ทำไมธุรกิจต้องแคร์สังคม!?
คอลัมน์ : เล่าสู่กันฟัง : ทำไมธุรกิจต้องแคร์สังคม : โดย...บัญญัติ คำนูณวัฒน์ ทุกสิ่งอย่างบนโลกใบนี้ล้วนเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา และผู้ที่รู้จักปรับตัวรับกับความเปลี่ยนแปลงได้เท่านั้นจึงจะอยู่รอด ไม่เว้นแม้แต่วงการธุรกิจที่ต้องปรับเพื่อความอยู่รอดมาโดยตลอดเช่นกัน
ในอดีตเรามักเห็นสินค้าในท้องตลาดมีอยู่น้อยประเภท และมีอยู่เพียงไม่กี่ยี่ห้อ คู่แข่งไม่มาก แต่ละประเภทมีคุณสมบัติต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งแต่ละธุรกิจต้องแข่งกับตัวเอง สร้างตราสินค้าและโฆษณาตามสื่อต่างๆ ให้เป็นที่รู้จัก ให้ลูกค้าเห็นความสำคัญ ซื้อสินค้ามาทดลองใช้ ใช้ซ้ำและบอกต่อ หรือจะเรียกอีกอย่างหนึ่งก็คือ ผู้ผลิตต้องการให้คนในสังคมเป็นแบบไหน หรือมีเทคโนโลยีอะไร มีความสามารถที่ผลิตอะไรได้ ก็ผลิตสินค้านั้นออกมา แล้วค่อยไปหาจุดขายกระตุ้นให้คนอยากซื้อ
ในปัจจุบันยุคที่ข้อมูลข่าวสารเคลื่อนไหวและเปลี่ยนถ่ายอย่างไร้ขีดจำกัด ไม่ว่าอยู่ที่ใดก็สามารถเชื่อมโยงถึงกันได้ ทั้งด้านองค์ความรู้ ด้านการตลาด ซึ่งไม่เพียงแต่ผู้ผลิตเท่านั้นที่เพิ่มจำนวนขึ้นมากและมีการค้าขายเสรีมากขึ้น แต่ยังมีกลุ่มลูกค้าที่เริ่มมีความต้องการที่แตกต่างหลากหลายกันออกไปมากเช่นกัน แบ่งเป็นความต้องการเฉพาะกลุ่มและเลยไปถึงความต้องการเฉพาะบุคคล
ที่สำคัญคนกลุ่มนี้เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อ หรือไม่ก็พร้อมที่จะจับจ่ายใช้สอยมากกว่าคนรุ่นเก่าที่เน้นการเก็บออม ทำให้ปัจจัยการอยู่รอดของธุรกิจในปัจจุบัน เบนเข็มมาที่ผู้บริโภคเป็นสำคัญ
ประเด็นไม่ได้มีแค่ต้องยึดเอาลูกค้าเป็นที่ตั้งเท่านั้น แต่ตัวผู้ผลิตจะต้องหมั่นคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ มาสนองตอบความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น และเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญต้องเป็นสินค้าที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมด้วย เพราะทุกวันนี้แค่เราเปิดสื่อสังคมออนไลน์ ก็มักพบคลิปวิดีโอหรือข้อความที่มีทั้งชื่นชมและถล่มยับ สินค้าและบริการรวมไปถึงเจ้าของสินค้าและบริการเหล่านั้นด้วย
กระแสชื่นชมหรือถล่มยับนี้สำคัญอย่างยิ่งต่อผู้ผลิต เพราะการส่งต่อข้อมูลข่าวสารที่กว้างและเร็ว นำมาซึ่งผลกระทบที่ประเมินค่าไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่น โรงงานที่ปล่อยน้ำเสียทำให้ปลาตายนับล้านตัวในภาคอีสาน แม้เวลาจะผ่านพ้นไปเนิ่นนานแต่รอยแผลเป็นนั้นยังคงอยู่
ทุกวันนี้มีกระแสต่างๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เท็จบ้างจริงบ้างอยู่ตลอดเวลา นี่จึงเป็นข้อเตือนใจให้ผู้ประกอบการธุรกิจ ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ว่าลำพังเงินทุนที่มีรวมกับพลังความสามารถของทีมงานในองค์กร และพลังของการตลาดที่ครอบคลุมกว้างขวาง ไม่ได้เป็นเครื่องรับประกัน ว่าจะทำให้ธุรกิจอยู่ยั้งยืนยังได้เสมอไป
หากแต่กระแสของสังคมเป็นอีกปัจจัยสำคัญ ที่จะเป็นตัวบอกว่าธุรกิจของคุณจะอยู่รอด และอยู่ดี อยู่อย่างเป็นที่รักของทุกคน ไม่มีอุปสรรคมาคอยเป็นตัวเหนี่ยวรั้ง หรือว่าจะยังทระนงคงอยู่ได้เพราะปัจจัยความได้เปรียบทางธุรกิจ เพราะอำนาจเงินทุน หรือพลังทางการเมือง ฯลฯ ก็แล้วแต่ แต่เป็นการอยู่อย่างไร้เกียรติ ด้อยศักดิ์ศรี และเป็นที่รังเกียจของสังคม การบริหารกระแสสังคมจึงเข้ามามีบทบาทและถือเป็นภารกิจที่สำคัญอีกภารกิจหนึ่งของฝ่ายบริหารในองค์กรชั้นนำอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
ขอบคุณ... http://goo.gl/weXraa (ขนาดไฟล์: 0 )
คมชัดลึกออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 25 ส.ค.56
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
