ศาล รธน.ไม่รับคำร้อง′มาร์ค-ปชป.-สุเทพ-กปปส.′ชุมนุมล้มล้างการปกครอง-ยุบพรรค
วันที่ 26 ธันวาคม สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเผยแพร่เอกสารข่าวการพิจารณาอรรถคดีและผลการพิจารณา คดีกรณีคำร้องนายวิชาญ นุ่มมาก คำร้องนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คำร้องนายสิงห์ทอง บัวชุม และคำร้องนายกิตติ อธินันท์ ร้องพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กปปส. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และพวก กระทำการเพื่อการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทาง ที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 หรือไม่
ผลการพิจารณา ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า การชุมนุมของประชาชนตามคำร้องเป็นการใช้เสรีภาพและเป็นการกระทำในนามประชาชน ที่รัฐธรรมนูญให้การรับรองไว้ โดยมีเหตุผลสืบเนื่องมาจากการต่อต้านพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมและมาจากความ ไม่ไว้วางใจในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลและเป็นเพียงการเรียกร้องและ แสดงพลังด้วยการสนับสนุนของประชาชนเป็นจำนวนมาก
จึงยังไม่มีมูลกรณีที่จะเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยหรือ เป็นการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้ เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ จึงไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของรัฐธรรมนูญมาตรา 68 วรรคหนึ่ง ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้องไว้วินิจฉัยได้
ส่วนกรณีการออกหมายจับผู้ถูกร้องก็เป็นเรื่องที่ผู้ที่ต้องรับผิดชอบใน กระบวนการยุติธรรมทางอาญาจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ดังนั้น ศาลรัฐธรรมนูญโดยเสียงข้างมาก 6 ต่อ 1 มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณา
นอกจากนี้ ศาลยังพิจารณาคดีคำร้องตามมาตรา 68 ประกอบมาตรา 237 ว่าด้วยการยุบพรรคการเมือง ซึ่งเป็นคำร้องของนายสิงห์ทอง ร้องนายสุเทพและพวก ปชป.โดยนายอภิสิทธิ์ ผลการพิจารณาศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า การชุมนุมของประชาชนตามคำร้องเป็นการใช้เสรีภาพและเป็นการกระทำในนามประชาชน ที่รัฐธรรมนูญให้การรับรองไว้
โดยมีเหตุผลสืบเนื่องมาจากการต่อต้านพระราชบัญญตินิรโทษกรรมและความไม่ ไว้วางใจในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล และตามคำร้องไม่ปรากฏว่าผู้ร้องได้ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้ผู้ ถูกร้องยกเลิกการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งตามข้อกล่าวอ้างตามคำร้อง
จึงยังไม่มีมูลกรณีที่จะเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยหรือ เป็นการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้ เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ จึงไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของรัฐธรรมนูญมาตรา 68 วรรคหนึ่ง ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยได้
นอกจากนี้ ผู้ร้องก็มิใช่บุคคลที่มีสิทธิในการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญตามพระราช บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 มาตรา 95 ขอให้ยุบพรรคการเมืองตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 237 แต่อย่างใด ดังนั้น ศาลรัฐธรรมนูญโดยมติเอกฉันท์ มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณา
(มติชนออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 16 ธ.ค.56)
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
วันที่ 26 ธันวาคม สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเผยแพร่เอกสารข่าวการพิจารณาอรรถคดีและผลการพิจารณา คดีกรณีคำร้องนายวิชาญ นุ่มมาก คำร้องนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คำร้องนายสิงห์ทอง บัวชุม และคำร้องนายกิตติ อธินันท์ ร้องพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กปปส. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และพวก กระทำการเพื่อการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทาง ที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 หรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญผลการพิจารณา ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า การชุมนุมของประชาชนตามคำร้องเป็นการใช้เสรีภาพและเป็นการกระทำในนามประชาชน ที่รัฐธรรมนูญให้การรับรองไว้ โดยมีเหตุผลสืบเนื่องมาจากการต่อต้านพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมและมาจากความ ไม่ไว้วางใจในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลและเป็นเพียงการเรียกร้องและ แสดงพลังด้วยการสนับสนุนของประชาชนเป็นจำนวนมาก จึงยังไม่มีมูลกรณีที่จะเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยหรือ เป็นการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้ เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ จึงไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของรัฐธรรมนูญมาตรา 68 วรรคหนึ่ง ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้องไว้วินิจฉัยได้ ส่วนกรณีการออกหมายจับผู้ถูกร้องก็เป็นเรื่องที่ผู้ที่ต้องรับผิดชอบใน กระบวนการยุติธรรมทางอาญาจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ดังนั้น ศาลรัฐธรรมนูญโดยเสียงข้างมาก 6 ต่อ 1 มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณา นอกจากนี้ ศาลยังพิจารณาคดีคำร้องตามมาตรา 68 ประกอบมาตรา 237 ว่าด้วยการยุบพรรคการเมือง ซึ่งเป็นคำร้องของนายสิงห์ทอง ร้องนายสุเทพและพวก ปชป.โดยนายอภิสิทธิ์ ผลการพิจารณาศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า การชุมนุมของประชาชนตามคำร้องเป็นการใช้เสรีภาพและเป็นการกระทำในนามประชาชน ที่รัฐธรรมนูญให้การรับรองไว้ โดยมีเหตุผลสืบเนื่องมาจากการต่อต้านพระราชบัญญตินิรโทษกรรมและความไม่ ไว้วางใจในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล และตามคำร้องไม่ปรากฏว่าผู้ร้องได้ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้ผู้ ถูกร้องยกเลิกการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งตามข้อกล่าวอ้างตามคำร้อง จึงยังไม่มีมูลกรณีที่จะเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยหรือ เป็นการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้ เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ จึงไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของรัฐธรรมนูญมาตรา 68 วรรคหนึ่ง ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยได้ นอกจากนี้ ผู้ร้องก็มิใช่บุคคลที่มีสิทธิในการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญตามพระราช บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 มาตรา 95 ขอให้ยุบพรรคการเมืองตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 237 แต่อย่างใด ดังนั้น ศาลรัฐธรรมนูญโดยมติเอกฉันท์ มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณา ขอบคุณ… http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1388054784&grpid=&catid=01&subcatid=0100 (มติชนออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 16 ธ.ค.56)
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)