แนะ 4 กลยุทธ์เด็ด! ธุรกิจไทยปรับตัวลุยเออีซี

แสดงความคิดเห็น

ปธ.ทีเอ็มอีแนะผู้ประกอบการไทยเร่งปรับกลยุทธ์เพิ่มขีดความสามารถ รองรับการเปิดเออีซี แนะ 4 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่ สร้างนวัตกรรมจากการวิจัยและพัฒนา โดยเฉพาะสินค้าเกษตร 2. คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม 3. เชื่อมโยงแต่ละอุตสาหกรรมเข้าหากัน และ 4. เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ปรับใช้เครื่องจักรแทน

นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย กล่าวว่า สำหรับผู้ประกอบการไทยควรจะปรับกลยุทธ์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับ ธุรกิจใน 4 ยุทธศาสตร์เพื่อรองรับการเป็นศูนย์กลางของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ได้แก่

1. การสร้างนวัตกรรม เพิ่มมูลค่า โดยปัจจุบันการใช้จ่ายในด้านการวิจัยและพัฒนาของประเทศไทยอยู่ที่ 1,460 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 0.25% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ นับเป็นอันดับที่ 3 ในอาเซียน และอันดับที่ 41 ของโลก รองจากสิงคโปร์ (2.2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ) และมาเลเซีย (0.63% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ) เปรียบเทียบกับประเทศผู้นำในเอเชีย คือ เกาหลีใต้ (3.74%) ญี่ปุ่น (3.67%) และจีน (1.97%)

ทั้งนี้ อุตสาหกรรมที่ควรได้รับการวิจัยและพัฒนามากขึ้นคือ สินค้าเกษตร โดยไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกยางพาราอันดับ 1 ของอาเซียน แต่ส่วนใหญ่เป็นการส่งออกในรูปของยางขั้นต้น ซึ่งมีมูลค่าเพิ่มในตัวสินค้าค่อนข้างน้อย จึงจำเป็นต้องอาศัยการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมยางแปรรูปเพื่อ สร้างมูลค่าเพิ่ม

2. คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม เป็นอีกหนึ่งส่วนที่ผู้ประกอบการไทยต้องให้ความสำคัญมากขึ้น เพราะเป็นการแสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อสภาพแวดล้อมของโลก ปัจจุบันมีบริษัทได้รับอนุมัติให้ติดฉลากลดคาร์บอน (Carbon Footprint) บนผลิตภัณฑ์รวม 190 บริษัท โดยส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม สิ่งทอ วัสดุก่อสร้าง พลาสติกและผลิตภัณฑ์

3. การเชื่อมโยงระหว่างกัน โดยเน้นอุตสาหกรรมที่สร้างความเชื่อมโยง เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งไทยสามารถยกระดับเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์ของอาเซียนได้ โดยปี 2555 ปริมาณการผลิตยานยนต์ของไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ติดอันดับ 9, 17, และ 23 ในฐานะผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก โดยผลิตได้รวมกัน 4.2 ล้านคัน หรือคิดเป็นร้อยละ 5 ของปริมาณการผลิตทั่วโลก

นอกจากนี้ยังมีอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งไทยมีข้อได้เปรียบการเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคและศักยภาพด้านการบิน ทำให้ไทยสามารถเชื่อมโยงการท่องเที่ยวกับประเทศอื่นในลักษณะส่งผ่านนักท่อง เที่ยว เช่น มาเลเซีย ไทย ลาว พม่า

4. ผู้ประกอบการไทยควรมีการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต สร้างคุณค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์ เช่น อุตสาหกรรมสิ่งทอ ซึ่งส่วนใหญ่ใช้แรงงานในการผลิต ควรปรับตัวโดยการนำเครื่องจักรเข้ามาใช้เพื่อเพิ่มผลผลิต รวมถึงมีการพัฒนาศักยภาพแรงงานและการออกแบบสินค้าเพื่อยกระดับอุตสาหกรรม สิ่งทอของไทย ส่วนอุตสาหกรรมอาหาร แม้ไทยจะส่งออกอาหารสูงเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน แต่ยังคงต้องปรับตัวโดยการยกระดับมาตรฐานการผลิตในโรงงงานและเพิ่มความเข้ม งวดในการรักษาคุณภาพตามมาตรฐานสากล พัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ ระบุเครื่องหมายสินค้าที่ได้รับรองมาตรฐานปลอดภัยบนสินค้าเพื่อเพิ่มความ ปลอดภัยให้แก่อาหารไทย

นายบุญทักษ์กล่าวเสริมด้วยว่า หากผู้ประกอบการไทยสามารถเร่งพัฒนาใน 4 ยุทธศาสตร์ ดังกล่าวข้างต้น เชื่อมั่นว่าไทยจะเป็นศูนย์กลางธุรกิจอาเซียนที่แข็งแกร่งมีศักยภาพสูง และผู้ประกอบการก็จะได้รับประโยชน์อย่างมากจากโอกาสที่เปิดกว้างขึ้นในครั้ง นี้

ขอบคุณ... http://manager.co.th/iBizchannel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000071890 (ขนาดไฟล์: 185)

