“ครูเน” คุณครูผู้นำทางสู่แสงสว่าง
[b]เธอเล่าอย่างภาคภูมิใจว่า[/b]"ตอนนั้นได้มีโอกาสช่วยคุณครูสอนวิชาต่างๆ ให้เพื่อน อย่างตอนเช้าก็จะติวศัพท์ เวลาเพื่อนไม่เข้าใจอะไรก็จะมาถาม มันทำให้เราได้เรียนรู้ มีความรู้สึกที่อยากจะถ่ายทอดความรู้ มันเป็นความรู้สึกที่อยู่ในข้างในใจมาโดยตลอด ก็เลยคิดอยู่เสมอว่า [b]เมื่อมีโอกาสก็อยากกลับมาสอนที่นี่ ที่นี่เป็นที่แห่งแรกที่ให้ความรู้ ให้ที่พัก และเปิดโลกให้กับเรา"[/b]
[b]ห้องเรียนที่ไม่มีกระดาน มีเพียงกระดาษพร้อมอุปกรณ์เขียนอักษรเบรลล์ และเสียงจากคุณครูที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้ ความใส่ใจที่มอบให้แก่นักเรียน[/b] "ยังจำวันแรกที่อยู่เลย คือวันที่ 15 สิงหาคม 2556 พอได้มาเป็นครูแล้วทั้งดีใจและตื่นเต้น เพราะได้ทำอาชีพที่ตนเองรักและใฝ่ฝันมาตลอด"ครูเนกล่าว “เพราะชอบอธิบาย ให้ความรู้ มันเป็นอะไรที่รู้สึกดีมาก ยิ่งถ้าเขาบอกว่าไม่เข้าใจ เราจะยิ่งอธิบายให้เขาเข้าใจให้ได้”
[b]พอได้มาเป็นครูแล้ว ก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุด หนึ่งในนั้นคือ การพานักเรียนไปสู่ความสำเร็จ[/b] สำหรับเด็ก ๆ ที่โรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพแล้ว ก็เหมือนกับโรงเรียนทั่วไป มีนักเรียนที่มีความตั้งใจ มีความขยัน และนักเรียนที่ชอบเล่น ซุกซน เรื่องความเก่งของเด็กเราสามารถเต็มให้กับเด็กได้ [b]ครูเนเชื่อมาตลอดว่า สิ่งที่สำคัญของเด็กที่แพ้ไม่ได้เลย คือจะต้องความขยันและความตั้งใจ เมื่อขยันและตั้งใจแล้วก็จะสามารถมีวิชาความรู้ และก็จะอยู่ติดตัวเราไปตลอด เพราะว่าสักวันหนึ่งจะต้องออกไปอยู่กับสังคมภายนอกให้ได้[/b]
[b] “เราต้องสอนการเข้าสังคม เรามองไม่เห็น เวลาใครมาช่วยเหลือเราต้องขอบคุณ ตอนทำผิดเราต้องขอโทษ เจอกันต้องสวัสดี ให้เด็กติดเป็นนิสัย” [/b]นักเรียนทำความเคารพ เมื่อคุณครูเข้าสอน เด็กนักเรียนในช่วงวัยที่ครูเนสอน มีความหลากหลาย ความซุกซน ความสงสัย และเริ่มที่จะมีจินตนาการความคิดเป็นของตัวเอง เด็กที่มองไม่เห็น ใครว่าจะไม่ซุกซน บางคนไม่ยอมส่งงาน ก็ต้องลงโทษ แต่เด็กๆ ก็จะรู้ว่าคุณครูลงโทษเพราะอะไร"เพราะส่งงานช้านะ" พอครูบอกเหตุผลไป"ก็เคยถามว่าโกรธครูไหม พวกเขาบอกไม่โกรธ เพราะเราส่งงานช้าจริง"
ครูเนอยากให้นักเรียนอ่านหนังสือมากๆ ฟังหนังสือเยอะๆ เพราะถ้าไม่มีข้อมูลก็จะไม่มีจินตนาการ สร้างสรรค์อะไรไม่ออก พอเริ่มที่จะมีข้อมูล เกิดจินตนาการใหม่แล้ว [b]จะสอนให้เด็กมีเป้าหมาย ยกตัวอย่างบุคคลที่ประสบความสำเร็จ เช่น ศิษย์เก่าที่นี่ที่มีงานทำ ไม่ว่าจะจบสูงหรือไม่สูง คือจุดมุ่งหมายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน[/b] ครูเนจะบอกเด็กเสมอว่า ให้ลำบากวันนี้ พอวันข้างหน้าจะได้สบาย
[b]ครูเนอธิบายว่า[/b]"ลำบากวันนี้ คือเราเรียนเราอาจจะเหนื่อย อาจจะเบื่อ บางเวลาอยากจะเล่นก็ไม่ได้เล่น ให้ฝืนใจตัวเองไว้ พอวันนั้นมาถึง การสบายของเราคือมีงานทำ ได้ทำงานที่ชอบ" [b]น้องซูกัสแม้เพียงยังอยู่ในระดับชั้นประถมศึกษา แต่ก็มีความฝันที่ยิ่งใหญ่อย่างการเป็นครู[/b] เพราะชอบถ่ายทอดความรู้ให้เพื่อนๆ น้องๆ ฟัง ตอนนี้ก็เลยตั้งใจเรียนหมั่นทบทวนบทเรียนเป็นประจำ
มีเด็กส่วนหนึ่งอยากเป็นครู เพราะว่าพวกเขาเห็นครูเน เขาบอกอยากกลับมาสอน อยากมาเจอครูเนอีก ครูก็พูดติดตลกตอบกลับไปว่า “เวลานั้นครูคงเกษียณไปแล้วล่ะ” [b]พร้อมยกตัวอย่างว่า "ครูมาแล้วนะ แล้วก็หวังว่าวันหนึ่ง พวกเธอจะมายืน ณ จุดๆ นี้กับครู"[/b]
นักเรียนในชั้นเรียนของครูเน