บุญหย่วน ดีคำวงศ์ คนพอเพียง แห่งภูเพียง น่าน ทำเกษตร 2 ไร่ ส่งลูกเรียนจบปริญญา 2 คน
“แต่ก่อนเคยทำไร่ข้าวโพด 20 ไร่ ต้องใช้ยาและปุ๋ยเคมีมาก อีกทั้งแรงงานหายาก เมื่อขายผลผลิตแล้ว หักลบต้นทุนกำไรไม่คุ้มค่า จึงน้อมนำเอาศาสตร์พระราชา ในหลวงรัชกาลที่ 9 มาปรับใช้ทำการเกษตรแบบพอเพียงในพื้นที่ 2 ไร่กว่า สามารถส่งลูกเรียนจนจบปริญญา 2 คน” เป็นคำกล่าวที่ภาคภูมิใจของ คุณบุญหย่วน ดีคำวงศ์ เกษตรกรวัย 60 ปี ตำบลน้ำเกี๋ยน อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน
เมื่อปี 2535 ได้เริ่มนำเอาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาปรับใช้ในพื้นที่ 2 ไร่กว่า บริเวณบ้านของตนเอง โดยทำการเกษตรแบบผสมผสาน ปลูกพืชผักสวนครัว ไม้ผล เลี้ยงไก่ จิ้งหรีด และกบ ใช้แรงงานภายในครอบครัว ไม่ต้องจ้างแรงงาน ทุกอย่างที่ปลูกและเลี้ยงได้นำมาประกอบอาหารในครอบครัว ส่วนที่เหลือก็จำหน่ายเป็นรายได้
ปัจจุบันทุกวันจะมีรายได้จากพืชผัก 300 บาท ในรอบเดือนมีรายได้จากการจำหน่ายจิ้งหรีด 4,000-6,000 บาท และในรอบปีจะจำหน่ายลูกกบได้กว่า 50,000 บาท พร้อมกับจำหน่ายผลไม้ในสวนอีกประมาณ 20,000 บาท ซึ่งรายได้ทั้งหมดนี้สามารถเลี้ยงครอบครัวได้ เรื่องปุ๋ยและยาไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพราะทำปุ๋ยหมัก ปุ๋ยชีวภาพใช้เอง รวมทั้งการป้องกันกำจัดศัตรูพืชด้วยสารชีวภัณฑ์และกาวดัก เป็นการลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มคุณภาพผลผลิตแบบพอเพียงและยั่งยืน
การเพาะเลี้ยงลูกกบทุ่ง ของบุญหย่วน
“กบที่ผมเลี้ยงเป็นกบทุ่งตามธรรมชาติ เป็นที่ต้องการของผู้บริโภค มีคนต้องการลูกกบไปเพาะเลี้ยงมาก ผมจึงเพาะเลี้ยงเพื่อเอาลูกกบขาย ใช้เวลา 1-1 เดือนครึ่ง ก็ได้เงิน แต่กว่าจะเพาะลูกกบได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ผมต้องใช้เวลากว่า 3 ปี ที่ศึกษาเรียนรู้จากธรรมชาติจึงประสบความสำเร็จ”
คุณบุญหย่วน เล่าว่า เขาเริ่มเลี้ยงกบจากการจับลูกอ๊อดตามธรรมชาติ มาเลี้ยงประมาณ 1 ปี กบจะโตพร้อมผสมพันธุ์และวางไข่ เมื่อเข้าสู่ฤดูฝน ช่วงปลายเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ฝนเริ่มตก กบจะร้องส่งเสียงเพื่อหาคู่ผสมพันธุ์ จำเป็นต้องเตรียมบ่อ/ถัง โดยใส่น้ำให้สูงประมาณ 10 เซนติเมตร หาใบลิ้นจี่สัก 4-5 เคล็ดใส่ลงในบ่อ/ถัง
จากนั้นนำกบพ่อ-แม่พันธุ์ที่จับคู่กันได้แล้ว ลงบ่อ/ถังที่เตรียมไว้ พอรุ่งขึ้นต้องตื่นแต่เช้ามืดประมาณตี 5 สังเกตจะมีกลุ่มไข่ของกบติดอยู่ที่ใต้ใบลิ้นจี่ ให้นำเอาพ่อ-แม่พันธุ์กบออกจากบ่อ/ถัง ปล่อยไว้ 1 วัน ไข่ก็จะเป็นตัวลูกอ๊อดและเลี้ยงด้วยไข่ตุ๋น เมื่อเป็นตัวประมาณ 20 วัน ให้นำแผ่นโฟมใส่ลงบ่อเพื่อให้กบมีที่เกาะ เลี้ยงประมาณ 1 เดือน ก็จำหน่ายตัวละ 4 บาท โดยพ่อ-แม่พันธุ์แต่ละคู่จะออกไข่ประมาณ 2,000-2,500 ตัว ปีหนึ่งสามารถเพาะลูกกบได้ 2 ครั้ง คือช่วงต้นฝน (มิถุนายน-กรกฎาคม) และช่วงปลายฝน (สิงหาคม)
ว่าที่ร้อยตรี ดร.สมสวย ปัญญาสิทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 6 จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงและการเกษตรผสมผสาน เป็นพื้นฐานการสร้างคุณภาพชีวิตของเกษตรกร สามารถลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และสามารถทำได้จริง เกษตรกรที่สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณบุญหย่วน ดีคำวงศ์ 107 หมู่ที่ 4 ตำบลน้ำเกี๋ยน อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน โทร. (094) 972-2252
ขอบคุณ... https://www.technologychaoban.com/agricultural-technology/article_25809