แม่พิการ พ่อทิ้ง นร.ม.2สู้ไม่ถอย กรีดยางส่งเสียตัวเองเรียน ครูวอนช่วย
[/p]
[b]นางรุจี กล่าวอีกว่า [/b]เมื่อพาครอบครัวกลับมา พบว่าบ้านที่ได้รับมรดกจากแม่ผุพังเนื่องจากปลวกกิน นายมาโนช แสงมณี อายุ 45 ปี พี่ชายของตน จึงชวนให้มาอยู่ด้วย โดยให้ตนและครอบครัวอาศัยอยู่ห้องชั้นล่าง และนำ ด.ช.กฤษฎา ไปสมัครเข้าเรียนชั้น ม.1 ที่โรงเรียนเตรียมอุดมพัฒนาการอุดรธานี ซึ่งสามีได้ทำงานรับจ้าง ส่วนตนมีอาการป่วยโรคเบาหวาน ทำงานอยู่บ้าน กระทั่งวันที่ 17 ธันวาคม 2559 สามีได้เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทาง บอกตนว่าอยู่ไม่ได้ จะกลับไปอยู่บ้านเกิด จ.ยโสธร เพื่อไปหางานทำ ส่งเงินมาให้ลูกเรียนหนังสือ ตนไม่ได้ว่าอะไร คิดว่าสามีคงจะรู้สึกอึดอัดที่ต้องมาอาศัยบ้านญาติ จึงตามใจสามี
[b]ผู้เป็นแม่ กล่าวด้วยว่า หลังจากที่สามีกลับไป จ.ยโสธร สัปดาห์แรกได้โทรกลับมาบอกว่าคิดถึงลูก จากนั้นสามีก็หายเงียบไป ไม่ติดต่อมาอีกเลย ตนต้องออกไปทำงานรับจ้างหาเงินให้ลูกไปโรงเรียน แต่โชคร้ายยังเดินไปเหยียบฟืนที่ติดไฟ ทำให้เป็นแผลที่ฝ่าเท้าขวา แพทย์รักษาพบว่าแผลติดเชื้อ ต้องตัดขาตั้งแต่ต่ำกว่าหัวเข่าทิ้ง เพื่อไม่ลุกลามและรักษาชีวิต เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2559 ตนต้องเป็นคนพิการ ต้องรับเงินค่าพิการเดือนละ 800 บาท ไม่มีรายได้อื่นอีกเลย [/b]
นางรุจี เล่าต่อไปว่า แม้ครอบครัวจะขาดแคลน แต่ลูกก็ไม่เคยเกเร จะออกไปรับจ้างกรีดยาง หยอดน้ำกรด เก็บขี้ยาง ทำไร่มันสำประหลัง ทำนา ตามที่ชาวบ้านจ้าง จะได้เงินวันละ 50-100 บาท เพื่อไปโรงเรียน หลังเสร็จงานลูกจะไปเล่นเตะฟุตบอลกับเพื่อนๆ ในหมู่บ้าน เพราะมีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักฟุตบอล ส่วนเงินคนพิการ 800 บาท ได้แบ่งไว้ให้ค่ารถโรงเรียนเดือนละ 400 บาท แต่ก็ไม่มีเงินซื้อเสื้อผ้าและสิ่งของเครื่องใช้ใหม่ให้ลูกเลย
[b]"รู้สึกสงสารและห่วงลูกมาก อยากให้ลูกมีอนาคต อยากให้เรียนหนังสือสูงๆ อยากมีบ้านให้ลูกอยู่ แต่เราพิการจึงไม่สามารถส่งเสริมลูกได้ แต่ลูกก็ไม่เคยบ่นน้อยใจ ยังออกไปรับจ้างกรีดยาง หาเงินไปโรงเรียน ตั้งใจเรียน เป็นเด็กดีไม่เคยเกเร เพราะใฝ่ฝันว่าอยากจะเป็นตำรวจ” [/b]นางรุจี เล่าทั้งน้ำตา
แม่พิการ พ่อทิ้ง นร.ม.2สู้ไม่ถอย กรีดยางส่งเสียตัวเองเรียน ครูวอนช่วย