ส่อง 7 กิจกรรม “สถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์” ช่วยฟื้นฟู-สร้างอาชีพ “เด็กพิเศษ”
[/p]
[b]2.ดนตรีบำบัด[/b] โดยดนตรีจะเข้ามาช่วยกระตุ้นและส่งเสริมพัฒนาการด้านต่างๆ ให้กับเด็ก เช่น ช่วยเสริมการเคลื่อนไหวร่างกายในการฟื้นฟูสมรรถภาพ ลดพฤติกรรมก้าวร้าว รุนแรง อยู่ไม่นิ่ง สำหรับสถาบันพัฒาการเด็กราชนครินทร์ มีการใช้เทคโนโลยี “Optic music” ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่สร้างแรงจูงใจในการเคลื่อนไหวร่างกาย ด้วยการบูรณาการระบบประสาทการได้ยิน การมองเห็น และการสัมผัส ในกลุ่มเด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ เด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา ผู้ที่มีปัญหาการรับรู้ประสาทรับความรู้สึก เด็กออทิสติก รวมถึงเด็กสมองพิการ เป็นต้น
[b]น.ส.จันทริกา ปินตาโมงค์ นักวิชาการศึกษา สถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์ กลุ่มการแพทย์ทางเลือก งานละคร ดนตรีและศิลปะบำบัด กล่าวว่า[/b] หลักการทำงานของ Optimusic จะประกอบด้วย อุปกรณ์สร้างลำแสงสีต่างๆ อุปกรณ์ที่เป็นแผ่นสะท้อนแสง และโปรแกรมซอฟต์แวร์ โดยลำแสงจากอุปกรณ์แต่ละสีจะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวที่ตัดผ่านลำแสงหรือปิดการสะท้อนของลำแสง ส่งไปยังคอมพิวเตอร์ เพื่อเชื่อมโยงกับเสียงดนตรี หรือเสียงต่างๆ การใช้แสงและเสียงดนตรีย่อมช่วยให้เด็กสนใจและสนุก อีกทั้งยังได้เคลื่อนไหว ได้เรียนรู้การแยกสี การเรียงลำดับเสียงและเหตุการณ์ ทำให้สมองได้รับการพัฒนา เมื่อเด็กเคลื่อนไหวผ่นเซ็นเซอร์ก็จะเกิดแสงหรือเสียงดนตรีขึ้น เรียกว่าเป็นการนำดนตรีเป็นสื่อเชื่อมและปรับพฤติกรรม [b]โดยเด็กจะเรียนรู้พร้อมกับปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างสนุกสนาน สามารถจัดได้ทั้งแบบเดี่ยว และกลุ่มเพื่อฝึกการใช้กฎกติกามารยาทในการอยู่ร่วมกัน ฝึกสมาธิ ความสนใจ การรอคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เสริมสร้างทักษะทางด้านสังคม[/b] โดยการออกแบบกิจกรรมผ่านโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เช่น การเล่นแบบสร้างสรรค์ การเล่นตามความคิดและจินตนาการ ถ่ายทอดผ่านการเล่น แสดงจากความรู้สึกออกมาทันที สร้างเรื่องราวผ่านเสียง เคลื่อนไหวร่างกายให้สอดคล้องกับดนตรี
“ปัจจุบันมีผู้เข้ารับบริการจำนวน 338 ราย พบว่า ร้อยละ 96 มีความฉลาดทางอารมณ์เพิ่มมากขึ้น พฤติกรรมก้าวร้าวลดลง การทำงานประสานกันระหว่างมือ ตา และกล้ามเนื้อเพิ่มมากขึ้น รู้จักรอคอยและมีสมาธิในการเรียนรู้ได้นานยิ่งขึ้น มีทักษะในการสื่อสารและการโต้ตอบกับบุคคลอื่น เกิดความสนุกสนาน และรู้สึกผ่อนคลาย” น.ส.จันทริกา กล่าว
[b]3. ละครบำบัด[/b] จะช่วยในการฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกาย การเคลื่อนไหว การใช้กล้ามเนื้อทั้งมัดเล็กและมัดใหญ่ พัฒนาทักษะทางภาษาให้สามารถเข้าใจและสื่อสารกับบุคคลอื่นได้ รวมถึงช่วยในการพัฒนาทักษะการช่วยเหลือตัวเอง และ การส่งเสริมพัฒนาการทางสังคมและการแสดงออก ได้สำรวจตัวเอง เรียนรู้การแสดงออกทางอารมณ์ความรู้สึกที่หลากหลาย
[b]น.ส.ชนารดี สุวรรณมาโจ นักละครบำบัด กลุ่มงานละคร สถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์ กล่าวว่า[/b] ทีมงานละครจะเน้นกระบวนการกลุ่ม เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน กิจกรรมที่ออกแบบให้กับผู้รับการฝึกจะอยู่บนพื้นฐานของ ความสนุก เพื่อตอบโจทย์ความเป็นละคร บทละครที่ถูกนำมาใช้จะอยู่บนพื้นฐานของชีวิตจริงที่ผู้รับการฝึกมีโอกาสจะได้เจอ [b]ซึ่งทิศทางในการฝึกละครบำบัด สำหรับเด็กพิเศษ (อายุ 3 ปีขึ้นไปจนถึงผู้ใหญ่) แบ่งเป็น 5 ทิศทาง[/b] แต่ละทิศทางจะมีรายละเอียดของกิจกรรมเชิงลึกที่ปรับใช้สำหรับผู้รับการบำบัดแต่ละคน ทิศทางที่ 1 การละลายพฤติกรรมของผู้รับการบำบัด ทิศทางที่ 2 การใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ทิศทางที่ 3 การใช้จินตนาการและสมาธิ ทิศทางที่ 4 การเคลื่อนไหวสร้างสรรค์ และ ทิศทางที่ 5 การแสดงด้นสด เพื่อพัฒนาทักษะทางสังคมและการแก้ปัญหา
“ปัจจุบันจำนวนผู้เข้ารับการฝึกทักษะทางสังคมในรูปแบบละคร มีจำนวนเฉลี่ยวันละ 4 - 12 รายต่อวัน ทุกรายต้องเข้าโปรแกรมการฝึกต่อเนื่องสัปดาห์ละ 3 - 5 วัน อย่างน้อย 1 เดือน จึงเริ่มที่จะมองเห็นพัฒนาการการปรับตัวในการอยู่ร่วมกับคนอื่นๆ ในสังคม [b]จากการประเมินพัฒนาการทางอารมณ์ ผู้เข้ารับการฝึกทุกๆ 1 เดือน พบว่า ร้อยละ 95 มีความฉลาดทางอารมณ์มากขึ้น มีความสุขในการเรียน และ ร้อยละ 100 มีความก้าวร้าวลดลง[/b]จนแทบจะไม่ปรากฏให้เห็น มีความสามารถด้านการเคลื่อนไหว มีความคิดสร้างสรรค์ ตลอดจนมีสมรรถภาพทางร่างกายและวินัยทางสังคมที่ดีขึ้นถึงร้อยละ 70” น.ส.ชนารดี กล่าว
ธาราบำบัดและกิจกรรมบำบัด