ให้ศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ชะตาเลือกตั้ง
ก็ไม่มีอะไรแปลกใจ เมื่อ คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกฯ แถลงผลการหารือกับผู้แทน 70 องค์กรว่า ที่ประชุมส่วนใหญ่เห็นชอบให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ เพราะผู้แทนที่เข้าร่วมประชุม คุณพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกฯ คัดเชิญโดยเฉพาะ แม้แต่ คุณธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช.คนเสื้อแดง ก็ไม่ได้รับเทียบเชิญ คุณธิดา บอกกับไทยรัฐออนไลน์ว่า รัฐบาลได้ปรับเปลี่ยนองค์ประกอบการประชุม ต้องการหารือกับข้าราชการ พรรคการเมือง และหน่วยงานรัฐ อย่างนี้ไม่ต้องถามความเห็นก็รู้คำตอบอยู่แล้ว
สรุปว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะเดินหน้าเลือกตั้งต่อไปแน่นอนไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
คุณ ยิ่งลักษณ์ แถลงกับนักข่าวว่า รัฐบาลไม่มีอำนาจเลื่อนการเลือกตั้ง เราทำตามพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งเท่านั้น ถ้าไม่อยากให้รัฐบาลนี้เข้ามามีอำนาจบทบาท ก็กรุณาใช้สิทธิของประชาชนมาตัดสิน ถือเป็นคำท้าทายครั้งแรกของ คุณยิ่งลักษณ์ แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจที่เพิ่มขึ้น
เมื่อวิเคราะห์ สถานการณ์เลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ซึ่งยังเหลือเวลาอีกเพียง 16 วัน ก็ฟังธงได้เลยว่า พรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งอย่างท่วมท้น เหมือนการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นใน บังกลาเทศ อย่างแน่นอน เพราะคู่แข่งนอกจากพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว ก็มีแต่พรรคเล็กพรรคน้อยที่โนเนมทั้งนั้น
แม้ คุณยิ่งลักษณ์ จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย แต่บ้านเมืองจะเป็นอย่างไรต่อไป จะเกิดความสงบสุขหรือไม่ เป็นเรื่องที่ คุณยิ่งลักษณ์ จะต้องไปนอนคิดเป็นการบ้าน
วันนี้ก็ เหลือเพียงทางเลือกเดียว ที่ กกต.จะดำเนินการได้ เพื่อเลื่อนการเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ออกไป เมื่อ คุณยิ่งลักษณ์ ผู้รักษาการตามพระราชกฤษฎีกายุบสภา มีความเห็นขัดแย้งกับ กกต. ต้องการเดินหน้าเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ต่อไป ก็คือ ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตาม มาตรา 214 แห่งรัฐธรรมนูญ 2550 ซึ่งบัญญัติไว้ว่า
“ในกรณีที่มีความขัดแย้งเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ ระหว่างรัฐสภา คณะรัฐมนตรี หรือองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่มิใช่ศาล ตั้งแต่สององค์กรขึ้นไป ให้ประธานรัฐสภานายกรัฐมนตรี หรือองค์กรนั้น เสนอเรื่องพร้อมความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัย”
จะเลือกตั้ง หรือเลื่อนเลือกตั้ง ก็อยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญนี่แหละ
ข้อ เสนอให้ เลื่อนการเลือกตั้งออกไปก่อน เพื่อให้เวลา ปฏิรูปประเทศที่เน่าเฟะจากการทุจริตคอร์รัปชันของนักการเมือง แล้วค่อยไปเลือกตั้งตามกติกาใหม่ แทบจะเป็นมติเอกฉันท์ของคนไทยที่ต้องการเห็นประเทศไทยก้าวพ้นจากปลักแห่ง ความหายนะนี้ ล่าสุด คุณกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ปลัดกระทรวงยุติธรรม ที่ได้ชื่อว่าข้าราชการมือสะอาด ก็ได้เขียนบทความเผยแพร่ทางเฟซบุ๊ก เสนอให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไป เพื่อปฏิรูปประเทศก่อน
