สหกรณ์บริการเครื่องจักรกลทางการเกษตรลดต้นทุนได้จริง
โดยสนับสนุนรถเกี่ยวนวดข้าว 2 คัน รถเทรเลอร์ 1 คันต่อสหกรณ์ผู้ปลูกข้าว และเครื่องสีข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 3 คัน พร้อมอุปกรณ์ 3 ชุดต่อสหกรณ์ผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
นางสาวจริยา สุทธิไชยา รองเลขาธิ การและโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินโครงการส่งเสริมการให้บริการเครื่อง จักรกลทางการเกษตรเพื่อลดต้นทุนสมาชิก ระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่ปี 2558-2562 งบประมาณรวมทั้งสิ้น 3,322 ล้านบาท ซึ่งปี 2558 ที่ผ่านมาเป็นการดำเนินโครงการในระยะนำร่อง และปี 2559-2562 เป็นการดำเนินโครงการระยะขยายผล
โดยสนับสนุนรถเกี่ยวนวดข้าว 2 คัน รถเทรเลอร์ 1 คันต่อสหกรณ์ผู้ปลูกข้าว และเครื่องสีข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 3 คัน พร้อมอุปกรณ์ 3 ชุดต่อสหกรณ์ผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
ในการนี้ได้มีการติดตามผลการดำเนินงานโครงการในช่วงระหว่างวันที่ 10-26 กุมภา พันธ์ 2559 ที่ผ่านมา จากสหกรณ์การเกษตร และสหกรณ์นิคมที่เข้าร่วมโครงการทั้ง 19 แห่ง พบว่า มีการดำเนินการจัดซื้อและส่งมอบเครื่องจักรกลทางการเกษตรแก่สหกรณ์แล้ว 15 แห่ง และอีก 4 แห่งอยู่ระหว่างการจัดซื้อ โดยสหกรณ์ผู้ปลูกข้าว 10 แห่ง ให้บริการเกี่ยวนวดข้าวแก่สมาชิกแล้ว 2 แห่ง ในช่วงเดือนธันวาคม 2558 ที่ผ่านมา ถึง มกราคม 2559 คิดอัตราไร่ละ 300–400 บาท ขณะที่ผู้ประกอบการเอกชนทั่วไปคิดอัตราไร่ละ 500–550 บาท ทำให้สมาชิกสหกรณ์สามารถลดต้นทุนค่ารถเกี่ยวนวดได้ไร่ละ 200– 250 บาท
นอกจากนี้ สหกรณ์ผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 5 แห่งได้ให้บริการสีข้าวโพดแก่สมาชิกสหกรณ์แล้ว 1 แห่ง ในช่วงเดือนธันวาคม 2558 ที่ผ่านมาโดยไม่เก็บค่าบริการ เนื่องจากสหกรณ์ได้รับผลพลอยได้จากเปลือกและซังข้าวโพดที่นำไปผลิตเป็นปุ๋ย และเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่งในโรงอบของสหกรณ์ ทำให้สมาชิกสหกรณ์ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในส่วนดังกล่าว ในขณะที่ผู้ประกอบการทั่วไปคิดอัตราค่าบริการ 200 บาทต่อตัน ส่วนสหกรณ์ที่ยังไม่ได้ให้บริการในเบื้องต้นได้กำหนดอัตราค่าบริการรถเกี่ยวนวดข้าวไว้ที่ 350–500 บาทต่อไร่ และค่าสีข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 80-150 บาทต่อตัน
ภาพรวมพบว่า เจ้าหน้าที่และสมาชิกสหกรณ์มีความพึงพอใจต่อโครงการในระดับมาก ทั้งในด้านการชี้แจงรายละเอียดโครงการ การสนับสนุนเครื่องจักรกลทางการเกษตร อัตราค่าบริการ การดำเนินงานของเจ้าหน้าที่สหกรณ์ และความรวดเร็วในการให้บริการ
แต่ทั้งนี้ยังไม่ครอบคลุมพื้นที่ที่อยู่ในระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ของกระทรวงเกษตรฯ หากแต่จะดำเนินการในพื้นที่ความรับผิดชอบหลักของสหกรณ์ โดยเฉพาะในพื้นที่ของสมาชิกที่ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวและผลิตข้าวให้กับสหกรณ์ตามบทบาทหน้าที่เป็นหลัก
ซึ่งหากสหกรณ์ได้รับมอบหมายให้ขยายผลการดำเนินในโครงการนี้สู่เกษตรกรโดยทั่วไป โดยเฉพาะพื้นที่การเกษตรแปลงใหญ่ตามนโยบายของรัฐบาลนั้น ก็จะสามารถช่วยในการลดต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรโดยทั่วไปได้อย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น.
ขอบคุณ... http://www.dailynews.co.th/agriculture/390307 (ขนาดไฟล์: 167)