ล้มแล้วลุก
[/p]
[b]7. หยุดคิดในด้านลบ[/b] เพราะว่าการที่เราคิดในด้านลบแล้วว่าตัวเองนี้แย่จังเลย ตัวเองนี้ไม่มีความสามารถจะไปบั่นทอนความคิดด้านบวกของเรา เพราะฉะนั้นเราต้องหยุดความคิดเหล่านี้ให้หมด เช่นถ้าเรามีปัญหาว่าโปรเจกต์นี้เนี่ยไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไรนัก เราก็เปลี่ยนความคิดซะใหม่ว่า เออเราได้ทำไปแล้วนะ เต็มที่แล้วนะ อย่างน้อยก็มีคนสนใจระดับหนึ่ง ถึงจะไม่ประสบความสำเร็จมากเท่าที่ต้องการก็ตาม ดีกว่านั่งเฉยๆไม่ได้ทำอะไรอย่างน้อยได้ประสบการณ์ แต่อาจารย์คะคนที่ล้มลงทุกคน แน่นอนเจ็บ ทีนี้มันต้องคิดมากเป็นธรรมดา เราจะทำยังไงล่ะคะถึงไม่คิดมาก
มีคำแนะนำจากนักสร้างแรงบันดาลใจ ชื่อ[b] joyce meyer[/b] บอกว่า [b] “worrying is like a locking chair it keeps you busy but take you nowhere.” [/b] ความหมายก็คือว่า [b]การคิดมากวิตกกังวลไม่ได้ทำให้คุณก้าวไปไหนเลย[/b] สิ่งที่มันทำก็คือมันทำให้คุณยุ่งไปวันๆเท่านั้นเอง จริงๆแล้ว เราไม่สามารถคนให้คิดวนไปวนมาได้ แต่ว่าพยายามละความคิดของเรา
พยามทำกิจกรรมอื่นที่เบี่ยงเบนความสนใจของเรา เช่นไปพูดคุยกับเพื่อน ไปท่องเที่ยว ไปทำอะไรก็ตามที่สบายใจ หรือว่า เราอาจจะไปอ่านหนังสือที่สร้างแรงบันดาลใจ หรือว่าดูวีดีโอเทป ที่มีการพูดเกี่ยวกับการสร้างแรงบันดาลใจ เป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเองด้วย เรียกว่าหากิจกรรมอะไรก็ได้ที่ขัดจังหวะความคิดลบๆ แล้วจะทำให้เรามีความคิดบวก ถ้าเกิดว่าเราคิดลบแล้วเราก็ยังจมอยู่กับมัน มันก็ขยายใหญ่ขึ้นๆ จนเรามองไม่เห็นทางออก
ความล้มเหลวไม่ใช่จุดจบของชีวิต แล้วผู้ที่ประสบความสำเร็จทุกคน พ้นผ่านความล้มเหลวมาทั้งสิ้น แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือ เขาไม่ล้มเลิก แน่นอนว่าวันนี้เราอาจจะเจ็บ แต่ว่าถ้าเราไม่ลุกขึ้นจะเป็นการเจ็บถาวร แต่ถ้าลุกให้ไวความเจ็บก็จะผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้นลุกขึ้นเถอะอย่าท้อ คนที่ท้อเป็นได้แค่ถ่าน แต่คนที่ผ่านจึงจะเป็นเพชร และทั้งหมดเป็นส่วนของทันโลก
[b]ในส่วนของทันธรรมโดยพระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ[/b]
[b]ล้มได้ต้องลุกเป็น[/b] ถามว่าเราทุกคนที่ลุกเหิน เดิน นั่งได้ในขณะนี้นะ ใครที่เดินได้โดยที่ไม่เคยล้มเลย มีไหม คำตอบคงได้ว่า ไม่มี ถ้าของตัวเราเอง เราอาจจะลืมไปแล้ว เพราะตอนนั้นเรายังเด็กๆขวบหนึ่ง แต่ดูจากลูกๆหลานๆ เด็กๆที่เราเห็นนี้ แต่ละคนเป็นไง ตอนกำลังตั้งไข่ เกาะฝาผนังอยู่ เดี๋ยวเดินก้าวสองก้าวก็ล้มแผล็บๆ แล้วก็ลุกขึ้นมา แล้วก็เดินๆไปอีกสักหน่อยก็ล้มแผล็บ ล้มๆลุกๆจนสุดท้ายก็เดินได้คล่อง แล้วลองคิดดูถ้าเด็กคนไหนล้มแล้วก็เลยบอกว่า โอ๊ยล้มแล้วลุกไม่ไหว เกิดความสงสัยเราคงเป็นคนไม่มีความสามารถ ไม่สามารถเดินได้อย่างคนอื่นเขา ผลเป็นไง ก็จะเดินไม่ได้เลยตลอดทั้งชาติ แต่ที่เดินกันได้อยู่ตอนนี้เพราะเราไม่ได้คิดอย่างนั้น
