พนักงานควรพัฒนาสายอาชีพด้วยตัวเอง? (ตอน 1)
โดย รศ.ดร.ศิริยุพา รุ่งเริงสุข สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย / ภาพ เอเอฟพี
เมื่อหลายสิบปีก่อนเรื่องของการสร้างหรือออกแบบแผนพัฒนาสายอาชีพ (Career Development Plan) เป็นเรื่องที่องค์กรทั่วไปมักไม่ค่อยให้ความสำคัญ ด้วยเหตุผลหลายประการด้วยกัน เช่น องค์กรขาดงบประมาณและ HR ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในหัวข้อนี้ ขาดเครื่องมือที่จะดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ และอีกเหตุผลที่สำคัญมากๆ คือ ผู้บริหารกริ่งเกรงว่าการจัดแผนพัฒนาสายอาชีพให้พนักงานอาจเป็นการสร้างความ หวัง (ที่บางครั้งไม่อาจเกิดขึ้นจริง) ให้แก่พนักงานว่าเขาหรือเธอจะได้รับการเลื่อนขั้นตำแหน่ง และถ้าเขาหรือเธอไม่ได้รับการเลื่อนขั้นก็จะเกิดการโศกาอาดูร เท่านั้นยังไม่พอ มันอาจนำไปสู่ความเคียดแค้น การลาออก และเสียงครหาต่างๆ นานา
แต่ปัจจุบันนี้ดูเหมือนว่าองค์กรทั้งหลายทั่วโลก โดยเฉพาะองค์กรขนาดใหญ่ต่างก็มีการจัดแผนพัฒนาอาชีพให้กับพนักงานที่มี ศักยภาพสูง (HighPotential Employees หรือที่นิยมเรียกสั้นๆ ว่า “HiPo”) และในหลายองค์กรก็มีกิจกรรมให้พนักงานทุกคนได้จัดแผนพัฒนาสายอาชีพของตนเอง เป็นการเฉพาะบุคคล (Individual Development Plan หรือ IDP) ด้วย มันกลายเป็นเรื่องจำเป็นที่ดูเหมือนจะขาดไม่ได้ไปเสียแล้วสำหรับองค์กรขนาด ใหญ่ที่ต้องมีแผนพัฒนาสายอาชีพให้กับพนักงาน ทั้งนี้ตลาดแรงงานในรอบหลายปีที่ผ่านมาเป็นตลาดที่แรงงานมีสิทธิมีเสียง มากกว่านายจ้าง เพราะว่าจากตัวเลขการสำรวจของสำนักต่างๆ บ่งชี้ว่า ทั่วโลกกำลังขาดแคลนพนักงานระดับ Talent อย่างรุนแรง พวก Talent จึงมีสิทธิมีเสียงเรียกร้องสิ่งต่างๆ จากนายจ้าง นอกจากนี้พนักงานรุ่น Generation Y ที่กำลังทยอยเข้าตลาดแรงงานก็เป็นคนรุ่นใหม่ที่คาดหวังว่านายจ้างจะมีงานที่ ตื่นเต้นน่าสนใจ มีการฝึกอบรมดีๆ และมีแผนพัฒนาสายอาชีพที่ชัดเจนให้เขา
การรับบทบาทเป็น HR ให้องค์กรในเวลานี้จึงเป็นงานที่ท้าทาย เพราะทั้งนายจ้างและพนักงานต่างก็คาดหวังจาก HR กันสูงๆ ทั้งนั้น ทางด้านนายจ้างก็คาดหวังว่า HR จะสามารถสรรหาพัฒนา และรักษาพนักงานคนเก่งเพื่อทำงานให้องค์กรได้พอเพียงตลอดเวลาและในต้นทุนที่ ต่ำที่สุด ส่วนทางลูกจ้างก็อยากได้งานดี เงินดี อนาคตดี นายดี ฯลฯ ซึ่งสำหรับในเรื่องการพัฒนาสายอาชีพ ซึ่งผู้เขียนขอเรียกย่อๆ ว่า CDP (Career Development Plan) นั้น เราก็มีทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับองค์กรที่มีพนักงานต้องดูแลมากมายนับหลาย พันหลายหมื่นคนทั่วโลก หรือแม้แต่องค์กรขนาดกลางหรือขนาดเล็กที่อยากจัดแผนพัฒนาสายอาชีพให้พนักงาน ด้วยงบประมาณที่จำกัด ผู้เขียนก็เชื่อว่าท่านยังสามารถทำงานชิ้นนี้ได้ โดยอาศัยความมุ่งมั่น ความคิดสร้างสรรค์ ทีมงานที่ดี และเทคโนโลยีโซเชียลมีเดียเข้ามาช่วย
