แนะ อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู ทำเกษตรผสมผสาน

แนะ อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู ทำเกษตรผสมผสาน

รายงานจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า การบริหารจัดการเขตเกษตรเศรษฐกิจสินค้าเกษตรที่สำคัญ (Zoning) เป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ ในการบริหารจัดการที่ดินการเกษตรให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ซึ่งจะมีการพิจารณาจากปัจจัยแวดล้อมการผลิตได้แก่ สภาพดิน แหล่งน้ำ คมนาคม Logistic โรงงานแปรรูป ตลาดรองรับผลผลิต ต้นทุนต่ำสุดและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยแบ่งระดับความเหมาะสมเป็น 4 ระดับ คือ S1 มีความเหมาะสมมาก, S2 มีความเหมาะ สมปานกลาง, S3 มีความเหมาะสมน้อย, และ N ไม่มีความเหมาะสม ของสินค้าข้าว พื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

พบว่า ปีเพาะปลูก 2558/59 มีพื้นที่ปลูกข้าว 183,107 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ S1,S2 รวม 110,192 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 60 มีผลผลิต 303 กิโลกรัมต่อไร่ ต้นทุนคิดเป็นเงินสด 1,953 บาทต่อไร่ กำไรคิดเป็นเงินสด 1,772 บาทต่อไร่ พื้นที่ S3,N รวม 72,915 ไร่ ร้อยละ 40 มีผล ผลิต 221 กิโลกรัมต่อไร่ ต้นทุนคิดเป็นเงินสด 1,963 บาทต่อไร่ กำไรคิดเป็นเงินสด 754 บาทต่อไร่

ดังนั้น จะเห็นได้ว่า หากปลูกข้าวในพื้นที่ S1,S2 จะมีผลผลิตสูงกว่า 82 กิโลกรัมต่อไร่ และกำไรมากกว่า 1,018 บาทต่อไร่ อย่างไรก็ตาม ยังมีเกษตรกรร้อยละ 21 ที่ปลูกข้าวในพื้นที่ S3,N ที่มีผลกำไรไม่แตกต่างจากการปลูกในพื้นที่ S1,S2 เนื่องจากมีการบริหารจัดการที่ดี

และเมื่อวิเคราะห์ปัจจัยแวดล้อมจังหวัดหนองบัวลำภู พบว่า จุดแข็ง คือ มีแหล่งรับซื้อผลผลิตในพื้นที่ การคมนาคมสะดวก เกษตรกรมีภูมิปัญญาในการแปรรูปข้าวเป็นข้าวฮาง ข้าวกล้องงอก เครื่องดื่ม จุดอ่อน คือ ผลผลิตต่อไร่ต่ำ ใช้พันธุ์ข้าวเดิม แหล่งน้ำไม่เพียงพอ ดินเสื่อมจากการใช้ปุ๋ยเคมีมายาวนาน ขาดการรวมกลุ่ม ขาดการวางแผนการผลิต และขาดการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการเกษตร โอกาส ภาครัฐมีนโยบายส่งเสริมสนับสนุนร่วมกับภาคเอกชน ผู้บริโภคต้องการข้าวปลอดภัย มีการขยายถนนเพิ่มช่องจราจร ทำให้สะดวกในการขนส่ง สินค้า อุปสรรคสภาพภูมิอากาศแปรปรวน ภัยแล้ง เกิดวัชพืช โรค แมลง ราคาข้าวผันผวน ปัจจัยการผลิตราคาสูง

ทั้งนี้ แนวทางบริหารจัดการ ควรปรับเปลี่ยนในพื้นที่ S3,N ไปปลูกพืชอื่น เช่น อ้อยโรงงาน ข้าวโพดหวาน มะละกอ หญ้าเลี้ยงสัตว์ เป็นต้น โดยพื้นที่ปลูกข้าว S3,N ควรปรับ ไปปลูกอ้อยในพื้นที่ S1,S2 จำนวน 22,202 ไร่ เนื่องจากให้ผลกำไร ที่คิดเป็นเงินสดสูงถึง 2,712 บาทต่อไร่ ประกอบกับมีโรงงานน้ำตาลในพื้นที่ใกล้เคียงถึง 4 แห่งที่รองรับผลผลิต

สำหรับพื้นที่ข้าว S1,S2 ควรเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เช่น พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิน น้ำ พันธุ์ข้าว เครื่องจักรกล การแปรรูป ที่ตรงความต้องการของตลาด และเพิ่มขีดความสามารถให้เกษตรกรและเจ้าหน้าที่รัฐ โดยการถ่ายทอดองค์ความรู้ผ่านศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) นำงานวิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรมการเกษตรมาประยุกต์ใช้ เช่น Agri-Map การคำนวณต้นทุนผลตอบแทนด้วย Application กระดานเศรษฐี การแกล้งดินเปียกสลับแห้งแกล้งข้าว เป็นต้น

โดยผสมผสานกับหลักเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ พร้อมทั้งเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจเกษตรและพัฒนาสู่ Smart farmer เคียงคู่ Smart officer อย่างมั่นคง และยั่งยืนมาใช้ในพื้นที่แบบผสมผสานควบคู่กันไป.

ขอบคุณ... http://www.dailynews.co.th/agriculture/529650 (ขนาดไฟล์: 167)

ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย
วันที่โพสต์: 13/10/2559 เวลา 08:53:05 ดูภาพสไลด์โชว์ แนะ อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู ทำเกษตรผสมผสาน