คอลัมน์ : เล่าสู่กันฟัง : ทำไมธุรกิจต้องแคร์สังคม : โดย...บัญญัติ คำนูณวัฒน์ ทุกสิ่งอย่างบนโลกใบนี้ล้วนเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา และผู้ที่รู้จักปรับตัวรับกับความเปลี่ยนแปลงได้เท่านั้นจึงจะอยู่รอด ไม่เว้นแม้แต่วงการธุรกิจที่ต้องปรับเพื่อความอยู่รอดมาโดยตลอดเช่นกัน ในอดีตเรามักเห็นสินค้าในท้องตลาดมีอยู่น้อยประเภท และมีอยู่เพียงไม่กี่ยี่ห้อ คู่แข่งไม่มาก แต่ละประเภทมีคุณสมบัติต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งแต่ละธุรกิจต้องแข่งกับตัวเอง สร้างตราสินค้าและโฆษณาตามสื่อต่างๆ ให้เป็นที่รู้จัก ให้ลูกค้าเห็นความสำคัญ ซื้อสินค้ามาทดลองใช้ ใช้ซ้ำและบอกต่อ หรือจะเรียกอีกอย่างหนึ่งก็คือ ผู้ผลิตต้องการให้คนในสังคมเป็นแบบไหน หรือมีเทคโนโลยีอะไร มีความสามารถที่ผลิตอะไรได้ ก็ผลิตสินค้านั้นออกมา แล้วค่อยไปหาจุดขายกระตุ้นให้คนอยากซื้อ ในปัจจุบันยุคที่ข้อมูลข่าวสารเคลื่อนไหวและเปลี่ยนถ่ายอย่างไร้ขีดจำกัด ไม่ว่าอยู่ที่ใดก็สามารถเชื่อมโยงถึงกันได้ ทั้งด้านองค์ความรู้ ด้านการตลาด ซึ่งไม่เพียงแต่ผู้ผลิตเท่านั้นที่เพิ่มจำนวนขึ้นมากและมีการค้าขายเสรีมากขึ้น แต่ยังมีกลุ่มลูกค้าที่เริ่มมีความต้องการที่แตกต่างหลากหลายกันออกไปมากเช่นกัน แบ่งเป็นความต้องการเฉพาะกลุ่มและเลยไปถึงความต้องการเฉพาะบุคคล ที่สำคัญคนกลุ่มนี้เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อ หรือไม่ก็พร้อมที่จะจับจ่ายใช้สอยมากกว่าคนรุ่นเก่าที่เน้นการเก็บออม ทำให้ปัจจัยการอยู่รอดของธุรกิจในปัจจุบัน เบนเข็มมาที่ผู้บริโภคเป็นสำคัญ ประเด็นไม่ได้มีแค่ต้องยึดเอาลูกค้าเป็นที่ตั้งเท่านั้น แต่ตัวผู้ผลิตจะต้องหมั่นคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ มาสนองตอบความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น และเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญต้องเป็นสินค้าที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมด้วย เพราะทุกวันนี้แค่เราเปิดสื่อสังคมออนไลน์ ก็มักพบคลิปวิดีโอหรือข้อความที่มีทั้งชื่นชมและถล่มยับ สินค้าและบริการรวมไปถึงเจ้าของสินค้าและบริการเหล่านั้นด้วย กระแสชื่นชมหรือถล่มยับนี้สำคัญอย่างยิ่งต่อผู้ผลิต เพราะการส่งต่อข้อมูลข่าวสารที่กว้างและเร็ว นำมาซึ่งผลกระทบที่ประเมินค่าไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่น โรงงานที่ปล่อยน้ำเสียทำให้ปลาตายนับล้านตัวในภาคอีสาน แม้เวลาจะผ่านพ้นไปเนิ่นนานแต่รอยแผลเป็นนั้นยังคงอยู่ ทุกวันนี้มีกระแสต่างๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เท็จบ้างจริงบ้างอยู่ตลอดเวลา นี่จึงเป็นข้อเตือนใจให้ผู้ประกอบการธุรกิจ ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ว่าลำพังเงินทุนที่มีรวมกับพลังความสามารถของทีมงานในองค์กร และพลังของการตลาดที่ครอบคลุมกว้างขวาง ไม่ได้เป็นเครื่องรับประกัน ว่าจะทำให้ธุรกิจอยู่ยั้งยืนยังได้เสมอไป หากแต่กระแสของสังคมเป็นอีกปัจจัยสำคัญ ที่จะเป็นตัวบอกว่าธุรกิจของคุณจะอยู่รอด และอยู่ดี อยู่อย่างเป็นที่รักของทุกคน ไม่มีอุปสรรคมาคอยเป็นตัวเหนี่ยวรั้ง หรือว่าจะยังทระนงคงอยู่ได้เพราะปัจจัยความได้เปรียบทางธุรกิจ เพราะอำนาจเงินทุน หรือพลังทางการเมือง ฯลฯ ก็แล้วแต่ แต่เป็นการอยู่อย่างไร้เกียรติ ด้อยศักดิ์ศรี และเป็นที่รังเกียจของสังคม การบริหารกระแสสังคมจึงเข้ามามีบทบาทและถือเป็นภารกิจที่สำคัญอีกภารกิจหนึ่งของฝ่ายบริหารในองค์กรชั้นนำอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ขอบคุณ... http://goo.gl/weXraa คมชัดลึกออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 25 ส.ค.56
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)