กรมการแพทย์โชว์ 3 นวัตกรรมเพื่อคนพิการ

แสดงความคิดเห็น

งานแถลงข่าว "นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อคุณภาพชีวิตคนพิการ"

คนพิการเป็นบุคคลที่มีข้อจำกัดในการใช้ชีวิตประจำวันและการมีส่วนร่วมในสังคม จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือในด้านต่างๆ โดยเฉพาะด้านการสาธารณสุข กรมการแพทย์ โดยสถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ จึงได้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมารักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพ เพื่อให้คนพิการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันและมีส่วนร่วมในสังคมได้อย่างบุคคลทั่วไป

วันที่ (27 มีนาคม 2560) ที่สถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติกรมการแพทย์ จังหวัดนนทบุรีนายแพทย์ธีรพล โตพันธานนท์ อธิบดีกรมการแพทย์และแพทย์หญิงดารณี สุวพันธ์ ผู้อำนวยการสถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ ร่วมแถลงข่าว "นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อคุณภาพชีวิตคนพิการ" โดยความพิการทางการเคลื่อนไหวเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทยจากรายงานข้อมูลสถานการณ์ด้านคนพิการในประเทศไทย ปี 2558 ของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พบว่า ความพิการทางการเคลื่อนไหวมีมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง (48.81%) และกลุ่มคนพิการวัยสูงอายุ (อายุ 60 ปีขึ้นไป) มีความพิการทางการเคลื่อนไหวมากที่สุด (51.26%) รองลงมาคือกลุ่มคนพิการที่อยู่ในวัยทำงานอายุระหว่าง 15 - 60 ปี (46.08%) ซึ่งหนึ่งในสาเหตุอันดับต้นของความพิการคือ ภาวะความเจ็บป่วยและโรคต่างๆ (30.14%) เช่นโรคหลอดเลือดสมอง ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจตีบ เป็นต้น และเกิดจากอุบัติเหตุ (14.14%) ซึ่งผู้ที่มีชีวิตรอดจากสาเหตุดังกล่าวข้างต้น ได้รับผลที่ตามมาคือพิการหรือทุพพลภาพ ต้องพึ่งพาผู้อื่นในการเดิน และการประกอบกิจวัตรประจำวันต่างๆ มากขึ้น สถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ เป็นหน่วยงานหลักในการประสานงานและพัฒนาวิชาการด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์และอุปกรณ์เครื่องช่วยคนพิการต่างๆ จึงได้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้รักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพ เพื่อให้คนพิการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ดังนี้

งานแถลงข่าว "นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อคุณภาพชีวิตคนพิการ"

1. การฝึกเดินด้วยเครื่องหุ่นยนต์ฝึกเดิน (Lokomat) เทคโนโลยีที่ใช้เพิ่มการทรงตัวและความมั่นคงในขณะเดินให้แก่ผู้ป่วยเป็นการฝึกทักษะการเคลื่อนไหวเรื่องการเดิน ใช้รักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองผู้ป่วยบาดเจ็บสันหลัง ผู้ป่วยเด็กสมองพิการ และผู้ป่วยพาร์กินสัน เป็นต้น ผู้ป่วยจะได้ฝึกเดินบนสายพานเลื่อนที่มีที่พยุงน้ำหนักตัวและมีขาของหุ่นยนต์ปะกบกับขาของผู้ป่วย ซึ่งขาของหุ่นยนต์จะขับเคลื่อนด้วยระบบคอมพิวเตอร์คอยควบคุมการเคลื่อนไหวของข้อสะโพกและข้อเข่า ทำให้ผู้ป่วยเดินด้วยจังหวะและท่าทางการเดินคล้ายธรรมชาติซึ่งคล้ายคลึงกับการทรงตัวที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวัน มีความถูกต้องตามรูปแบบการเดินมากที่สุด ปลอดภัยและสามารถฝึกฝนซ้ำๆ ได้อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน เป็นการกระตุ้นการเรียนรู้การเคลื่อนไหวทำให้ผู้ป่วยสามารถพัฒนารูปแบบการเดินและเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขาได้มากขึ้นโดยมีการฝึกเดิน 3 -5 ครั้งต่อสัปดาห์ ระยะเวลาในการฝึกครั้งละ 30 -45 นาที โดยประมาณ 12 - 20 ครั้งของการรักษาจะเห็นการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ จากผลงานวิจัยพบว่าการใช้เครื่องหุ่นยนต์ฝึกเดินในการฝึกเดินร่วมกับการฝึกทางกายภาพบำบัด มีแนวโน้มที่จะทำให้ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองกลับมาเดินได้เอง มากกว่าการฝึกทางกายภาพบำบัดอย่างเดียว และได้ผลดีโดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นโรคหลอดเลือดสมองมานาน3 เดือน และยังไม่เคยได้รับการฝึกเดินมาก่อน

