ฐาน "นวัตกรรม" พลังเปลี่ยนโลก!
"สตาร์ทอัพประเทศไทย" 8 สาขาสานฝันปั้น "นักรบพันธุ์ใหม่" ระดับอินเตอร์
สตาร์ทอัพ (Startup)...
คำคำนี้ กำลังสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นกับสังคมไทยอีกครั้ง ด้วยความคิดสร้างสรรค์ ของนักคิด นักเปลี่ยนแปลง และนักแก้ไขปัญหา เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่และแปลงคำตอบที่ได้ให้กลายเป็นธุรกิจโดยใช้ “วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม” เป็นเครื่องมือในการเปลี่ยนแปลงสังคม
สตาร์ทอัพ จึงกลายเป็นความฝันของคนรุ่นใหม่ในยุคที่ใครๆก็อยากเป็น “นาย” ตัวเอง เป็นผู้ประกอบการยุคใหม่ ที่ต้องการปั้นธุรกิจเล็กๆ หรือเห็นโอกาสที่ยังไม่มีใครเคยเห็นให้เติบโตขึ้นด้วยลำแข้งของตัวเอง
ด้วยเหตุนี้ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบนวัตกรรมของประเทศ (คพน.) จึงมีมติมอบหมายให้ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ จัดทำโครงการ National Campaign Startup Thailand เพื่อระดมผู้ประกอบการรายใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศให้มารวมตัวกัน แสดงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการสร้างสตาร์ทอัพในระดับนานาชาติเพื่อพลิกวิกฤติของประเทศให้กลายเป็นโอกาส
และนั่นนำมาสู่ความร่วมมือกันของรัฐบาล หน่วยงานภาครัฐ ภาคการศึกษา ภาคประชาสังคมและภาคเอกชน เพื่อวางแผนและผลักดันนโยบายผ่านกลไกคณะทำงานร่วมประชารัฐ จัดงาน “สตาร์ทอัพ ไทยแลนด์ 2016 (STARTUP THAILAND 2016)” ภายใต้แนวคิด “สตาร์ทอัพ ยูนิต” ซึ่งเป็นการรวบรวมสตาร์ทอัพและหน่วยงานที่มีความเกี่ยวข้องกับสตาร์ทอัพทุกภาคส่วนเป็นครั้งแรกของประเทศไทย โดยมีกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เป็นเจ้าภาพ
“สตาร์ทอัพ คำคำนี้อาจเป็นคำใหม่ของสังคมไทย แต่ถือว่ามีความสำคัญ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของ สังคมไทย ที่ต้องการเห็นธุรกิจเกิดใหม่ที่ต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงด้วยแนวคิดที่แตกต่าง โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ไม่เหมือนใครเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงนั้นๆ ทำให้ธุรกิจสามารถทำซ้ำ ขยายตลาด เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด ดังนั้นการจัดงาน สตาร์ทอัพ ไทยแลนด์ 2016 ก็เพื่อเป็นการแสดงจุดยืนหรือปักหมุดประเทศไทยบนแผนที่โลกด้านสตาร์ทอัพ เพื่อการก้าวสู่การเป็นประเทศชั้นนำในระดับนานาชาติ ในการพัฒนาผู้ประกอบการรายใหม่ ทั้งยังเพื่อสื่อสารและประชาสัมพันธ์ให้ชุมชนสตาร์ทอัพในต่างประเทศและประชาคมโลกได้ตระหนักถึงศักยภาพ ความพร้อม และจุดแข็งของประเทศไทย รวมทั้ง เพื่อสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขัน และสร้างโอกาสทางการค้าให้กับผู้ประกอบการธุรกิจรายใหม่ในประเทศไทย ผ่านกิจกรรมสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนเพื่อส่งเสริมสนับสนุนและสร้างแรงบันดาลใจแก่ผู้ประกอบการธุรกิจรายใหม่ที่มีศักยภาพในการขยายธุรกิจและสร้างตลาดใหม่ สามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดด” ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รมว.วิทยาศาสตร์ฯในฐานะเจ้าภาพหลักสตาร์ทอัพประเทศไทยกล่าว
