หนุ่มกระเหรี่ยงตาบอดใจดี ยึดคำสอนร.9 ช่วยคนยากไร้
[b]หนุ่มกระเหรี่ยงคนนี้ เล่าให้ฟังว่า[/b]ตอนอายุ 1-6 ขวบ ครอบครัวอาศัยอยู่กันที่ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน หลังจากนั้นคุณพ่อ “ศาสนาจารย์พามอ ผู้พิชิตไพร” ขณะนี้อายุ 72 ปีแล้ว ย้ายมาทำงานที่ ต.สบเปิง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ บ้านหลังที่อาศัยอยู่ตอนนี้ ซึ่งคุณแม่ “สุวคนธ์ ผู้พิชิตไพร” อายุ 69 ปี และพี่สาว-พี่ชาย ก็จะต้องย้ายตามลงมาด้วย
ในวัยเด็กเขาก็เป็นเด็กชาวเขาทั่วๆ ไป ที่มีความฝันว่าอยากเป็น “นักบัญชี” จึงมุ่งมั่นใช้ความเพียรอย่างที่สุด สอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ [b]ได้เล่าเรียนวิชาบัญชีอย่างที่หวังไว้ เป็นความภูมิใจเพื่อสร้างฝันให้สำเร็จ แต่มรสุมที่โถมเข้ามาในชีวิต เมื่อปี 2542 ตรงกับวันสุดท้ายของการสอบปลายภาค ชั้นปีที่ 2[/b]
[b]จู่ๆ เขามีอาการ “หนักหัว” แต่ก็อดทนสอบทำคะแนนผ่านได้ดี จากนั้นขึ้นปี 3 เพื่อนๆ ก็จะรู้เพียงว่าหยุดเรียนบ่อยครั้ง จนในปี 2544 เวลาล่วงเลยมาถึงจุดที่ต้องกลายเป็น “คนพิการ” อย่างถาวร[/b] เขาต้องยุติทุกสิ่งทุกอย่างลง เมื่อดวงตาบอดสนิท เพื่อนๆ ในห้องตกใจว่า “อยู่ๆ ทำไมพอลร์ตาบอด” แล้วที่ผ่านมาที่มานั่งเรียนด้วยกันทุกวัน มองเห็นแค่ 10% เองหรือ???
[b] “วันนั้นเป็นวันสอบปลายภาคปี 3 ตื่นลืมตาขึ้นมาพบว่า ตาขวามองไม่เห็นแล้ว[/b] ต้องให้เจ้าหน้าที่อ่านข้อสอบให้ฟัง ผมก็แสดงวิธีทำตามโจทย์ และจะสลับกันแบบนี้จนสอบวันสุดท้ายเสร็จ ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอหมอแนะนำว่าลองศึกษาการใช้ชีวิตแบบคนตาบอดดู ในใจก็คิดแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเรา”
[b]ความฝันดับลง...มองไม่เห็นแล้ว เขาเสียใจมากเมื่อรู้ว่าป่วยเป็น โรคเบเซ็ท (Behcet's) อาการเรื้อรังที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย[/b] เขายื่นใบลาออก เพราะทำใจเรียนต่อไม่ได้ เก็บตัวอยู่แต่ในห้องมากว่า 2 ปี “จิตใจมันไม่อยู่กับเนื้อตัว ทรุดทั้งร่างกายจิตใจ เก็บตัวอยู่แต่ในห้องในความมืด ไกลสุดที่ผมเดินคือห้องน้ำกับเตียงนอน”
สถานสงเคราะห์เด็ก