[b]ล้มแล้วเราก็ลุกขึ้นมา[/b] แล้วก็เดินต่อ ล้มก็ลุกอีก แต่ละครั้ง ละครั้งก็จะเดินได้ยาวขึ้น ยาวขึ้น เดินได้แข็งขึ้น จนกระทั่งเดินได้อย่างมั่นคง ก็เป็นกระบวนการตามธรรมชาติที่ทุกๆคน เคยผ่านมาทั้งนั้น มองในภาพที่กว้างกว่านั้น นักทำงานที่ประสบความสำเร็จทั้งหลาย ไปเช็คประวัติดูเถอะไม่ว่าจะเป็นด้านธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมืองก็ตาม แต่ละคนกว่าจะยืนหยัดมาได้ แผลเต็มตัวทั้งนั้น เคยล้มมาแล้วทั้งนั้นเลย น้อยบ้างมากบ้าง แผลเล็กบ้างแผลใหญ่บ้าง เพราะอดทนล้มแล้วลุก ยืนหยัดสู้ สุดท้ายจึงประสบความสำเร็จ
[b]มองให้กว้างไปกว่านั้น[/b] ดูตัวอย่างเป้าหมายที่ยากที่สุด ก็คือการตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระบรมโพธิสัตว์ต้องสร้างบารมียาวนานตั้งแต่ชาติแรก ถึง 20 อสงไขยกับแสนมหากัป ซึ่งนานมากๆๆๆเลย ขนาดสร้างบารมีมา 16 อสงไขยกับแล้ว จนบารมีมากเพียงพอ แล้วก็ได้รับพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งว่า บุคคลผู้นี้ในอนาคตจะได้ตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คำพยากรณ์ของพระพุทธเจ้าจะไม่เป็นสอง คือมันแน่นอนเหมือนกับผังชีวิตกำหนดแล้วว่า บุคคลผู้นี้จะต้องเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตอย่างแน่ๆเลย อย่างพระพุทธเจ้าของเราก็ได้รับพุทธพยากรณ์เมื่อชาติที่พระองค์เกิดเป็นสุเมธดาบสแล้วพบพระทีปังกรพุทธเจ้า พระทีปังกรพุทธเจ้าก็พยากรณ์ว่า ดาบสผู้นี้ในอีก 4 อสงไขยกับแสนมหากัปนับแต่กัปนั้นจะตรัสรู้ธรรมเป็นพระพุทธเจ้า ซึ่งมันก็นานอีกเหมือนกัน
เมื่อได้รับพุทธพยากรณ์แล้ว เราจะเรียกว่า นิยตโพธิสัตว์ แปลว่า พระโพธิสัตว์ที่เที่ยงแท้จะตรัสรู้ธรรมไม่เปลี่ยนแล้ว นิยตโพธิสัตว์จะไม่ตกในฐานะอาภัพ 18 ประการ เช่น ไม่เป็นคนใบ้ คนบ้า คนปัญญาอ่อน เป็นต้น แต่ที่สำคัญในนั้นที่น่าใส่ใจก็คือหากตกนรกจะไม่ลงขุมลึกเกินไป เช่นไม่ลงอเวจีมหานรก เป็นต้น หากเกินเป็นสัตว์เดียรัจฉาน จะไม่เป็นสัตว์เดียรัจฉานเป็นมด เป็นยุง ไม่เป็น อย่างน้อยก็เท่ากับนกกระจาบ นี้แสดงว่า ยังมีโอกาสไปทำผิดทำพลาด เกิดเป็นสัตว์เดียรัจฉานได้ ยังมีโอกาสผิดพลาดตกนรกได้ เพียงแต่ว่าจะได้สติรู้ตัวเร็วกลับตัวลุกขึ้นยืนหยัดใหม่ได้เลย
เรื่องที่เราเองล้มในชาตินี้ เช่นว่าทำธุรกิจแล้วมันย่ำแย่ไม่เป็นไปอย่างที่คิด มีหนี้มีสิน หรือป่วยไข้ไม่สบาย หรือว่าบางคน ล้มเพราะว่ารู้สึกว่าหนุ่มๆสาว คู่รักเขาไม่เป็นใจด้วย เขาเป็นไปอื่น โดยซึมเศร้า เหงา เซ็ง อย่างนี้เป็นต้น มีหลากหลายรูปแบบ เรื่องเล็กทั้งนั้น ถ้าเปรียบกับการที่ว่า ล้มชนิดที่ว่าหลุดจากยูนิฟอร์มมนุษย์ ไปเกิดเป็นยูนิฟอร์มของสัตว์ ไปเป็นลิง เป็นเสือ ช้าง กวาง เก้ง อย่างนี้ เป็นนก มันถูกขังด้วยกายของสัตว์เลยนะ พูดก็ไม่ได้ ได้แต่ร้องเจี๊ยกๆจ๊ากๆไป จะทำการงานต่างๆก็ไม่สะดวก ทำความดีก็ไม่สะดวกเหมือนกับเป็นมนุษย์ ในโลกเราการล้มที่หนักหนาสาหัสมากคือการถูกจองจำ สมมุติว่าติดคุก 5 ปี 10 ปี รู้สึกโอ้โหเป็นการล้มที่ใหญ่หลวงมาก ยิ่งกว่าแฟนทิ้งเยอะ แต่ว่าติดคุกยังมีวันออก
มองให้กว้างไปกว่านั้น