ทั้งนี้ กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ จะเข้าไปมีส่วนผลักดันทั้งในส่วนของงานวิจัย นักวิทยาศาสตร์ ที่จะต้องทำให้สตาร์ทอัพของประเทศไทยสามารถสร้างนักรบพันธุ์ใหม่ ซึ่งมีศักยภาพสูงที่จะทำให้สังคม เศรษฐกิจ วิถีชีวิต เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม ของไทย เอเชีย และโลกเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
“จากการประชุมที่ผ่านมา พบว่า สตาร์ทอัพที่ทำธุรกิจอยู่ในประเทศไทย สามารถจัดกลุ่มได้ 8 สาขา ได้แก่ เกษตรและอาหาร อสังหาริมทรัพย์ ไลฟ์สไตล์ อีคอมเมิร์ซและโลจิสติกส์ การเงิน บริการภาครัฐ สุขภาพ และอุตสาหกรรมผลิต ซึ่งขณะนี้ตลาดหลักของสตาร์ทอัพเหล่านี้ยังอยู่ภายในประเทศและเออีซี (AEC) แต่ได้มองตลาดอนาคตที่ต้องการเข้าไป เช่น ตลาดอียู อเมริกาใต้ และภูมิภาคอื่นๆทั่วโลก นอกจากนี้ได้นำกระบวนการคาดการณ์อนาคตมาใช้เพื่อช่วยกำหนดโจทย์ความท้าทายในอนาคตที่เป็นโอกาสสำหรับสตาร์ทอัพประเทศไทย ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการ เช่น ความต้องการของผู้สูงอายุ การรับมือภัยแล้ง การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความต้องการใช้หุ่นยนต์แทนแรงงาน ระบบการสอบย้อนกลับ การใช้บรรจุภัณฑ์ชีวภาพทดแทนพลาสติก อาหารเฉพาะทาง การลดช่องว่างและความเหลื่อมล้ำระหว่างคนในสังคม การมีส่วนร่วมของชุมชนและการปรับปรุงประสิทธิภาพของภาครัฐ เป็นต้น” ดร.พิเชฐ ระบุโดยสิ่งที่กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ จะเน้นเป็นพิเศษ คือ กลุ่มที่มีศักยภาพในการเป็นสตาร์ทอัพ ทั้งนักเรียน นิสิต นักศึกษา นักเรียนอาชีวะที่มีฝีมือ แต่อาจยังไม่มีแนวคิดในการตั้งธุรกิจ ผู้ที่จบการศึกษาและ ทำงานมาระยะหนึ่ง เกษตรกรยุคใหม่ ผู้บริหารองค์กร บริษัท หน่วยงานภาครัฐต่างๆ รวมทั้งมหาวิทยาลัยที่มีการบ่มเพาะให้บริการหรือมีกิจกรรมส่งเสริมสตาร์ทอัพ และผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพื่อมารวมตัวกันช่วยผลักดันให้เกิดสังคมแห่งผู้ประกอบการขึ้นในประเทศไทยและจะส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต
“หลายคนอาจมองว่าสตาร์ทอัพกับเอสเอ็มอี (SMEs) เป็นตัวเดียวกันหรือไม่ ความจริง สตาร์ทอัพไม่ใช่เอสเอ็มอี สตาร์ทอัพ คือธุรกิจเกิดใหม่ที่มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการ ซึ่งมีนวัตกรรมในรูปแบบธุรกิจ และมีคุณลักษณะ เป็นธุรกิจสะท้อนต่อความทะเยอทะยาน ในการสร้างธุรกิจที่สร้างความเปลี่ยนแปลง หรือพูดให้ง่าย สตาร์ทอัพ คือ นักคิด นักเปลี่ยนแปลง และแก้ไขปัญหาเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้กลายเป็นธุรกิจ” รมว.วิทยาศาสตร์ฯ กล่าว
สำหรับงานสตาร์ทอัพไทยแลนด์ 2016 ที่กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เป็นเจ้าภาพจะจัดขึ้นในวันที่ 28 เม.ย.–1 พ.ค.นี้ ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
“ทีมข่าววิทยาศาสตร์” มองว่าสตาร์ทอัพไทยแลนด์ คืออีกหนึ่งทางเลือกของสังคมไทยและคนรุ่นใหม่
เพราะสังคมจะเปลี่ยนแปลงได้ ต้องมีนักคิด นักสร้างสรรค์ และคนที่ให้โอกาสทั้งเรื่องของเทคโนโลยี นวัตกรรม รวมทั้งเงินทุนช่วยกัน
เพื่อสร้างนักรบพันธุ์ใหม่ระดับอินเตอร์ สู่สนามรบเศรษฐกิจโลก.
ทีมข่าววิทยาศาสตร์
ขอบคุณ... http://www.thairath.co.th/content/608376