จากชายที่ต้องกลายเป็นคนพิการในชั่วข้ามคืน มาเป็นผู้นำกลุ่มพุทธวจนในกรุงเบอร์ลินได้อย่างไร
[/p]
ในช่วงที่เขาป่วยอยู่ เขาทราบข่าวว่าสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จไปยัง อ.นาเกลือ จ.ชลบุรี เขารีบขี่มอเตอร์ไซค์เพื่อไปรับเสด็จที่โรงเรียน แต่เมื่อไปถึงเขากลับเป็นลมหมดสติ และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลบางละมุง เมื่อฟื้นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น เขาพบว่าตัวเองพูดไม่ได้อีกแล้ว
"วันนั้นหน้ามืด ตาลาย แขนขาไม่มีแรง และเป็นลมหมดสติไป ถูกพาส่งโรงพยาบาลไม่รู้สึกตัวอยู่ 2 วัน พอได้สติก็พูดไม่ได้แล้ว" สรรพสิทธิ์เขียนเล่าเรื่องราวผ่านจอไอแพด ซึ่งเป็นวิธีการสื่อสารแทนการพูดที่สะดวกสำหรับเขา
ครอบครัวตัดสินใจรับตัวเขากลับไปอยู่อุบลฯ เขาไปหาหมอ แต่ไม่ได้รับการตรวจรักษาอย่างละเอียด เพราะไม่มีเงิน หมอทำได้แค่ให้ยาตามอาการ
"แม่พากลับอุบลฯ ไปโรงพยาบาล แต่ต้องเสียค่าตรวจ 5,000 บาท ไม่มีเงินจะซื้อชีวิตเลยต้องกลับบ้านไป แบบหมดหวัง นึกถึงวันนั้นทีไรก็ร้องไห้ทุกที" สรรพสิทธิ์เล่า
ช่วงที่ป่วยใหม่ ๆ เขามีสติและรู้ตัวดี แต่ร่างกายไม่มีแรง เดินเหินไม่คล่อง หมอบอกเขาว่าหมดทางรักษา เพราะไม่ทราบสาเหตุ เขาหันไปพึ่งแพทย์แผนโบราณ แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น ความรู้สึกอึดอัดที่พูดไม่ได้ ทำให้รู้สึกทุกข์กายทุกข์ใจจนอยากตาย
[b]ฝันสลายเมื่อกลายเป็นคนพิการ [/b]
ในวัยเด็กสรรพสิทธิ์มีอาชีพในฝันหลายอย่าง ทั้งครู นักธุรกิจ อัยการ พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน และมัคคุเทศก์ แต่เมื่อมาป่วย เขารู้ดีว่าความฝันเหล่านั้นพังทลายลงแล้ว มีเพื่อนคนหนึ่งแนะนำให้เรียน ฝึกอาชีพสำหรับคนพิการ แต่เขากลับรู้สึกโกรธ เพราะทำใจยอมรับความพิการไม่ได้ และปล่อยเวลาล่วงเลยไปโดยเปล่าประโยชน์ เพียงหวังว่าจะหายเป็นปกติสักวันหนึ่ง
แต่เพื่อนคนเดิมยังคอยให้กำลังใจ และให้ข้อคิดว่าการมีความรู้ด้านวิชาชีพ จะทำให้สามารถมีรายได้เป็นของตัวเอง ไม่ต้องเป็นภาระของใคร เขาจึงตัดสินใจลุกขึ้นสู้
จากชายที่ต้องกลายเป็นคนพิการในชั่วข้ามคืน มาเป็นผู้นำกลุ่มพุทธวจนในกรุงเบอร์ลินได้อย่างไร