รัฐ-เอกชน’ ขนแพ็กเกจ ดูดนักท่องเที่ยวรับไฮซีซั่น
‘รัฐ-เอกชน’ ขนแพ็กเกจ ดูดนักท่องเที่ยวรับไฮซีซั่น | เดลินิวส์
‘รัฐ-เอกชน’ ขนแพ็กเกจ ดูดนักท่องเที่ยวรับไฮซีซั่น เข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซั่นกันเต็มที่แล้ว บรรดานักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ ต่างเตรียมตัวหวังเก็บเกี่ยวความสุขกันเต็มพิกัด โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากฝั่งยุโรป
ณ เวลานี้ เข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซั่นกันเต็มที่แล้ว บรรดานักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ ต่างเตรียมตัวหวังเก็บเกี่ยวความสุขกันเต็มพิกัด โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากฝั่งยุโรปที่วางโปรแกรมท่องเที่ยวหนีหนาวจากบ้านเกิดเมืองนอน มาเยือนเมืองไทยในช่วงเวลานี้ไปจนถึงต้นปีหน้า ขณะที่นักท่องเที่ยวไทยเองก็ไม่วายที่ขวนขวายหาแพ็กเกจท่องเที่ยวที่ถูกใจและถูกตังค์ แม้ว่าโดยส่วนใหญ่แล้วจะนิยมเดินทางด้วยตัวเองก็ตาม
ด้าน “เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์” ได้จัดงานเคานท์ดาวน์ครั้งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยแห่งปี กับการนับถอยหลังสู่ปี ค.ศ. 2016 ริมโค้งน้ำเจ้าพระยาที่สวยที่สุดในประเทศไทย ท่ามกลางพลุสว่างไสวทั่วแผ่นฟ้าสุดตระการตา พบกับแลนด์มาร์คสุดฮิปต้อนรับปีวอก “มังค์กี้ คิวท์” พร้อมบรรยากาศปาร์ตี้ สุดมัน และคอนเสิร์ตจากศิลปินแถวหน้าของเมืองไทย พร้อมศิลปินดาราที่จะมาร่วมขบวนมอบความสุขอีกมากมาย
ด้วยความต้องการเช่นนี้ จึงทำให้ทั้งภาครัฐและเอกชน ต่างระดมขนแคมเปญการท่องเที่ยวรวมถึงโปรโมชั่น เด็ด ๆ เพื่อหวังมาดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวจับจ่ายใช้สอยต้อนรับฤดูไฮซีซั่น ของปีนี้เพื่อทำให้รายได้ทางการท่องเที่ยวทะยานขึ้นไปสู่เป้าหมายที่ 2.2 ล้านล้านบาท ทั้งจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่วางเป้าหมายไว้ที่ 1.4 ล้านล้านบาท และจากนักท่องเที่ยวภายในประเทศ ที่วางเป้าหมายไว้ 8 แสนล้านบาท รวมไปถึงเป้าหมายในปี 59 ด้วย ที่วางไว้ 2.3 ล้านล้านบาท
ดึงไฮโซเที่ยวไทย
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ซึ่งเป็นหน่วยงานหลัก เป็นแม่งาน ที่ต้องทำให้รายได้ทางการท่องเที่ยวเป็นไปตามที่กำหนดไว้ให้ได้ จึงได้วางกลยุทธ์ผลักดันให้ไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ท่องเที่ยวได้แบบหรูหราเพื่อหวังดึงกลุ่มนักท่องเที่ยวใช้จ่ายสูงให้มาท่องเที่ยวโดยกลยุทธ์นี้ได้จัดทำภายใต้โครงการ “อะเมซิ่งไทยแลนด์ ลักซ์ชัวร่ี” ซึ่งเบื้องต้นได้นำร่องด้วยการขนผู้ประกอบการ ที่ขายแพ็กเกจท่องเที่ยวในรูปแบบหรูหราไฮโซให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเข้าร่วมงาน ลักซ์ชัวรี่แฟมทริป แอนด์ เทรด มีท ซึ่งจัดขึ้นถึงสองครั้งโดยครั้งแรก จัดขึ้นเมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมาและอีกครั้งจะจัดขึ้นในช่วงเดือน มี.ค. ปีหน้า ซึ่งในงานนี้แพ็กเกจท่องเที่ยวที่นำมาขายล้วนแต่มีความพิเศษแฝงอยู่เช่น การท่องเที่ยวผ่านการนั่งเครื่องบินส่วนตัวขี่ช้างชมแหล่งท่องเที่ยว เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม...การนำเสนอขายแหล่งท่องเที่ยวในรูปแบบนี้หากจะให้ดี ควรนำเอกลักษณ์ความเป็นไทยต่าง ๆสอดแทรกเข้าไปในการนำเสนอขายสินค้าท่องเที่ยวด้วยเพราะหากนักท่องเที่ยวต่างชาติจะตัดสินใจซื้อสินค้าท่องเที่ยวอะไรก็ตามแต่หากมีความหรูหราคล้ายกันท่องเที่ยวเหมือน ๆ กัน คงไม่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักได้เท่าใดนักและอาจรวมถึงการคิดว่าประเทศไทยไม่มีแบบนี้มีแต่แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ควรขายเท่านั้นก็เป็นไปได้
เคานท์ดาวน์วัดอรุณฯ
แน่นอนว่าในทุก ๆ ปีช่วงไฮซีซั่นยังมีเทศกาลสำคัญคือ เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ซึ่งถือเป็นเทศกาลเฉลิมฉลองสำคัญ ที่ในแต่ละปีจะมีทั้งนักท่องเที่ยวไทย และนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางมาเที่ยวเมืองไทยในช่วงเวลานี้เป็นจำนวนมากโดยในปีนี้ ททท.ได้ปิ๊งไอเดียหวังใช้สถานที่ของ วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร เป็นสถานที่จัดงานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ หรือเคานท์ดาวน์แห่งใหม่ด้วย ขณะเดียวกันพร้อมผลักดันให้วัดอรุณฯแห่งนี้ดึงความสนใจจากทั่วโลกให้มาหยุดในไทยอีกครั้ง เหมือนกับแลนด์มาร์คในประเทศอื่น ๆ ที่ใช้เป็นสถานที่เคานท์ดาวน์ที่สำคัญอย่าง “จัตุรัส ไทม์สแควร์” ที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาหรือ “ลอนดอนอายส์” ของประเทศอังกฤษ
เงินสะพัดกว่าหมื่น ล.
