จ 64,553 คดี

นายหัสวุฒิกล่าวว่า คดีที่เข้าสู่ศาลปกครองมากที่สุด 3 ลำดับแรกได้แก่ คดีที่เกี่ยวกับการควบคุมอาคาร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 2,753 คดี คดีเกี่ยวกับการบริหารบุคคลวินัย 1,689 คดี และคดีเกี่ยวกับการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ 1,662 คดี ส่วนแผนกคดีสิ่งแวดล้อม มีคดีเข้าสู่การพิจารณา 2,173 คดี ส่วนมากเป็นคดีในแผนกคดีสิ่งแวดล้อมของศาลปกครองสงขลา 1,450 คดี ส่วนหน่วยงานทางปกครองระดับกระทรวงที่ถูกฟ้องคดีมากที่สุด 5 ลำดับแรกได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงการคลัง

ประธานศาลปกครองกล่าวว่า จากผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนที่มาใช้บริการศาลปกครองในปี 2555 พบว่าร้อยละ 92.6 มีความเชื่อมั่น และศรัทธาศาลปกครองมากขึ้นกว่าปี 2554 ที่อยู่ร้อยละ 91 แต่ยังมีบุคคลบางกลุ่มไม่ต้องการให้ศาลปกครองดำรงอยู่ เป็นความต้องการของคนที่มีอำนาจทางการเมือง และใช้อำนาจนั้นอย่างไม่ตรงไปตรงมา และกลุ่มที่เสียอำนาจ ซึ่งความคิดนี้เกิดขึ้นทุกครั้งที่มีการพูดเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

"แต่ผมคิดว่าการมีศาลปกครองกับการไม่มี หรือแปลงสภาพไปเป็นเพียงหน่วยงานหนึ่งในศาลยุติธรรม ไม่น่าจะเป็นผลดีกับความเชื่อมั่นของประชาชนและต่างชาติ โดยเฉพาะช่วงที่เราจะก้าวไปเป็นประชาคมอาเซียน และการมีศาลปกครองก็เป็นกันชนให้กับฝ่ายบริหาร ฝ่ายปกครอง มากกว่าจะไปขัดขวางการบริหารงานภาครัฐอย่างที่เข้าใจกัน" นายหัสวุฒิกล่าว

ปปช.สอบเมียอดีตปลัดกห.-ขายรร.

เมื่อวันที่ 8 มี.ค. ที่โรงแรมรอยัลริเวอร์ นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีร่ำรวยผิดปกติของ พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ อดีตปลัดกลาโหมและครอบครัว ภายหลังป.ป.ช.สั่งอายัดทรัพย์สิน 65 ล้านบาทว่า ขณะนี้มีกรณี นางณัฐณิชาช์ เพิ่มทองอินทร์ ภรรยาพล.อ.เสถียร ประกาศขายรีสอร์ตในจ.อุบลราชธานี ซึ่งป.ป.ช.จะได้เชิญผู้เกี่ยวข้องมาตรวจสอบหลักฐาน ซึ่งมีรายชื่ออยู่แล้ว และจะมาให้รายละเอียดได้ในสัปดาห์หน้า คาดว่าจะทราบรายละเอียดและความคืบหน้าต่างๆ เพิ่มขึ้น สำหรับพล.อ.เสถียร และภรรยายังไม่ได้ติดต่อกลับมายังป.ป.ช. ซึ่งท้ายที่สุดแล้วเราต้องให้ทั้งคู่มาชี้แจงรายละเอียดและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเช่นกัน

นายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ขณะนี้ป.ป.ช.ได้คืนเงิน 6 แสนบาทให้นายสมบัติ จันทรวงศ์ อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เนื่องจากพิสูจน์ทราบได้ว่าเงินดังกล่าวเป็นเงินเก็บส่วนตัว ไม่เกี่ยวพันกับการตรวจสอบคดีร่ำรวยผิดปกติของพล.อ.เสถียร

ด้านนายสมบัติเผยว่า ได้รับเงินคืนจากการอายัดของป.ป.ช.จำนวน 6 แสนบาทจริง เนื่องจากเงินส่วนนี้เป็นของตนไม่ใช่เงินที่เคยรับฝากจากนางณัฐณิชาช์ ซึ่งเป็นคนละส่วนกัน โดยยังเหลือเงินอีก 7 ล้านบาทที่ป.ป.ช.อายัดไว้ต่อ ขณะที่หลังจากนี้ก็ยังไม่ได้นัดให้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมกับทางป.ป.ช. ขณะที่ป.ป.ช.จะเรียกใครสอบหรือขอข้อมูลเพิ่มนั้น ตนเองไม่ทราบรายละเอียด

ขอบคุณ http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdNakE1TURNMU5nPT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBeE15MHdNeTB3T1E9PQ== (ขนาดไฟล์: 167)

ข่าวสดออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 9 มี.ค.56

ที่มา: ข่าวสดออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 9 มี.ค.56
วันที่โพสต์: 9/03/2556 เวลา 03:58:50

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็น*
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

ชื่อ*

อีเมล์

คำถามกันสแปม* ศูนย์ บวก สาม เท่ากับ

ยกเลิก