ถอดอคติ จุดประกายสังคม เพราะ ‘คนพิการ’ คือเพื่อนของเรา
[/p]
[b]จุดประกายสังคมแห่งการอยู่ร่วมกัน เริ่มจากรู้จัก เข้าใจ และเป็นเพื่อนกัน[/b]
แม้การทำงานด้านคนพิการของคุณต่อ อาจเริ่มต้นจากความสงสารเช่นเดียวกับภาพจำที่สังคมไทยมีต่อผู้พิการในมุมมองเชิงสงเคราะห์ หรือ ‘เวทนานิยม’ (Charity Model) ซึ่งเป็นอคติที่อันตรายที่สุด เพราะทำให้ผู้คนมองผู้พิการว่าด้อยกว่า ต้องได้รับความเมตตา ความสงสาร และให้การช่วยเหลือ นานวันเข้า ผู้พิการก็เริ่มเชื่อว่าตนนั้นน่าสงสารและควรได้รับความช่วยเหลือ ทว่าเมื่อคุณต่อได้มีโอกาสในการมีปฏิสัมพันธ์และทำงานกับคนพิการ ทัศนคติเรื่องคนพิการก็เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะจากการจัดกิจกรรม ‘วิ่งด้วยกัน’
“แรก ๆ อาสาสมัครมาเพราะสงสารคนพิการ อยากมาทำบุญ อยากมาสงเคราะห์ อยากมาช่วยเหลือคนพิการ แต่พอเขาได้ใช้เวลาร่วมกัน วิ่งไปด้วยกัน และรู้จักกัน จากการทำบุญเปลี่ยนเป็นการวิ่งไปกับเพื่อนคนหนึ่ง มิตรภาพก่อตัวขึ้นระหว่างคนสองคนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง”
การวิ่งนี้จึงเป็นการเปิดพื้นที่ให้คนพิการและคนไม่พิการมาใช้เวลาร่วมกัน แบ่งปันประสบการณ์ และสร้างสายสัมพันธ์ สิ่งสำคัญจึงเป็นการได้รับ ‘สุขภาพ’ และ ‘มิตรภาพ’ เพราะการเป็นเพื่อนกับใครสักคนหนึ่ง ทำให้เรามองข้ามความบกพร่อง/ความพิการ และมองคนคนนั้นเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งที่มีความแตกต่างหลากหลาย
นอกจากการเริ่มให้ผู้พิการและผู้ไม่พิการรู้จักและเข้าใจกันมากขึ้น อีกตัวช่วยหนึ่งที่น่าสนใจ คือการนำเทคโนโลยีเข้ามาแก้ปัญหา อย่างแอปพลิเคชัน ‘พรรณนา’ (pannana) ที่เกิดจากการทำงานร่วมกับบริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ทำให้คนตาบอดสามารถดูหนังพร้อมกับคนตาดี ผ่านระบบเสียงบรรยายภาพ
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการคลี่ปมปัญหาไม่กี่เปลาะ เพราะยังมีอีกหลายอย่างที่รอคอยความร่วมมือ เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงและแก้ไข สู่สังคมที่มีพื้นที่ให้ความแตกต่างหลากหลายและอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ
“แค่คุณมีเพื่อนเป็นคนพิการสักคนหนึ่ง ความคิดเรื่องคนพิการคุณจะเปลี่ยนไปทันที คุณจะไม่รู้สึกว่าคนนี้น่าสงสาร คนนี้ต้องสงเคราะห์เขา แต่เขาคือเพื่อนที่เราอยากไปเที่ยว ไปดูหนัง ไปชอปปิงด้วยกัน แล้วทำไมเขาไปไม่ได้ ทำไมการเดินทางของเขาถึงเป็นปัญหา โจทย์สำคัญคือทำอย่างไรให้คนพิการและคนไม่พิการมาเจอ มาอยู่ในสังคมเดียวกัน”
ถอดอคติ จุดประกายสังคม เพราะ ‘คนพิการ’ คือเพื่อนของเรา