ศูนย์ฝึกคนพิการอาเซียน ภูมิสถาปัตย์แห่งอาชีพ-คุณภาพชีวิต
[/p]
[b]มีใครบางคนกล่าวว่า…คนพิการเป็นคนจนที่สุด ในหมู่คนจนทั้งหลาย ตรงนี้อาจเป็นสิ่งสะท้อนว่านอกจากผู้พิการจะมีอุปสรรคจากความไม่สมประกอบทางร่างกาย ยังเป็นกลุ่มคนที่ถูกซ้ำเติมจากการดำรงชีวิตอย่างไม่มีคุณภาพอีกด้วย [/b]
เพราะจากข้อมูลของกรมส่งเสริม และพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการเปิดเผยว่า ประเทศไทยมีผู้พิการที่จดทะเบียนทั่วประเทศ 1.8 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 2.72 ของประชากรทั้งหมด โดยจำนวนนี้มีผู้พิการที่อยู่ในวัยแรงงานคืออายุระหว่าง 15-60 ปี จำนวน 8 แสนคน หรือร้อยละ 44.5 แบ่งย่อยเป็นผู้พิการที่มีงานทำจำนวน 2.2 แสนคน ผู้พิการที่ทำงานได้แต่ยังไม่มีงานทำ 4.5 แสนคน และมีผู้พิการที่อยู่ในวัยทำงาน แต่ไม่สามารถทำงานได้เนื่องจากพิการรุนแรงอีกราว 1.2 แสนคน
จำนวนตัวเลขเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าผู้พิการถึง 5.7 แสนคน ที่ไม่มีงาน ไม่มีรายได้ ซึ่งเป็นโจทย์ที่ท้าทายว่าจะสามารถช่วยเหลือผู้พิการกลุ่มนี้ได้อย่างไร และด้วยวิธีใดจึงจะเหมาะสมกับพวกเขามากที่สุด
[b] “ศ.วิริยะ นามศิริพงศ์พันธุ์” ประธานมูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ ผู้เป็นผู้ริเริ่มศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน โดยเขามองว่าการสร้างงานให้ผู้พิการสามารถประกอบอาชีพอิสระจนดำรงตนอยู่ได้จะเป็นทางออกที่ช่วยให้ผู้พิการที่กระจายอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ หลุดพ้นจากความยากจน และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขี้นได้ [/b]
“ทางออก หรือแนวทางที่จะช่วยเหลือคนพิการทั่วประเทศ ที่ส่วนใหญ่อยู่ในชนบท มีฐานะยากจน และไม่มีอาชีพที่แน่นอนให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น [b]จะต้องให้ผู้พิการ และครอบครัวประกอบอาชีพที่ทำได้จริงด้วยตนเอง โดยอาชีพเหล่านั้นต้องเป็นอาชีพ อิสระ ใช้พื้นที่น้อย ลงทุนต่ำ รายได้ดีเพียงพอ ที่สุดจึงมีการสร้างศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เพื่อเป็นสถานที่ฝึกอบรมด้านอาชีพ โดยออกแบบหลักสูตรมาเพื่อคนพิการ ผู้ดูแลคนพิการ และครอบครัวของผู้พิการให้เข้ารับการอบรมภาคทฤษฎี 93 ชั่วโมง ภาคปฏิบัติ 507 ชั่วโมง รวมทั้งสิ้น 3 เดือน หรือ 100 วัน [/b]
ทั้งนี้ ผู้พิการ หรือผู้ดูแลผู้พิการจะต้องมาใช้ชีวิตอยู่ที่ศูนย์ เรียนรู้ตั้งแต่ต้นน้ำคือการเพาะปลูก กลางน้ำคือการหาตลาด บริหารต้นทุน ไปจนถึงปลายน้ำคือการแปรรูป ปัจจุบันทางศูนย์ฝึกอาชีพ 3 ด้าน คือการเพาะเลี้ยงจิ้งหรีด เพาะเห็ดนางฟ้าภูฏาน และการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ ซึ่งเป็นอาชีพที่มีรอบการผลิตต่ำใช้เวลา 45 วัน ทั้งยังเป็นสินค้าที่มีความต้องการของตลาดสูง
1.ศ.วิริยะ นามศิริพงศ์พันธุ์ 2.ดร.อธิป อัศวานันท์ 3.พิษณุพงศ์ ทรงคำ