ท่านปลัดกิต ติพงษ์ เสนอว่า “หากเห็นสอดคล้องกันว่า “การปฏิรูป” เป็นทางเลือก เป็นทางรอด และเป็นความหวังของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ผมขอเรียกร้องให้คู่ขัดแย้งได้ให้โอกาสประเทศไทย ก้าวข้ามวิกฤติช่วงนี้ไป” สอดคล้องกับความเห็นที่ผมเคยเสนอไปวันก่อน โดยท่านปลัดได้เสนอข้อพิจารณาไว้ 5 ข้อ
ข้อแรกสุดคือ ขอให้เลื่อนการเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ออกไปก่อน เพื่อนำไปสู่ระยะเวลาที่เพียงพอในการหารือถึงกรอบแนวทางที่ชัดเจนที่จะทำให้ การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นนำไปสู่การปฏิรูปอย่างแท้จริง เพื่อให้มีเวลาเพียงพอที่ “คู่ขัดแย้ง” จะได้ร่วมหารือกันใน “เวทีกลาง” เพื่อนำไปสู่การยอมรับ กรอบแนวทางปฏิรูป และ หลักประกัน ที่จะทำให้การปฏิรูปเกิดขึ้นได้จริงหลังการเลือกตั้งร่วมกัน
เห็นไหม ครับ หนทางแก้ปัญหาวิกฤติของประเทศครั้งนี้ยังมีอีกหลายทาง แต่ที่เดินหน้าไปไม่ได้ เพราะ “คู่ขัดแย้ง” ยัง “ขาดความจริงใจ” ที่จะร่วมกันแก้ปัญหา มุ่งไปที่ “การชนะ” เป็นหลัก ยิ่งขึงพืดประเทศไปนานเท่าไร ที่จะบอบช้ำหนักที่สุดคือคนไทยทุกคน เมื่อเศรษฐกิจเริ่มเสื่อมถอย วันนี้ก็เริ่มเห็นผลกระทบกันบ้างแล้ว….โดย“ลม เปลี่ยนทิศ”
ขอบคุณ... http://www.thairath.co.th/column/pol/thai_remark/396620 (ขนาดไฟล์: 167)
(ไทยรัฐออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 16 ม.ค.57 )
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
ก็ไม่มีอะไรแปลกใจ เมื่อ คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกฯ แถลงผลการหารือกับผู้แทน 70 องค์กรว่า ที่ประชุมส่วนใหญ่เห็นชอบให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ เพราะผู้แทนที่เข้าร่วมประชุม คุณพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกฯ คัดเชิญโดยเฉพาะ แม้แต่ คุณธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช.คนเสื้อแดง ก็ไม่ได้รับเทียบเชิญ คุณธิดา บอกกับไทยรัฐออนไลน์ว่า รัฐบาลได้ปรับเปลี่ยนองค์ประกอบการประชุม ต้องการหารือกับข้าราชการ พรรคการเมือง และหน่วยงานรัฐ อย่างนี้ไม่ต้องถามความเห็นก็รู้คำตอบอยู่แล้ว สรุปว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะเดินหน้าเลือกตั้งต่อไปแน่นอนไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น คุณ ยิ่งลักษณ์ แถลงกับนักข่าวว่า รัฐบาลไม่มีอำนาจเลื่อนการเลือกตั้ง เราทำตามพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งเท่านั้น ถ้าไม่อยากให้รัฐบาลนี้เข้ามามีอำนาจบทบาท ก็กรุณาใช้สิทธิของประชาชนมาตัดสิน ถือเป็นคำท้าทายครั้งแรกของ คุณยิ่งลักษณ์ แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจที่เพิ่มขึ้น เมื่อวิเคราะห์ สถานการณ์เลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ซึ่งยังเหลือเวลาอีกเพียง 16 วัน ก็ฟังธงได้เลยว่า พรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งอย่างท่วมท้น เหมือนการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นใน บังกลาเทศ อย่างแน่นอน เพราะคู่แข่งนอกจากพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว ก็มีแต่พรรคเล็กพรรคน้อยที่โนเนมทั้งนั้น แม้ คุณยิ่งลักษณ์ จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย แต่บ้านเมืองจะเป็นอย่างไรต่อไป จะเกิดความสงบสุขหรือไม่ เป็นเรื่องที่ คุณยิ่งลักษณ์ จะต้องไปนอนคิดเป็นการบ้าน วันนี้ก็ เหลือเพียงทางเลือกเดียว ที่ กกต.