ผู้เขียนได้รับการจุดประกายความคิดจากการอ่านเรื่องราวของบริษัท Massachusetts Mutual Life Insurance Co. (เรียกสั้นๆ ว่า MassMutual) ที่มีพนักงานจำนวนเกือบ 7,000 คน มีสำนักงานอยู่ในเมืองใหญ่ๆ ของสหรัฐ เช่น ฟีนิกซ์ เมมฟิส บอสตัน เป็นต้น Betsy Larson รองประธานด้านค่าตอบแทนของบริษัทได้เล่าเรื่องน่าประทับใจเกี่ยวกับการที่ บริษัทของเธอ MessMutual ปฏิวัติแนวความคิดและวิธีการในการทำ CDP เสียใหม่ เรื่องเกิดขึ้นในปี 2009 เมื่อเกิดพิษเศรษฐกิจแฮมเบอร์เกอร์บูดที่สหรัฐ บริษัทต้องลอยแพพนักงานไปมากมายเกือบครึ่งหนึ่งของจำนวนคนที่มีอยู่ จากนั้นฝ่ายบริหารก็ต้องดำเนินการปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการ ดำเนินงานเป็นการใหญ่ ผลของการรัดเข็มขัดองค์กรทำให้พวกพนักงานต้องคิดเรื่องอนาคตในสายอาชีพของ เขาต่างไปจากอดีต แม้สภาพเศรษฐกิจจะไม่ดี แต่ใช่ว่าพนักงานจะหยุดคิดหยุดฝันถึงอนาคตการทำงานของเขา
MassMutual เองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับความต้องการ CDP ของพวกพนักงานแม้ว่าจะอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ในปี 2010 ผลจากการสำรวจระดับความผูกพันที่พนักงานมีต่อบริษัท พนักงานจำนวนมากกว่า 1,000 คน จากจำนวนทั้งหมด 5,200 คน ส่งความเห็นมายังผู้บริหารว่าพวกเขาอยากได้รับโอกาสมากขึ้นที่จะพัฒนาความ ก้าวหน้าในสายอาชีพให้เห็นชัดเจนขึ้น เจอ “เมนต์” (Comments) แบบนี้จากพนักงาน HR ก็ต้องวิ่งแจ้นหัวหมุนจี๋หาทางออกที่สวยที่สุดซึ่งก็คือ – การให้พนักงานเป็น “เจ้าของ” (Owner) CDP ของเขาเอง โดยองค์กรจะอยู่เบื้องหลังคอยสนับสนุนเครื่องมือและโอกาสต่างๆ ให้
Betsy กับสต๊าฟชาว HR อีก 10 คน และทีมงานมืออาชีพด้านการสื่อสารได้ผนึกกำลังกันระดมสมองค้นหากลยุทธ์ใหม่ใน การจัด CDP ให้เข้ากับแนวคิดใหม่ที่จะให้พนักงานเป็น “ช้างเท้าหน้า” ในเรื่อง CDP ในการนี้ Debra A. Palermino รองประธานอาวุโสด้าน HR ของ MassMutual ได้ให้อรรถาธิบายของแนวคิดเรื่อง CDP ชุดใหม่ว่ามัน “คือวิวัฒนาการจากแนวคิดดั้งเดิมว่าการพัฒนาคือการเลื่อนขั้นบันไดก้าวที่ สูงขึ้นเท่านั้น แต่ความจริงแล้วพนักงานสามารถพัฒนาได้ในหลายทิศทาง ทั้งในแนวขึ้นบน (Up) ออกแนวข้าง (Sideways) และแม้แต่การเลื่อนลงต่ำ (Down) – ทั้งหมดนี้ก็เพื่อที่จะให้พนักงานเก็บสะสมทักษะและประสบการณ์ที่มีคุณค่าให้ มากที่สุด เพื่อเขาจะพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมธุรกิจที่เกิดขึ้น อย่างรวดเร็ว”
เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วนถึงคำอธิบายของ Debra เราจะมีมุมมองที่กว้างขึ้นเกี่ยวกับ CDP เราจะไม่ยึดติดกับความคิดที่ว่า การพัฒนาทางสายอาชีพมีเพียงทิศทางเดียวคือต้องสูงขึ้น บางครั้งเราอยากเปลี่ยนสายงานจากสายหนึ่งไปอีกสายหนึ่งที่เราชอบแต่ยังขาด ประสบการณ์ เราก็อาจต้องเลื่อนตัวลงไปฝึกงานในระดับล่างสุดของสายงานนั้น เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์เสียก่อน ถ้าทั้งนายจ้างและลูกจ้างเข้าใจขั้นตอนนี้ก็จะไม่มีปัญหาคาใจว่าทำไมลูกจ้าง ยิ่งทำงานยิ่งเจริญลง
ยิ่งเขียนยิ่งเพลินไปกับแนวคิดให้พนักงานเป็นช้างเท้าหน้าในการทำ CDP หวังว่าแฟนๆ คอลัมน์คงจะร่วม “อิน” ไปกับผู้เขียนด้วยนะคะ ขอจบไว้เพียงเท่านี้ก่อน พบกันครั้งหน้ามาลงรายละเอียดการทำ CDP ที่ให้พนักงานเป็นเจ้าของโครงการเองเลยค่ะ
โพสต์ทูเดย์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 19 ส.ค.56
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
พนักงานควรพัฒนาสายอาชีพด้วยตัวเอง? (ตอน 1) โดย รศ.ดร.ศิริยุพา รุ่งเริงสุข สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย / ภาพ เอเอฟพี เมื่อหลายสิบปีก่อนเรื่องของการสร้างหรือออกแบบแผนพัฒนาสายอาชีพ (Career Development Plan) เป็นเรื่องที่องค์กรทั่วไปมักไม่ค่อยให้ความสำคัญ ด้วยเหตุผลหลายประการด้วยกัน เช่น องค์กรขาดงบประมาณและ HR ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในหัวข้อนี้ ขาดเครื่องมือที่จะดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ และอีกเหตุผลที่สำคัญมากๆ คือ ผู้บริหารกริ่งเกรงว่าการจัดแผนพัฒนาสายอาชีพให้พนักงานอาจเป็นการสร้างความ หวัง (ที่บางครั้งไม่อาจเกิดขึ้นจริง) ให้แก่พนักงานว่าเขาหรือเธอจะได้รับการเลื่อนขั้นตำแหน่ง และถ้าเขาหรือเธอไม่ได้รับการเลื่อนขั้นก็จะเกิดการโศกาอาดูร เท่านั้นยังไม่พอ มันอาจนำไปสู่ความเคียดแค้น การลาออก และเสียงครหาต่างๆ นานา แต่ปัจจุบันนี้ดูเหมือนว่าองค์กรทั้งหลายทั่วโลก โดยเฉพาะองค์กรขนาดใหญ่ต่างก็มีการจัดแผนพัฒนาอาชีพให้กับพนักงานที่มี ศักยภาพสูง (HighPotential Employees หรือที่นิยมเรียกสั้นๆ ว่า “HiPo”) และในหลายองค์กรก็มีกิจกรรมให้พนักงานทุกคนได้จัดแผนพัฒนาสายอาชีพของตนเอง เป็นการเฉพาะบุคคล (Individual Development Plan หรือ IDP) ด้วย