พิการ ผ่าตัด 8 ครั้ง แต่ใจกตัญญู ทำขนมไทยขาย ช่วยแม่ป่วยโรคหัวใจ
[/p]
[b]ยอมเป็นหนี้เพื่อรักษาชีวิตลูก :[/b]
ช่วงที่วีออสเข้ารับการผ่าตัด คุณแม่เปิดใจกับเราว่า มีค่าใช้จ่ายสูงมาก แม้ว่าน้องจะเป็นคนพิการอยู่แล้ว และคนมักจะเข้าใจว่าผู้มีบัตรคนพิการไม่ต้องเสียเงินยามรักษาพยาบาล แต่ความเป็นจริงมันมีส่วนต่างที่ต้องจ่ายเพิ่มต่างๆ นานา
"เช่น ค่าเหล็กไททาเนียมที่ใช้รองกระดูกสันหลังตอนผ่าตัด เวลาทำความสะอาดเครื่องอุปกรณ์ก็เสียเกือบ 3 หมื่นบาท ซึ่งที่เราตัดสินใจใช้ส่วนนี้ เพราะหมอแนะนำว่า ถ้าไม่ใช้จะมีผลกระทบหลังผ่าตัด เบาสุดคือน้องฟื้นตัวช้า หนักสุดคือเดินไม่ได้ เราจึงเลือกใช้อุปกรณ์ แต่ถ้าใช้ไปแล้วไม่มีเงินจ่าย แพทย์ก็อาจจะต้องนำออก ซึ่งเราต้องรับผลที่จะตามมาให้ได้ อย่างไรก็ตาม พอเราใช้ปุ๊บ น้องก็ฟื้นตัวเร็วเหมือนที่หมอแนะนำจริงๆ"
คุณแม่ เล่าว่า ค่าพยาบาลที่นำมารักษาน้อง ใช้เงินที่มีอยู่ทุ่มให้จนหมด มีบ้านมีรถก็นำไปจำนอง อะไรที่ขายได้ก็ขายให้ได้เงิน แม้ว่าจะไม่มียังไงก็ต้องดิ้นรนทุกวิธี เพื่อพาลูกไปหาหมอให้ได้
"ช่วงที่ลูกยังไม่ป่วยถือว่ารายได้ค่อนข้างดี เราเปิดร้านขายของที่ระลึกในตลาดน้ำให้กับชาวต่างชาติ แต่ช่วงที่ลูกต้องผ่าตัดดันตรงกับช่วงโควิดพอดี ทำให้ของขายได้น้อยลง รายรับที่เข้ามาเริ่มไม่เพียงพอ แล้วเราก็ต้องดึงเงินที่มีมาเพื่อรักษาเขา เลยทำให้กิจการล้ม เกิดภาวะเป็นหนี้"
"แต่ถึงเราจะเป็นหนี้ก็ต้องยอม เพราะหมอบอกว่า "ถ้าไม่ผ่าตัดน้องจะตาย" เราคิดว่าสมบัติยังไงก็ต้องหาได้ ตอนนี้ไม่มีไม่เป็นไร ไปตายเอาดาบหน้า เดี๋ยวค่อยไปรับจ้างทำอย่างอื่น ยอมจ่ายเงินเพื่อรักษาชีวิตลูกก่อน"
...
คุณแม่ เปิดใจว่า ที่ต้องพยายามดิ้นรนทุกทางเพื่อช่วยชีวิตลูกไว้ เพราะเราเคยไม่อยากมีชีวิตอยู่ จนวันหนึ่งที่มีลูก ลูกเป็นเหมือนกำลังใจให้เราอยากก้าวต่อ วันหนึ่งที่รู้ว่าลูกอาจจากเราไป ไม่ว่าจะบ้าน รถ หรืออะไรก็แล้วแต่ มันไม่มีความหมายอีกเลย ทองที่อยู่ในตัวก็ยังไม่มีค่าเท่าลูก
[b]เริ่มขายของ เพราะเห็นแม่โดนทวงหนี้ :[/b]
จนกระทั่งวีออสอายุ 16 ปี เขาได้รู้ว่าแม่เป็นหนี้จากการหาเงินมารักษาตนเอง ตลอดเวลาที่ผ่านมา แม่ไม่เคยเอ่ยปากถึงปัญหานี้เลย แต่เขารู้เพราะคนทวงหนี้มักจะมาที่บ้าน แล้วทวงเงินเสียงดัง อีกทั้งยังเห็นแม่ร้องไห้เพราะความเครียด
"ตอนที่เริ่มเห็นแม่ร้องไห้ ผมก็รู้สึกเศร้ามาก เพราะกลัวว่าแม่จะเป็นอะไรไป" วีออสกล่าวกับทีมช่าวฯ
เมื่อเหตุการณ์ทางบ้านเริ่มไม่สู้ดีนัก ทำให้คนิรุทธ์เริ่มคิดหารายได้ช่วยแบ่งเบาแม่ จึงตัดสินใจขอเงินไปร้านของเล่นมือสอง หาฟิกเกอร์ที่เกี่ยวกับอนิเมะมาโพสต์ขาย ซึ่งตัวเขาเองค่อนข้างมั่นใจว่าจะสามารถสร้างเงินจากตรงนี้ได้
คุณแม่ เล่าเสริมขึ้นมาว่า ครั้งแรกน้องขอเงินไปซื้อประมาณ 300-400 บาท แล้วไปขายต่อได้ประมาณ 800 บาท เขาวิ่งมาอวดเราทำนองว่า 'ทำได้แล้ว' และยังบอกอีกว่า ถ้าซื้อได้เยอะขึ้น ก็จะทำกำไรได้กว่านี้ ตัวเราเองพยายามเชื่อมั่นว่าลูกทำได้ แต่ก็เตือนให้ระวังหน่อย เพราะถ้าเงินหมดก็จะไม่มีแล้ว ไปยืมใครก็ลำบาก
ทีมข่าวฯ สงสัยว่า น้องวีออสชื่นชอบอนิเมะเป็นทุนเดิมอยู่แล้วหรือ ถึงรู้ว่าตัวไหนจะขายได้หรือไม่ได้?
คุณแม่ ให้คำตอบว่า เกิดจากช่วงที่เขานอนรักษาตัว ไม่สามารถไปไหน เลยนอนดูการ์ตูน เรียกได้ว่าดูเยอะจนจำรายละเอียดได้ เขาไปเข้ากลุ่มเฟซบุ๊กที่เกี่ยวกับอนิเมะ เริ่มศึกษาเองจนพอจะเดาได้ว่าควรไปซื้อของที่ไหน ซื้ออะไร มาขายใคร และตั้งราคาเท่าไร
วีออส ยอมรับว่า ช่วงที่ขายของจากอนิเมะได้ดี ทำให้มีรายได้มาช่วยเหลือแม่ระดับหนึ่ง แต่เมื่อนานวันเข้า สิ่งของเหล่านั้นราคาเริ่มตกลง และคู่แข่งในตลาดมากขึ้น ทำให้ตัวเขาเองต้องเริ่มมองหาอะไรใหม่ๆ แต่ก็ยังคิดไม่ออกว่าจะขายอะไรดี
พิการ ผ่าตัด 8 ครั้ง แต่ใจกตัญญู ทำขนมไทยขาย ช่วยแม่ป่วยโรคหัวใจ