2. เครื่องฝึกการทรงตัวบนลู่เดิน (Perturbation Treadmill) พัฒนาเพื่อเพิ่มทักษะด้านการทรงตัวและความมั่นคงในการเดินเป็นเครื่องสำหรับฝึกการทรงตัวบนลู่เดินประกอบด้วยลู่วิ่งไฟฟ้า (Treadmill) ที่ถูกออกแบบมาพิเศษกว่าลู่วิ่งไฟฟ้าทั่วไป คือ สามารถจำลองการเดินได้ 4 ทิศทาง ได้แก่ ทิศทางด้านหน้าหลัง ซ้าย และขวาพร้อมชุดอุปกรณ์พยุงน้ำหนักร่างกาย และระบบคอมพิวเตอร์พร้อมหน้าจอแสดงผล เพื่อการฟื้นฟูและเพิ่มทักษะตอบสนองการทรงตัวขณะที่มีการเคลื่อนไหวในทิศทางต่างๆ คล้ายคลึงกับการทรงตัวที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวันเหมาะสำหรับกลุ่มผู้ป่วยที่มีความบกพร่องหรือมีความผิดปกติของระบบการควบคุมสมดุลของร่างกายและการทรงตัวในขณะยืนและเดิน เพื่อลดโอกาสในการล้มและสามารถเดินโดยไม่ต้องใช้เครื่องช่วยเดิน เช่นผู้สูงอายุผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ผู้ป่วยบาดเจ็บไขสันหลัง ผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน และผู้ป่วยที่มีการบาดเจ็บทางการกีฬา เป็นต้นผู้ป่วยจะได้รับการประเมินการทรงตัว ประเมินความเสี่ยงในการล้ม และประเมินด้วยเครื่องวิเคราะห์การยืนลงน้ำหนักและการเดิน

ทั้งก่อนและหลังสิ้นสุดโปรแกรมการฝึก โดยระยะเวลาในการฝึกต่อครั้ง คือ 20-30 นาที เป็นเวลา 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ต่อเนื่อง 4-9 สัปดาห์จะเห็นการเปลี่ยนแปลงของความสามารถในการทรงตัวโดยผู้ฝึกสามารถปรับระดับความยากของโปรแกรมการฝึกตามความสามารถของผู้ป่วย

3. ศูนย์ทดสอบอุปกรณ์และเครื่องช่วยความพิการทางการเคลื่อนไหวสำหรับคนพิการซึ่งประกอบด้วย ศูนย์ทดสอบรถนั่งคนพิการและศูนย์ทดสอบข้อเข่าเทียมและฝ่าเท้าเทียมรถนั่งคนพิการถือเป็นอุปกรณ์เครื่องช่วยสำคัญที่คนพิการและผู้สูงอายุมีความจำเป็นในการใช้งานโดยเฉพาะกลุ่มคนพิการถาวรที่ไม่สามารถเดินได้ จำเป็นต้องใช้รถนั่งคนพิการที่มีความเหมาะสมมีคุณภาพเสมือนแทนขา เพื่อตอบสนองตามความต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันรถนั่งคนพิการที่ให้บริการในประเทศไทย ส่วนใหญ่นำเข้าจากต่างประเทศ และบางส่วนผลิตขึ้นในประเทศไทยซึ่งสำนักมาตรฐานผลิตภัณฑ์ กระทรวงอุตสาหกรรม ได้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอก.2207-2547 "รถเข็นคนไข้นั่งชนิดพับได้"ไว้แล้ว แต่ยังไม่มีห้องปฏิบัติการที่ให้บริการทดสอบ

