ใช้สังคมมนุษย์บำบัด"ออทิสติก"!
ดร.สมพร ขันเงิน ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) เล่าประสบการณ์ในการจัดการศึกษาให้ลูกชายออทิสติกว่า [b]การให้เด็กในวัยเดียวกันได้เรียนรู้ภาษาด้วยกัน เล่นด้วยกัน และอยู่ในสังคมเดียวกัน การได้เรียนร่วมกับเด็กในวัยที่ใกล้เคียงกัน คือการเปิดโอกาสและเป็นวิธีการบำบัดเด็กที่เป็นออทิสติกได้ดีที่สุด โดยพิสูจน์ทราบได้จากลูกชายของเขาทั้ง 2 คน คนโต น้อง “แฟกซ์” [/b] ที่พูดช้าแม้จะถึงวัยที่เข้าอนุบาลก็ยังพูดไม่ชัด แต่ด้วยความที่ได้เข้าเรียนอยู่ร่วมกับเด็กวัยเดียวกันตั้งแต่ระดับอนุบาล ทำให้เด็กเกิดการเรียนรู้และอยู่ร่วมกับเพื่อนและเติบโตและมีพัฒนาไปตามวัยได้จนปัจจุบันก็เรียนรู้ได้ตามวัยแบบเด็กปกติ
ส่วน[b]น้อง“ฟิล์ม” ลูกชายอีกคนที่ไม่พูดแม้จะถึงวัยแล้ว และเห็นชัดเจนมากขึ้นตอนอายุ 4 ขวบ ที่รับรู้ชัดเจนว่ามีพัฒนาการช้ากว่าวัยเดียวกัน[/b] ซึ่งแก้ปัญหาด้วยการพาไปฝึกพูดและสอนเอง โดยที่ไม่ได้เรียนอนุบาลกับเด็กปกติในวัยเดียวกันกับเพื่อนๆ ทำให้เด็กไม่ได้มีพัฒนาการและประสบการณ์ การเล่น การใช้ภาษา พูด ภาษากาย และอื่นๆ ตามประสาเด็กๆ [b]ทำให้น้องฟิล์มไม่มีพัฒนาการทางการพูด ปัจจุบันน้องฟิล์มอายุ 15 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.1 โรงเรียนขอนแก่นคริสเตียน และเป็นเด็กออทิสติกที่มีปัญหาในการสื่อสารทางภาษา[/b]
“ก่อนหน้านี้ช่วงป. 1.-ป.6 น้องฟิล์มเรียนอยู่ที่ห้องเรียนคู่ขนาน ที่การศึกษาพิเศษขอนแก่นเขต 9 ได้จัดให้ที่โรงเรียนบ้านโนนม่วง แต่เป็นการเรียนในห้องเรียนคู่ขนานจริงๆ [b]โดยไม่มีโอกาสเข้าไปเรียนร่วมกับเพื่อนในวัยเดียวกันเลย เพราะครูเห็นว่ายังไม่พร้อมที่จะเข้าเรียนร่วม และอีกอย่างบุคลากร ที่จะไปประกบตอนเข้าเรียนร่วมก็มีไม่เพียงพอ และพอจบป.6 ก็ไม่สามารถหาโรงเรียนเรียนต่อ ม.1 ได้[/b] จึงต้องไปทำงานกับพ่อทุกวันเป็นเวลา 1 ปี จนได้รู้ว่ามีโรงเรียนขอนแก่นคริสเตียนรับเด็กพิเศษเรียนร่วม จึงพาลูกไปเรียน ซึ่งผู้บริหารโรงเรียนให้โอกาสเด็กพิเศษมาก ทำให้มีโอกาสได้ร่วมมือกับเพื่อนผู้ปกครองจัดทำห้องเรียนคู่ขนานออทิสติกขึ้นมารองรับเด็กพิเศษทั้งระดับอนุบาล ประถมศึกษา และมัธยมศึกษา ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมากที่โรงเรียนให้ความสำคัญในการจัดการศึกษาให้เด็กกลุ่มนี้” ดร.สมพร กล่าว
[b]ห้องเรียนคู่ขนานออทิสติกนี้เป็น 1 ใน 4 กลไกหลักตามออทิสติกโรดแม็พ ของเครือข่ายผู้ปกครองออทิสติกที่เสนอให้กระทรวงศึกษาธิการทำโครงการนำร่องจัดตั้งและพัฒนาห้องเรียน 2 รูปแบบ อันได้แก่[/b] “ห้องเรียนคู่ขนานออทิสติก” และ “ห้องเรียนสอนเสริมการศึกษาพิเศษ” ในโรงเรียนเด็กปกติทั่วไปในชุมชน ในสังกัดหรือในกำกับดูแล ในขอบเขตทั่วประเทศซึ่งเสนอไปพร้อมกับการให้กระทรวงสาธารณสุข [b]ทำโครงการนำร่องจัดตั้ง “แผนกพิเศษออทิสติก” [/b] ในโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลจังหวัด และโรงพยาบาลอำเภอ ในขอบเขตทั่วประเทศ
รวมทั้ง[b]ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ทำโครงการนำร่องจัดตั้งศูนย์พัฒนาศักยภาพบุคคลออทิสติกจังหวัด[/b] ที่มีฝ่ายบ้านพิทักษ์บุคคลออทิสติกในชุมชนจังหวัด อยู่ในโครงสร้างของศูนย์ให้ครบทั้ง 77 จังหวัด และให้กระทรวงมหาดไทยมีนโยบายสนับสนุนงบประมาณให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเฉพาะเทศบาลต่างๆ จัดตั้ง “บ้านพิทักษ์บุคคลออทิสติกในชุมชน” ในเขตเทศบาล หรือเขตพื้นที่ของตนหากมีบุคคลออทิสติกวัยรุ่นวัยผู้ใหญ่ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ
น้องๆที่มีภาวะ ออทิสติก