ที่มา: ASTVผู้จัดการออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 14 มิ.ย.56
วันที่โพสต์: 15/06/2556 เวลา 03:24:13

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

ปธ.ทีเอ็มอีแนะผู้ประกอบการไทยเร่งปรับกลยุทธ์เพิ่มขีดความสามารถ รองรับการเปิดเออีซี แนะ 4 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่ สร้างนวัตกรรมจากการวิจัยและพัฒนา โดยเฉพาะสินค้าเกษตร 2. คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม 3. เชื่อมโยงแต่ละอุตสาหกรรมเข้าหากัน และ 4. เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ปรับใช้เครื่องจักรแทน นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย กล่าวว่า สำหรับผู้ประกอบการไทยควรจะปรับกลยุทธ์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับ ธุรกิจใน 4 ยุทธศาสตร์เพื่อรองรับการเป็นศูนย์กลางของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ได้แก่ 1. การสร้างนวัตกรรม เพิ่มมูลค่า โดยปัจจุบันการใช้จ่ายในด้านการวิจัยและพัฒนาของประเทศไทยอยู่ที่ 1,460 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 0.25% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ นับเป็นอันดับที่ 3 ในอาเซียน และอันดับที่ 41 ของโลก รองจากสิงคโปร์ (2.2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ) และมาเลเซีย (0.63% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ) เปรียบเทียบกับประเทศผู้นำในเอเชีย คือ เกาหลีใต้ (3.74%) ญี่ปุ่น (3.67%) และจีน (1.97%) ทั้งนี้ อุตสาหกรรมที่ควรได้รับการวิจัยและพัฒนามากขึ้นคือ สินค้าเกษตร โดยไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกยางพาราอันดับ 1 ของอาเซียน แต่ส่วนใหญ่เป็นการส่งออกในรูปของยางขั้นต้น ซึ่งมีมูลค่าเพิ่มในตัวสินค้าค่อนข้างน้อย จึงจำเป็นต้องอาศัยการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมยางแปรรูปเพื่อ สร้างมูลค่าเพิ่ม 2. คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม เป็นอีกหนึ่งส่วนที่ผู้ประกอบการไทยต้องให้ความสำคัญมากขึ้น เพราะเป็นการแสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อสภาพแวดล้อมของโลก ปัจจุบันมีบริษัทได้รับอนุมัติให้ติดฉลากลดคาร์บอน (Carbon Footprint) บนผลิตภัณฑ์รวม 190 บริษัท โดยส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม สิ่งทอ วัสดุก่อสร้าง พลาสติกและผลิตภัณฑ์ 3. การเชื่อมโยงระหว่างกัน โดยเน้นอุตสาหกรรมที่สร้างความเชื่อมโยง เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งไทยสามารถยกระดับเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์ของอาเซียนได้ โดยปี 2555 ปริมาณการผลิตยานยนต์ของไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ติดอันดับ 9, 17, และ 23 ในฐานะผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก โดยผลิตได้รวมกัน 4.2 ล้านคัน หรือคิดเป็นร้อยละ 5 ของปริมาณการผลิตทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งไทยมีข้อได้เปรียบการเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคและศักยภาพด้านการบิน ทำให้ไทยสามารถเชื่อมโยงการท่องเที่ยวกับประเทศอื่นในลักษณะส่งผ่านนักท่อง เที่ยว เช่น มาเลเซีย ไทย ลาว พม่า 4. ผู้ประกอบการไทยควรมีการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต สร้างคุณค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์ เช่น อุตสาหกรรมสิ่งทอ ซึ่งส่วนใหญ่ใช้แรงงานในการผลิต ควรปรับตัวโดยการนำเครื่องจักรเข้ามาใช้เพื่อเพิ่มผลผลิต รวมถึงมีการพัฒนาศักยภาพแรงงานและการออกแบบสินค้าเพื่อยกระดับอุตสาหกรรม สิ่งทอของไทย ส่วนอุตสาหกรรมอาหาร แม้ไทยจะส่งออกอาหารสูงเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน แต่ยังคงต้องปรับตัวโดยการยกระดับมาตรฐานการผลิตในโรงงงานและเพิ่มความเข้ม งวดในการรักษาคุณภาพตามมาตรฐานสากล พัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ ระบุเครื่องหมายสินค้าที่ได้รับรองมาตรฐานปลอดภัยบนสินค้าเพื่อเพิ่มความ ปลอดภัยให้แก่อาหารไทย นายบุญทักษ์กล่าวเสริมด้วยว่า หากผู้ประกอบการไทยสามารถเร่งพัฒนาใน 4 ยุทธศาสตร์ ดังกล่าวข้างต้น เชื่อมั่นว่าไทยจะเป็นศูนย์กลางธุรกิจอาเซียนที่แข็งแกร่งมีศักยภาพสูง และผู้ประกอบการก็จะได้รับประโยชน์อย่างมากจากโอกาสที่เปิดกว้างขึ้นในครั้ง นี้ ขอบคุณ... http://manager.co.th/iBizchannel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000071890

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...