ลุงตาบอดชาวสระบุรี ร้องสื่อขอความเป็นธรรม ถูกไล่ที่ไร้ที่อยู่อาศัย
[/p]
ต่อมาปี 2551 ชาวบ้านทั้ง 4 ครัวเรือนจึงถูกบุคคลซึ่งออกโฉนดที่ดินทับฟ้องขับไล่ เมื่อชาวบ้านดังกล่าวรวมตัวกันดิ้นรนร้องทุกข์ต่อหน่วยงานราชการต่างๆเพื่อขอความช่วยเหลือบรรเทาทุกข์แต่ไม่ได้รับการเหลียวแลจึงร่วมกันต่อสู้คดีด้วยความยากจนโดยลำพังและแพ้คดีไปเมื่อปี 2562 สร้างความเดือดร้อน ทุกข์เข็ญต้องขวนขวายหาที่พักพิงและเลี้ยงชีพเพื่อประทังชีวิตทั้งครอบครัว ประกอบกับช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ก็กระหน่ำซ้ำซัดทำให้ชาวบ้านดังกล่าวต้องประสบชะตากรรมยากแค้นแสนสาหัสเรื่อยมาบางคนสูญเสียดวงตา เงินทองที่รวบรวมได้มาต้องหมดไปกับการต่อสู้ดิ้นรนหาคนช่วยเหลือมากว่า15ปี จึงได้รวมตัวกันมาร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมต่อสื่อมวลชนให้ลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่าที่ดินกว่า7ไร่ของชาวบ้านที่ถูกขับไล่มีสภาพรกร้างไม่ได้ทำประโยชน์แต่อย่างใด แต่มีร่องรอยซากบ้านเรือน ถูกทุบทิ้งพังเสียหายหญ้าวัชพืชขึ้นปกคลุมเป็นป่า เสาไฟฟ้าและท่อน้ำประปาถูกทิ้งร้าง แต่มีถนนดินที่ชาวบ้านใช้สัญจรผ่านไปห้วยหนองเขื่อนช้าง โดยชาวบ้านขอให้สื่อมวลชนช่วยนำเสนอถึงความเดือดร้อนทุกข์ยากเพื่อขอความเป็นธรรมด้วย
[b]นายวิพันธ์ มณีวัฒน์ หรือ ลุงพันธ์ ซึ่งพิการทางสายตา(ตาบอด) เล่าว่า[/b] ที่อยู่กันแถวนี้จะมีบ้านอยู่ทั้งหมด 4 หลัง ที่ผ่านมาเคยไปร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรม ร้องผู้จัดการแผ่นดิน ไปสภาทนายความ ไป อบต. ไปหลายที่เลยครับ หลายหน่วยงานที่ไป เค้าบอกว่าที่เราออกโฉนดไม่ได้เพราะที่ของเราเป็นที่ดินสาธารณะ เค้าออกไม่ได้ แต่พวกนั้นเค้าออกได้ ตอนนี้พวกลุงก็ยังสงสัยอยู่ ทีเวลาลุงออกไม่ได้ แต่คนที่ข้างเคียงทำไมออกมาได้ โดยออกโฉนดมาคร่อมที่ของเราแล้วยังขับไล่เราด้วย ลุงว่าลุงจะความเป็นธรรมกับสื่อ เพราะสื่อเป็นกระบอกเสียงของประชาชน เคยทำให้คดีต่างๆได้รับความเป็นธรรมเยอะแล้ว ผมก็เลยคิดว่า ทางเลือกสุดท้ายของลุงก็ต้องเป็นสื่อ ผมก็เลยดีใจว่าจะพาชาวบ้านฝ่าฟันอุปสรรคไปได้ เพราะไม่มีที่อยู่อาศัย เดือดร้อนมากตอนนี้ ผมก็หวังว่าพึ่งสื่อนี่คือหน่วยงานสุดท้าย หวังว่าที่จะเข้าถึงได้ สื่อมีหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างแท้จริงโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนแต่อย่างใด ดีกว่าหน่วยงานราชการบางหน่วยที่ผ่านมา เพราะเค้าไม่ยอมช่วยเหลืออะไรเลย
ลุงตาบอดชาวสระบุรี ร้องสื่อขอความเป็นธรรม ถูกไล่ที่ไร้ที่อยู่อาศัย