ตั้งเป้าปีนี้ 1.2 หมื่นล้านบาท ดึงนักเที่ยวต่างชาติเปิบอาหาร-ผลไม้
กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ผนึกกำลัง 37 หน่วยงาน สานพลังประชารัฐ ส่งเสริมการท่องเที่ยว “อะเมซิ่ง ไทย เทสต์” รองรับนักท่องเที่ยว 32 ล้านคน ที่เน้นหารายได้จากการขายสินค้าภาคเกษตร อาหารไทยเป็นจุดขาย ตั้งเป้ารายได้ส่วนนี้เพียง 10% หรือ 12,000 ล้านบาท ปีนี้
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงฯได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ สานพลังประชารัฐ ส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทย ภายใต้โครงการอะเมซิ่ง ไทย เทสต์ (Amazing Thai Taste) มีเป้าหมายเพื่อการกระจายรายได้สู่ภาคเกษตรกร โดยกลุ่มเป้าหมายได้แก่ นักท่องเที่ยวต่างประเทศ 32 ล้านคน นักท่องเที่ยวไทยที่คาดว่าจะมีการเดินทาง 148 ล้านคนต่อคนต่อครั้ง หรือ 65 ล้านคน โครงการมีระยะเวลาไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.2560 คาดว่าจะสร้างมูลค่าการบริโภคอาหารไทย ข้าวไทย ผลไม้ไทย เพิ่มขึ้น 10% หรือ 12,000 ล้านบาทในปีนี้ โดยโครงการนี้เป็นการร่วมมือกันระหว่างเอกชน ภาครัฐ ภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง 37 หน่วยงาน เพื่อช่วยกันสนับสนุนให้อาหารไทย ผลไม้ไทย เป็นจุดขายของนักท่องเที่ยว
สำหรับการโปรโมตอาหารไทย 6 อย่าง แบ่งเป็นไตรมาสละ 2 อย่าง โดยไตรมาส 2 ระหว่างเดือน พ.ค.-มิ.ย. จะเน้นในเรื่องอาหาร เช่น ผัดไทยและต้มยำกุ้ง, ไตรมาส 3 เดือน ก.ค.-ก.ย. จะโปรโมตแกงเขียวหวาน และส้มตำ, ไตรมาส 4 เดือน ต.ค.-ธ.ค. ส่งเสริมอาหารแกงมัสมั่น และต้มข่าไก่ โดยจะเสนอควบคู่กับผลไม้ประจำฤดูกาลของแต่ละเดือน เช่น เดือน พ.ค.-มิ.ย. แนะนำทุเรียน, เงาะ, มังคุด, ลองกอง, สละ, ลิ้นจี่, กระท้อน เป็นต้น
นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรฯ ในฐานะผู้ผลิตจะเร่งผลักดันให้เกษตรกรผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพ เพื่อส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวเพิ่มการบริโภคอาหาร และสินค้าเกษตรของไทยให้มากขึ้น เนื่องจากภัยแล้งส่งผลให้ผลผลิตสินค้าเกษตรลดลง ทำให้รายได้ของเกษตรกรเฉลี่ยทั่วประเทศในปีนี้ต่ำกว่าเป้าหมายที่คาดว่าจะมีรายได้ 180,000 บาท/ ครัวเรือน/ปี โดยอาจมีรายได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 150,000 บาท/ครัวเรือน และปัจจุบัน กลุ่มเกษตรกรที่จัดตั้งขึ้นมาเอง หรือเป็นสหกรณ์จะมีกลุ่มนายทุนใหญ่ๆ เช่น ห้างสรรพสินค้าเข้ามาติดต่อเพื่อนำสินค้าเกษตรไปขายบนห้าง อาทิ จังหวัดขอนแก่น เกษตรกรที่ปลูกผัก จะนำผักส่งขายให้กับห้างสรรพสินค้า เป็นต้น
นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวว่า ปัจจุบันคนไทย และนักท่องเที่ยวมีการใช้จ่ายเฉลี่ยราวมื้อละ 300 บาท/คน หรือ 1,000 บาท/วัน ถือว่าเป็นจำนวนที่น้อยมาก เพราะในต่างประเทศอาหารไทยมีราคาแพง แต่โครงการนี้จะกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวต่างชาติรู้จักเมนูอาหารไทยที่หลากหลาย สามารถเพิ่มมูลค่าการใช้จ่ายสำหรับอาหารของนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ 50% หรือเพิ่มขึ้นเป็น 1,500 บาท/วัน สำหรับนักท่องเที่ยวคนไทย ช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค-พ.ค.) กำลังใช้จ่ายในการทานอาหารนอกบ้าน ตกไปค่อนข้างมาก ทั้งลดจำนวนทานข้าวนอกบ้าน หรือหากทานจะสั่งจำนวนเมนูอาหารน้อยลง เนื่องจากภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้น และเศรษฐกิจที่ไม่ดี
นายชนินทธ์ โทณวณิก ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความคืบหน้าในแผนงานอื่นๆของคณะประชารัฐขณะนี้ ได้เตรียมผลักดันเรื่องการส่งเสริมการท่องเที่ยวยามค่ำคืนด้วยการติดไฟประดับ (Lighting and Illumination) โดยจะหารือกับแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ เช่น กรุงเทพมหานคร ในการทำให้เป็นพื้นที่ต้นแบบ เพื่อสร้างแหล่งท่องเที่ยวดังกล่าวขึ้นมา และตามแนวคิดที่วางไว้ ไม่ต้องการให้ท้องถิ่นมีการประดับไฟเพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่ต้องเป็นการสร้างรายได้เพิ่มเติมให้ กับชุมชนด้วย.
ขอบคุณ... http://www.thairath.co.th/content/621365 (ขนาดไฟล์: 167)