มันกลายเป็นเรื่องจำเป็นที่ดูเหมือนจะขาดไม่ได้ไปเสียแล้วสำหรับองค์กรขนาด ใหญ่ที่ต้องมีแผนพัฒนาสายอาชีพให้กับพนักงาน ทั้งนี้ตลาดแรงงานในรอบหลายปีที่ผ่านมาเป็นตลาดที่แรงงานมีสิทธิมีเสียง มากกว่านายจ้าง เพราะว่าจากตัวเลขการสำรวจของสำนักต่างๆ บ่งชี้ว่า ทั่วโลกกำลังขาดแคลนพนักงานระดับ Talent อย่างรุนแรง พวก Talent จึงมีสิทธิมีเสียงเรียกร้องสิ่งต่างๆ จากนายจ้าง นอกจากนี้พนักงานรุ่น Generation Y ที่กำลังทยอยเข้าตลาดแรงงานก็เป็นคนรุ่นใหม่ที่คาดหวังว่านายจ้างจะมีงานที่ ตื่นเต้นน่าสนใจ มีการฝึกอบรมดีๆ และมีแผนพัฒนาสายอาชีพที่ชัดเจนให้เขา การรับบทบาทเป็น HR ให้องค์กรในเวลานี้จึงเป็นงานที่ท้าทาย เพราะทั้งนายจ้างและพนักงานต่างก็คาดหวังจาก HR กันสูงๆ ทั้งนั้น ทางด้านนายจ้างก็คาดหวังว่า HR จะสามารถสรรหาพัฒนา และรักษาพนักงานคนเก่งเพื่อทำงานให้องค์กรได้พอเพียงตลอดเวลาและในต้นทุนที่ ต่ำที่สุด ส่วนทางลูกจ้างก็อยากได้งานดี เงินดี อนาคตดี นายดี ฯลฯ ซึ่งสำหรับในเรื่องการพัฒนาสายอาชีพ ซึ่งผู้เขียนขอเรียกย่อๆ ว่า CDP (Career Development Plan) นั้น เราก็มีทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับองค์กรที่มีพนักงานต้องดูแลมากมายนับหลาย พันหลายหมื่นคนทั่วโลก หรือแม้แต่องค์กรขนาดกลางหรือขนาดเล็กที่อยากจัดแผนพัฒนาสายอาชีพให้พนักงาน ด้วยงบประมาณที่จำกัด ผู้เขียนก็เชื่อว่าท่านยังสามารถทำงานชิ้นนี้ได้ โดยอาศัยความมุ่งมั่น ความคิดสร้างสรรค์ ทีมงานที่ดี และเทคโนโลยีโซเชียลมีเดียเข้ามาช่วย ผู้เขียนได้รับการจุดประกายความคิดจากการอ่านเรื่องราวของบริษัท Massachusetts Mutual Life Insurance Co. (เรียกสั้นๆ ว่า MassMutual) ที่มีพนักงานจำนวนเกือบ 7,000 คน มีสำนักงานอยู่ในเมืองใหญ่ๆ ของสหรัฐ เช่น ฟีนิกซ์ เมมฟิส บอสตัน เป็นต้น Betsy Larson รองประธานด้านค่าตอบแทนของบริษัทได้เล่าเรื่องน่าประทับใจเกี่ยวกับการที่ บริษัทของเธอ MessMutual ปฏิวัติแนวความคิดและวิธีการในการทำ CDP เสียใหม่ เรื่องเกิดขึ้นในปี 2009 เมื่อเกิดพิษเศรษฐกิจแฮมเบอร์เกอร์บูดที่สหรัฐ บริษัทต้องลอยแพพนักงานไปมากมายเกือบครึ่งหนึ่งของจำนวนคนที่มีอยู่ จากนั้นฝ่ายบริหารก็ต้องดำเนินการปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการ ดำเนินงานเป็นการใหญ่ ผลของการรัดเข็มขัดองค์กรทำให้พวกพนักงานต้องคิดเรื่องอนาคตในสายอาชีพของ เขาต่างไปจากอดีต แม้สภาพเศรษฐกิจจะไม่ดี แต่ใช่ว่าพนักงานจะหยุดคิดหยุดฝันถึงอนาคตการทำงานของเขา MassMutual เองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับความต้องการ CDP ของพวกพนักงานแม้ว่าจะอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ในปี 2010 ผลจากการสำรวจระดับความผูกพันที่พนักงานมีต่อบริษัท พนักงานจำนวนมากกว่า 1,000 คน จากจำนวนทั้งหมด 5,200 คน ส่งความเห็นมายังผู้บริหารว่าพวกเขาอยากได้รับโอกาสมากขึ้นที่จะพัฒนาความ ก้าวหน้าในสายอาชีพให้เห็นชัดเจนขึ้น เจอ “เมนต์” (Comments) แบบนี้จากพนักงาน HR ก็ต้องวิ่งแจ้นหัวหมุนจี๋หาทางออกที่สวยที่สุดซึ่งก็คือ – การให้พนักงานเป็น “เจ้าของ” (Owner) CDP ของเขาเอง โดยองค์กรจะอยู่เบื้องหลังคอยสนับสนุนเครื่องมือและโอกาสต่างๆ ให้ Betsy กับสต๊าฟชาว HR อีก 10 คน และทีมงานมืออาชีพด้านการสื่อสารได้ผนึกกำลังกันระดมสมองค้นหากลยุทธ์ใหม่ใน การจัด CDP ให้เข้ากับแนวคิดใหม่ที่จะให้พนักงานเป็น “ช้างเท้าหน้า” ในเรื่อง CDP ในการนี้ Debra A. Palermino รองประธานอาวุโสด้าน HR ของ MassMutual ได้ให้อรรถาธิบายของแนวคิดเรื่อง CDP ชุดใหม่ว่ามัน “คือวิวัฒนาการจากแนวคิดดั้งเดิมว่าการพัฒนาคือการเลื่อนขั้นบันไดก้าวที่ สูงขึ้นเท่านั้น แต่ความจริงแล้วพนักงานสามารถพัฒนาได้ในหลายทิศทาง ทั้งในแนวขึ้นบน (Up) ออกแนวข้าง (Sideways) และแม้แต่การเลื่อนลงต่ำ (Down) – ทั้งหมดนี้ก็เพื่อที่จะให้พนักงานเก็บสะสมทักษะและประสบการณ์ที่มีคุณค่าให้ มากที่สุด เพื่อเขาจะพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมธุรกิจที่เกิดขึ้น อย่างรวดเร็ว” เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วนถึงคำอธิบายของ Debra เราจะมีมุมมองที่กว้างขึ้นเกี่ยวกับ CDP เราจะไม่ยึดติดกับความคิดที่ว่า การพัฒนาทางสายอาชีพมีเพียงทิศทางเดียวคือต้องสูงขึ้น บางครั้งเราอยากเปลี่ยนสายงานจากสายหนึ่งไปอีกสายหนึ่งที่เราชอบแต่ยังขาด ประสบการณ์ เราก็อาจต้องเลื่อนตัวลงไปฝึกงานในระดับล่างสุดของสายงานนั้น เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์เสียก่อน ถ้าทั้งนายจ้างและลูกจ้างเข้าใจขั้นตอนนี้ก็จะไม่มีปัญหาคาใจว่าทำไมลูกจ้าง ยิ่งทำงานยิ่งเจริญลง ยิ่งเขียนยิ่งเพลินไปกับแนวคิดให้พนักงานเป็นช้างเท้าหน้าในการทำ CDP หวังว่าแฟนๆ คอลัมน์คงจะร่วม “อิน” ไปกับผู้เขียนด้วยนะคะ ขอจบไว้เพียงเท่านี้ก่อน พบกันครั้งหน้ามาลงรายละเอียดการทำ CDP ที่ให้พนักงานเป็นเจ้าของโครงการเองเลยค่ะ ขอบคุณ... http://www.posttoday.com/ไลฟ์สไตล์/ไลฟ์/241486/พนักงานควรพัฒนาสายอาชีพด้วยตัวเอง-ตอน-1 โพสต์ทูเดย์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 19 ส.ค.56
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)