เรียกได้ว่างานนี้ ททท.หวังปั้นวัดอรุณฯ เป็นจุดขายใหม่ หากทำได้อย่างที่ตั้งใจไว้ จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีได้อีกครั้งเพราะมีชื่อเสียงและกลายเป็นสัญลักษณ์ที่นักท่องเที่ยวคิดถึง เมื่อพูดถึงไทยแล้วและยังสะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นไทย สอดคล้องกับแนวคิดวิถีไทยที่วางไว้ได้พอดี ททท. ได้คาดการณ์ว่า การจัดงานเคานท์ดาวน์นี้จะเป็นส่วนสำคัญที่ผลักดันให้ระหว่างวันที่ 31 ธ.ค. 58-4 ม.ค. 59 มีเงินสะพัดจากการท่องเที่ยวประมาณ 10,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากปีก่อนที่มีรายได้สะพัดประมาณ 9,300 ล้านบาท
เอกชนขนแพ็กเกจร่วม
ไม่เพียงแค่แม่งานอย่างททท.เท่านั้น ในส่วนของบรรดาผู้ประกอบการเอกชนด้านท่องเที่ยว ก็ระดมสรรพแคมเปญ สรรพโปรโมชั่นสารพัดไม่น้อยหน้าภาครัฐ เข้ามาเชิญชวนดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศ อย่างเช่น สวนสยามทะเลกรุงเทพได้ร่วมกับ กรุงเทพ มหานคร ททท. และกรมประชาสัมพันธ์ทุ่มงบประมาณกว่า 80 ล้านบาท จัดงาน “มหกรรมหุ่นโคมไฟอาเซียน” ที่มีไปจนถึงวันที่ 22 ก.พ. 59
สำหรับไฮไลต์เด็ดภายในงานคือ การนำหุ่นโคมไฟขนาดใหญ่ที่จำลองแลนด์มาร์คสำคัญของ 10 ประเทศในอาเซียนมาไว้ท่ามกลางสวนสยาม ซึ่งนอกจากเป็นการเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แล้วยังรวมไปถึงการเฉลิมฉลองการเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซีที่จะเปิดอย่างเป็นทางการในปีหน้าด้วย โดยเชื่อกันว่าการจัดงานครั้งนี้ จะดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ไม่ต่ำกว่า 4 แสนคน แต่ส่วนใหญ่อาจเป็นนักท่องเที่ยวไทยมากกว่าประมาณ 85% ขณะที่ต่างชาติอาจมีอยู่ประมาณ 15% ทั้งนี้ในช่วงการจัดงานคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาชมงานและเล่นเครื่องเล่นที่สวนสยามกว่า 400,000 คน แบ่งเป็นชาวต่างชาติ 15% และคนไทย 85%
เช่นเดียวกับ บริษัท อิมเมจ เอเชีย ที่ได้ร่วมกับบัตรเครดิต คาร์ดวีซ่า ฝรั่งเศส ขายสินค้าโรงแรมที่พัก ในแบบหรูหราของเมืองไทยโดยบัตรนี้มีชาวฝรั่งเศสถือบัตรอยู่กว่า 5 ล้านคน โปรแกรมการท่องเที่ยวจะมีทั้งการท่องเที่ยวเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวล่องเรือสไตล์เก่า ที่กรุงเทพฯ อยุธยา สนนราคาแพ็กเกจ ตั้งแต่ 55,000 บาทต่อหัว ไปจนถึง 100,000 บาทต่อหัว เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ
ทั้งหมดเป็นเพียงตัวอย่างที่ทั้งภาครัฐและเอกชนต่างขนแพ็กเกจมากระหน่ำ พร้อมอัดโปรโมชั่นสารพัดเพื่อหวังดึงนักท่องเที่ยวในโค้งสุดท้ายของปีก็หวังให้การท่องเที่ยวไทยช่วง 2 เดือนสุดท้ายเดือน พ.ย.-ธ.ค.นี้เป็นไปตามเป้าหมาย ที่คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย 5.2 ล้านคน โดยแนวโน้มที่ทำให้ยิ้มออกเห็นได้จากตัวเลขการจองห้องพักที่เต็มพิกัดกันถ้วนหน้ากันทีเดียว
ณ เวลานี้ ได้แต่คาดหวังไว้ว่าสัญญาณที่ดีเช่นนี้จะส่งผลให้เป้าหมายรายได้ของการท่องเที่ยวไทย เป็นไปตามที่คาด เพื่อช่วยประคับประคองเศรษฐกิจไทย ให้เดินหน้าต่อไปได้ หลังจากที่ตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา คนไทยต้องสะบักสะบอมกันทั้งประเทศ
เอวิกานต์ บัวคง
ขอบคุณ... http://www.dailynews.co.th/economic/365722 (ขนาดไฟล์: 167)