ในส่วนที่สองคือศูนย์ทดสอบข้อเข่าเทียมและฝ่าเท้าเทียม ซึ่งประกอบด้วยเครื่องทดสอบข้อเข่าของขาเทียมและเครื่องทดสอบฝ่าเท้าเทียม ซึ่งในปัจจุบันมีการวิจัยในประเทศและมีการนำเข้าส่วนประกอบนี้เพิ่มขึ้น โดยที่ผ่านมาประเทศไทยมีการกำหนดมาตรฐานขึ้นมาภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) แต่ยังขาดศูนย์ที่ทดสอบในประเทศ เพื่อให้เกิดการดำเนินงานเข้าสู่ระบบคุณภาพที่เป็นสากล ทางสถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติได้ร่วมมือกับสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย (สลท.) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อพัฒนาศูนย์ทดสอบทั้ง 2 ศูนย์นี้ให้ได้มาตรฐานระดับสากล เพื่อส่งเสริมงานวิจัย ลดการนำเข้าอุปกรณ์จากต่างประเทศ ร่วมกับการส่งเสริมการผลิตในภาคอุตสาหกรรรมให้ได้มาตรฐานเพื่อส่งเสริมการส่งออกในระดับอาเซียน และยังเป็นการส่งเสริมให้คนพิการได้รับอุปกรณ์ที่มีคุณภาพเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการให้พร้อมเข้าสู่สังคม

ขอบคุณ... http://www.banmuang.co.th/news/bangkok/77343

ที่มา: บ้านเมืองออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 27 มี.ค.60
วันที่โพสต์: 28/03/2560 เวลา 10:24:36 ดูภาพสไลด์โชว์ กรมการแพทย์โชว์ 3 นวัตกรรมเพื่อคนพิการ

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

งานแถลงข่าว "นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อคุณภาพชีวิตคนพิการ" คนพิการเป็นบุคคลที่มีข้อจำกัดในการใช้ชีวิตประจำวันและการมีส่วนร่วมในสังคม จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือในด้านต่างๆ โดยเฉพาะด้านการสาธารณสุข กรมการแพทย์ โดยสถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ จึงได้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมารักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพ เพื่อให้คนพิการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันและมีส่วนร่วมในสังคมได้อย่างบุคคลทั่วไป วันที่ (27 มีนาคม 2560) ที่สถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติกรมการแพทย์ จังหวัดนนทบุรีนายแพทย์ธีรพล โตพันธานนท์ อธิบดีกรมการแพทย์และแพทย์หญิงดารณี สุวพันธ์ ผู้อำนวยการสถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ ร่วมแถลงข่าว "นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อคุณภาพชีวิตคนพิการ" โดยความพิการทางการเคลื่อนไหวเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทยจากรายงานข้อมูลสถานการณ์ด้านคนพิการในประเทศไทย ปี 2558 ของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พบว่า ความพิการทางการเคลื่อนไหวมีมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง (48.81%) และกลุ่มคนพิการวัยสูงอายุ (อายุ 60 ปีขึ้นไป) มีความพิการทางการเคลื่อนไหวมากที่สุด (51.26%) รองลงมาคือกลุ่มคนพิการที่อยู่ในวัยทำงานอายุระหว่าง 15 - 60 ปี (46.08%) ซึ่งหนึ่งในสาเหตุอันดับต้นของความพิการคือ ภาวะความเจ็บป่วยและโรคต่างๆ (30.14%) เช่นโรคหลอดเลือดสมอง ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจตีบ เป็นต้น และเกิดจากอุบัติเหตุ (14.14%) ซึ่งผู้ที่มีชีวิตรอดจากสาเหตุดังกล่าวข้างต้น ได้รับผลที่ตามมาคือพิการหรือทุพพลภาพ ต้องพึ่งพาผู้อื่นในการเดิน และการประกอบกิจวัตรประจำวันต่างๆ มากขึ้น สถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ เป็นหน่วยงานหลักในการประสานงานและพัฒนาวิชาการด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์และอุปกรณ์เครื่องช่วยคนพิการต่างๆ จึงได้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้รักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพ เพื่อให้คนพิการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ดังนี้ งานแถลงข่าว "นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อคุณภาพชีวิตคนพิการ" 1. การฝึกเดินด้วยเครื่องหุ่นยนต์ฝึกเดิน (Lokomat) เทคโนโลยีที่ใช้เพิ่มการทรงตัวและความมั่นคงในขณะเดินให้แก่ผู้ป่วยเป็นการฝึกทักษะการเคลื่อนไหวเรื่องการเดิน ใช้รักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองผู้ป่วยบาดเจ็บสันหลัง ผู้ป่วยเด็กสมองพิการ และผู้ป่วยพาร์กินสัน เป็นต้น ผู้ป่วยจะได้ฝึกเดินบนสายพานเลื่อนที่มีที่พยุงน้ำหนักตัวและมีขาของหุ่นยนต์ปะกบกับขาของผู้ป่วย ซึ่งขาของหุ่นยนต์จะขับเคลื่อนด้วยระบบคอมพิวเตอร์คอยควบคุมการเคลื่อนไหวของข้อสะโพกและข้อเข่า ทำให้ผู้ป่วยเดินด้วยจังหวะและท่าทางการเดินคล้ายธรรมชาติซึ่งคล้ายคลึงกับการทรงตัวที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวัน มีความถูกต้องตามรูปแบบการเดินมากที่สุด ปลอดภัยและสามารถฝึกฝนซ้ำๆ ได้อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน เป็นการกระตุ้นการเรียนรู้การเคลื่อนไหวทำให้ผู้ป่วยสามารถพัฒนารูปแบบการเดินและเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขาได้มากขึ้นโดยมีการฝึกเดิน 3 -5 ครั้งต่อสัปดาห์ ระยะเวลาในการฝึกครั้งละ 30 -45 นาที โดยประมาณ 12 - 20 ครั้งของการรักษาจะเห็นการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ จากผลงานวิจัยพบว่าการใช้เครื่องหุ่นยนต์ฝึกเดินในการฝึกเดินร่วมกับการฝึกทางกายภาพบำบัด มีแนวโน้มที่จะทำให้ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองกลับมาเดินได้เอง มากกว่าการฝึกทางกายภาพบำบัดอย่างเดียว และได้ผลดีโดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นโรคหลอดเลือดสมองมานาน3 เดือน และยังไม่เคยได้รับการฝึกเดินมาก่อน 2. เครื่องฝึกการทรงตัวบนลู่เดิน (Perturbation Treadmill) พัฒนาเพื่อเพิ่มทักษะด้านการทรงตัวและความมั่นคงในการเดินเป็นเครื่องสำหรับฝึกการทรงตัวบนลู่เดินประกอบด้วยลู่วิ่งไฟฟ้า (Treadmill) ที่ถูกออกแบบมาพิเศษกว่าลู่วิ่งไฟฟ้าทั่วไป คือ สามารถจำลองการเดินได้ 4 ทิศทาง ได้แก่ ทิศทางด้านหน้าหลัง ซ้าย และขวาพร้อมชุดอุปกรณ์พยุงน้ำหนักร่างกาย และระบบคอมพิวเตอร์พร้อมหน้าจอแสดงผล เพื่อการฟื้นฟูและเพิ่มทักษะตอบสนองการทรงตัวขณะที่มีการเคลื่อนไหวในทิศทางต่างๆ คล้ายคลึงกับการทรงตัวที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวันเหมาะสำหรับกลุ่มผู้ป่วยที่มีความบกพร่องหรือมีความผิดปกติของระบบการควบคุมสมดุลของร่างกายและการทรงตัวในขณะยืนและเดิน เพื่อลดโอกาสในการล้มและสามารถเดินโดยไม่ต้องใช้เครื่องช่วยเดิน เช่นผู้สูงอายุผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ผู้ป่วยบาดเจ็บไขสันหลัง ผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน และผู้ป่วยที่มีการบาดเจ็บทางการกีฬา เป็นต้นผู้ป่วยจะได้รับการประเมินการทรงตัว ประเมินความเสี่ยงในการล้ม และประเมินด้วยเครื่องวิเคราะห์การยืนลงน้ำหนักและการเดิน ทั้งก่อนและหลังสิ้นสุดโปรแกรมการฝึก โดยระยะเวลาในการฝึกต่อครั้ง คือ 20-30 นาที เป็นเวลา 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ต่อเนื่อง 4-9 สัปดาห์จะเห็นการเปลี่ยนแปลงของความสามารถในการทรงตัวโดยผู้ฝึกสามารถปรับระดับความยากของโปรแกรมการฝึกตามความสามารถของผู้ป่วย 3. ศูนย์ทดสอบอุปกรณ์และเครื่องช่วยความพิการทางการเคลื่อนไหวสำหรับคนพิการซึ่งประกอบด้วย ศูนย์ทดสอบรถนั่งคนพิการและศูนย์ทดสอบข้อเข่าเทียมและฝ่าเท้าเทียมรถนั่งคนพิการถือเป็นอุปกรณ์เครื่องช่วยสำคัญที่คนพิการและผู้สูงอายุมีความจำเป็นในการใช้งานโดยเฉพาะกลุ่มคนพิการถาวรที่ไม่สามารถเดินได้ จำเป็นต้องใช้รถนั่งคนพิการที่มีความเหมาะสมมีคุณภาพเสมือนแทนขา เพื่อตอบสนองตามความต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันรถนั่งคนพิการที่ให้บริการในประเทศไทย ส่วนใหญ่นำเข้าจากต่างประเทศ และบางส่วนผลิตขึ้นในประเทศไทยซึ่งสำนักมาตรฐานผลิตภัณฑ์ กระทรวงอุตสาหกรรม ได้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอก.2207-2547 "รถเข็นคนไข้นั่งชนิดพับได้"ไว้แล้ว แต่ยังไม่มีห้องปฏิบัติการที่ให้บริการทดสอบ ในส่วนที่สองคือศูนย์ทดสอบข้อเข่าเทียมและฝ่าเท้าเทียม ซึ่งประกอบด้วยเครื่องทดสอบข้อเข่าของขาเทียมและเครื่องทดสอบฝ่าเท้าเทียม ซึ่งในปัจจุบันมีการวิจัยในประเทศและมีการนำเข้าส่วนประกอบนี้เพิ่มขึ้น โดยที่ผ่านมาประเทศไทยมีการกำหนดมาตรฐานขึ้นมาภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) แต่ยังขาดศูนย์ที่ทดสอบในประเทศ เพื่อให้เกิดการดำเนินงานเข้าสู่ระบบคุณภาพที่เป็นสากล ทางสถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติได้ร่วมมือกับสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย (สลท.) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อพัฒนาศูนย์ทดสอบทั้ง 2 ศูนย์นี้ให้ได้มาตรฐานระดับสากล เพื่อส่งเสริมงานวิจัย ลดการนำเข้าอุปกรณ์จากต่างประเทศ ร่วมกับการส่งเสริมการผลิตในภาคอุตสาหกรรรมให้ได้มาตรฐานเพื่อส่งเสริมการส่งออกในระดับอาเซียน และยังเป็นการส่งเสริมให้คนพิการได้รับอุปกรณ์ที่มีคุณภาพเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการให้พร้อมเข้าสู่สังคม ขอบคุณ... http://www.banmuang.co.th/news/bangkok/77343

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...