จะดำเนินการได้ เพื่อเลื่อนการเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ออกไป เมื่อ คุณยิ่งลักษณ์ ผู้รักษาการตามพระราชกฤษฎีกายุบสภา มีความเห็นขัดแย้งกับ กกต. ต้องการเดินหน้าเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ต่อไป ก็คือ ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตาม มาตรา 214 แห่งรัฐธรรมนูญ 2550 ซึ่งบัญญัติไว้ว่า “ในกรณีที่มีความขัดแย้งเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ ระหว่างรัฐสภา คณะรัฐมนตรี หรือองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่มิใช่ศาล ตั้งแต่สององค์กรขึ้นไป ให้ประธานรัฐสภานายกรัฐมนตรี หรือองค์กรนั้น เสนอเรื่องพร้อมความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัย” จะเลือกตั้ง หรือเลื่อนเลือกตั้ง ก็อยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญนี่แหละ ข้อ เสนอให้ เลื่อนการเลือกตั้งออกไปก่อน เพื่อให้เวลา ปฏิรูปประเทศที่เน่าเฟะจากการทุจริตคอร์รัปชันของนักการเมือง แล้วค่อยไปเลือกตั้งตามกติกาใหม่ แทบจะเป็นมติเอกฉันท์ของคนไทยที่ต้องการเห็นประเทศไทยก้าวพ้นจากปลักแห่ง ความหายนะนี้ ล่าสุด คุณกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ปลัดกระทรวงยุติธรรม ที่ได้ชื่อว่าข้าราชการมือสะอาด ก็ได้เขียนบทความเผยแพร่ทางเฟซบุ๊ก เสนอให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไป เพื่อปฏิรูปประเทศก่อน ท่านปลัดกิต ติพงษ์ เสนอว่า “หากเห็นสอดคล้องกันว่า “การปฏิรูป” เป็นทางเลือก เป็นทางรอด และเป็นความหวังของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ผมขอเรียกร้องให้คู่ขัดแย้งได้ให้โอกาสประเทศไทย ก้าวข้ามวิกฤติช่วงนี้ไป” สอดคล้องกับความเห็นที่ผมเคยเสนอไปวันก่อน โดยท่านปลัดได้เสนอข้อพิจารณาไว้ 5 ข้อ ข้อแรกสุดคือ ขอให้เลื่อนการเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ออกไปก่อน เพื่อนำไปสู่ระยะเวลาที่เพียงพอในการหารือถึงกรอบแนวทางที่ชัดเจนที่จะทำให้ การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นนำไปสู่การปฏิรูปอย่างแท้จริง เพื่อให้มีเวลาเพียงพอที่ “คู่ขัดแย้ง” จะได้ร่วมหารือกันใน “เวทีกลาง” เพื่อนำไปสู่การยอมรับ กรอบแนวทางปฏิรูป และ หลักประกัน ที่จะทำให้การปฏิรูปเกิดขึ้นได้จริงหลังการเลือกตั้งร่วมกัน เห็นไหม ครับ หนทางแก้ปัญหาวิกฤติของประเทศครั้งนี้ยังมีอีกหลายทาง แต่ที่เดินหน้าไปไม่ได้ เพราะ “คู่ขัดแย้ง” ยัง “ขาดความจริงใจ” ที่จะร่วมกันแก้ปัญหา มุ่งไปที่ “การชนะ” เป็นหลัก ยิ่งขึงพืดประเทศไปนานเท่าไร ที่จะบอบช้ำหนักที่สุดคือคนไทยทุกคน เมื่อเศรษฐกิจเริ่มเสื่อมถอย วันนี้ก็เริ่มเห็นผลกระทบกันบ้างแล้ว….โดย“ลม เปลี่ยนทิศ” ขอบคุณ... http://www.thairath.co.th/column/pol/thai_remark/396620 (ไทยรัฐออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 16 ม.ค.57 )
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)