ญี่ปุ่นถกเครียดเรื่องงานล่วงเวลา หลังสื่อใหญ่รับมีนักข่าวทำงานจนตาย
ก่อนหน้านี้ไม่นาน [b]มีกรณีการทำงานหนักจนตายของ น.ส.มัตสึริ ทะคะฮะชิ พนักงานของบริษัทโฆษณาเดนท์สุ ซึ่งต้องทำงานล่วงเวลาถึง 100 ชั่วโมงในเดือนเดียว[/b] จนเป็นเหตุให้เกิดความเหนื่อยล้าและความเครียดสะสมรุนแรง จนก่อเหตุฆ่าตัวตายไปในปี 2015 แต่ศาลของกรุงโตเกียวเพิ่งมีคำตัดสินเมื่อวานนี้ (6 ต.ค.) ให้บริษัทเดนท์สุจ่ายค่าปรับเพื่อเป็นการรับโทษในกรณีดังกล่าวเพียง 500,000 เยน (ราว 150,000 บาท) ฐานละเมิดกฎหมายแรงงานเท่านั้น
[b]ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้ รศ.สกอตต์ นอร์ธ ผู้เชี่ยวชาญด้านสังคมวิทยาที่มหาวิทยาลัยโอซากาออกมาชี้ว่า ปรากฏการณ์ "คะโรฉิ" นั้นเป็นปัญหาเรื้อรังของสังคมญี่ปุ่น[/b] ซึ่งปฏิกิริยาตอบสนองที่ไม่จริงจังจากทางการและคำสั่งลงโทษแบบประนีประนอมจากศาลที่เพิ่งมีขึ้น คงไม่ช่วยให้บริษัทและองค์กรต่าง ๆ ปรับตัวเรื่องการปฏิบัติต่อพนักงานดีขึ้นสักเท่าไหร่
[b]"การตายของพนักงานที่เกิดขึ้นแค่บางครั้งบางคราวนั้น ถือว่าเป็นต้นทุนที่เสียไปเพียงจำนวนเล็กน้อย เมื่อเทียบกับการประหยัดค่าจ้างแรงงานทั้งระบบ ที่ได้จากการกดดันให้ลูกจ้างทำงานล่วงเวลาโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน"[/b] รศ.นอร์ธกล่าว
ในกรณีของ น.ส.ซะโดะ ผู้สื่อข่าวการเมืองของเอ็นเอชเคที่เสียชีวิตไปเมื่อ 4 ปีก่อนนั้น มีการเปิดเผยว่า[b]เธอทำงานล่วงเวลาถึง 159 ชั่วโมงในเดือนเดียว และมีวันหยุดเพียง 2 วันในเดือนก่อนที่เธอจะเสียชีวิต[/b] พ่อแม่ของเธอกล่าวว่า "แม้ในทุกวันนี้ เรายังยอมรับแทบไม่ได้ว่าการตายของลูกเป็นเรื่องจริง หวังว่าความเศร้าโศกของครอบครัวเราจะไม่สูญเปล่า"
[b]มีบันทึกว่าพบกรณีการทำงานหนักจนตายครั้งแรกในญี่ปุ่น เมื่อช่วงทศวรรษ 1960[/b] ซึ่งเศรษฐกิจของประเทศกำลังเฟื่องฟู ส่วน[b]ในปัจจุบันพบเหตุการณ์ตายที่เกี่ยวข้องกับ "คะโรฉิ" หลายร้อยกรณีในแต่ละปี[/b] ซึ่งรวมถึงผู้ที่ตายจากอาการหัวใจวาย เส้นเลือดในสมองตีบหรือแตก รวมทั้งผู้ที่ฆ่าตัวตายเพราะมีความเครียดจากงานอย่างหนักด้วย
[b]สำรวจของรัฐบาลปีที่แล้วพบว่า 1 ใน 4 ของบริษัทญี่ปุ่น ปล่อยให้พนักงานทำงานล่วงเวลาถึง 80 ชั่วโมงต่อเดือน ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้รับค่าแรงเพิ่ม[/b] และมีกิจการจำนวน 12% ของทั้งประเทศที่บังคับให้พนักงานทำงานล่วงเวลาถึงกว่า 100 ชั่วโมงต่อเดือน
[b]รศ. นอร์ธระบุว่า มีผู้ที่ยื่นเรียกร้องค่าชดเชยจากรัฐบาลกรณีมีญาติที่ทำงานหนักจนเสียชีวิตกว่า 2,000 รายในแต่ละปี[/b] โดยในจำนวนนี้รวมถึงผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ได้รับผลกระทบจากการทำงานหนัก [b]เช่น ทุพพลภาพ เป็นอัมพาตเพราะสมองขาดเลือด หรือซึมเศร้ารุนแรงจนไม่สามารถทำงานต่อไปได้รวมอยู่ด้วย[/b] อย่างไรก็ตาม มีคนเพียง 37% ในกลุ่มนี้ที่เรียกร้องค่าชดเชยจากรัฐบาลได้สำเร็จ
ประชาชนชาวญี่ปุ่น