แม้ยากก็อยากทำ คุณค่าจากคนตาบอดที่มุ่งพิสูจน์ตัวเอง
[/p]
[b]จากนี้คือชีวิตจริงของ 'คนตาบอด' ที่เลือก 'ลงมือทำ' และสู้กับทุกสิ่ง แม้โลกใจร้ายพรากการมองเห็นของเธอไป…
สูญเสียการมองเห็น และการใช้ชีวิตช่วงแรก:
เป็นเวลากว่า 10 ปี ที่ชีวิตของ 'ป้าป้อม' ต้องสูญเสียการมองเห็น ดวงตาที่เคยเป็นประกาย กลับต้องมืดดับลง ช่วงชีวิตที่เคยสดใส ต้องสูญเสียไปพร้อมสายตา[/b]
ป้าป้อม เล่าย้อนอดีตให้ทีมข่าวฯ ฟังว่า ก่อนที่จะมองไม่เห็นไม่รู้ว่าเป็นอะไร แค่รู้สึกว่าการมองเห็น 'เริ่มลดลง' ความคิด การอ่าน ทุกอย่างช้าลงหมด รวมถึงการเคลื่อนไหวก็ไม่คล่องแคล่ว และหลังจากเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เธอก็เริ่มสูญเสียการมองเห็น จากที่เห็นภาพขาวจางๆ วันหนึ่งก็มืดบอดสนิท
"หลังจากมองไม่เห็นแล้ว ช่วงแรกเราทำอะไรเองไม่ได้ กลับมาบ้าน คนที่บ้านก็บอกว่าไม่ต้องไปฝึก ไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องทำกายภาพ เขาเลี้ยงได้"
ป้าป้อม เล่าต่อว่า แรกๆ คนในบ้านจะเอาอาหารมาวางไว้ให้ ส่วนอย่างอื่นลูกสาวคนเล็กจะมาทำให้ ทำทุกอย่างที่เตียง ช่วงนั้นใช้ชีวิตแบบ 'หมดอาลัยตายอยาก' บางครั้งลูกมาเห็นเราเขาก็ร้องไห้
'สงสารลูกสาว' จุดเปลี่ยน และจุดยืนของชีวิต :
ป้าป้อม เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว มีลูกสาว 2 คน คนโตย้ายไปอยู่ข้างนอก ส่วนคนเล็กอายุ 13 (ในขณะนั้น) อยู่กับเธอที่บ้าน
ป้าป้อม บอกกับเราว่า "คนเล็กเป็นคนที่สนิทมากที่สุด เขาดูแลเราตลอด ตอนนั้นเขาอายุแค่ 13 ปี และเรายังมีประจำเดือน ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แต่ลูกสาวคนนี้ทำให้หมด เราคิดว่าลูกคงเหนื่อย เพราะแค่ 13 เอง ไม่ได้ไปเที่ยวเล่นอย่างคนอื่น ต้องมาคอยดูแลแม่"
ป้าป้อม หันมาช่วยเหลือตัวเองมากขึ้น เธอเริ่มคลานไปเข้าห้องน้ำเอง แม้ร่างกายจะชนนู่นบ้างนี่บ้าง และลูกจะพยายามช่วย แต่เธอก็บอกว่า "ไม่เป็นไร ต้องพยายามทำให้ได้"
"เราไม่ยอมแพ้เพราะยังมีลูกสาวคอยอยู่ข้างๆ แม้ว่าเขาจะไม่เคยพูดอะไร แต่ก็รู้สึกได้ว่าเขา 'รัก' เรา เราไม่อยากให้เขาเสียใจ และไม่อยากให้ตัวเองเป็นภาระ จึงพยายามปรับตัวไปเรื่อยๆ ตอนนั้นเหมือนเรากลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ส่วนลูกสาวกลายเป็นแม่" ป้าป้อม กล่าวติดตลก พร้อมเสียงหัวเราะเล็กๆ ที่ถูกส่งผ่านปลายสาย
ตัดสินใจขอทุนฝึกที่ศิริราช :
เมื่อยังมีลูกสาว 2 คนคอยหยัดยืนเคียงข้างไม่ห่าง ผู้เป็นแม่คนนี้ตัดสินใจลุกขึ้นอีกครั้งเพื่อต่อสู้กับชีวิตให้ก้าวเดินต่อไปข้างหน้า
ป้าป้อม บอกว่า เราเห็นที่ศิริราชสามารถขอทุนฝึกคนพิการได้ จะฝึก 3 เดือน และมีเงินให้วันละ 150 บาท เราจึงขอให้ลูกสาวคนโตมาพาเราไป ลูกก็พาไปด้วยความทุลักทุเลพอสมควร พอช่วงเดือนเมษายน 2555 ก็ได้รับทุนให้ไปฝึก
แม้ยากก็อยากทำ คุณค่าจากคนตาบอดที่มุ่งพิสูจน์ตัวเอง