ภารกิจผู้ว่าฯ พัฒนา “ยางพารา-ท่องเที่ยว-ค้าชายแดน” ขับเคลื่อนรายได้ เสริมความมั่งคั่ง สู่บึงกาฬ
[/p]
ปัจจุบัน ประชาชนชาวบึงกาฬ มีรายได้เฉลี่ย 63,000 บาท ต่อคน ต่อปี ท่านผู้ว่าราชการจังหวัด [b]คุณพิสุทธิ์ บุษยพรรณพงศ์ [/b]มองว่า ปัจจัยสำคัญที่มีศักยภาพช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์มวลรวมรายจังหวัด (GPP) ให้ประชาชนมีรายได้ต่อคน ต่อปี ให้ขยายตัวเพิ่มมากขึ้นได้ในอนาคต ได้แก่ ด้านการท่องเที่ยว ตลาดการค้าชายแดน และด้านการเกษตร โดยจัดทำเป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาระดับจังหวัดทั้ง 3 ด้าน ไปพร้อมๆ กัน
[b]ยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยว[/b]
บึงกาฬ นับเป็นแหล่งเรียนรู้ที่ไม่มีวันจบสิ้น ทั้งด้านวิถีธรรมชาติ เชิงวัฒนธรรม เชิงอารยธรรมและด้านศาสนา บึงกาฬได้เปรียบในเรื่องทำเลที่ตั้ง เพราะมีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน อย่าง สปป. ลาว มีเพียงแม่น้ำโขงกั้นอาณาเขตถึง 120 กิโลเมตร เกิดเป็นสภาพภูมิประเทศที่ดูสวยงามแปลกตา พ่วงด้วยผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ จังหวัดบึงกาฬจึงวางแผนพัฒนาจุดขายด้านการท่องเที่ยว ริมแม่น้ำโขงที่มีความงดงามตามธรรมชาติมากมาย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเข้ามาสนับสนุนการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดบึงกาฬ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “แหล่งท่องเที่ยวในลุ่มน้ำโขง” เช่น
[b]บึงโขงหลง[/b] เป็นส่วนหนึ่งของแม่น้ำเมาและแม่น้ำสงคราม ก่อนจะไหลลงสู่แม่น้ำโขง ปี 2522 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนบึงโขงหลง มีพระราชดำริให้พัฒนาอ่างเก็บน้ำบึงโขงหลงเพื่อป้องกันอุทกภัย ช่วยให้ชาวบ้านมีน้ำกินน้ำใช้ เพาะปลูกพืชได้ตลอดทั้งปี ปัจจุบัน บึงโขงหลง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติของจังหวัดบึงกาฬ เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำโลก ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพและมีระบบนิเวศที่ยิ่งใหญ่ เป็นที่อยู่อาศัยของพืชน้ำ สัตว์น้ำ รวมทั้ง นกน้ำ จำนวน 134 ชนิด นอกจากนี้ ยังเป็นแหล่งปลูกบัวแดง เนื้อที่เกือบ 1,000 ไร่ และบัวหลวงอีก 800 ไร่
[b]ภูทอก[/b] เป็นที่ตั้งของวัดเจติยาศรีวิหาร (วัดภูทอก) โดยมี [b]พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ[/b] เป็นผู้ก่อตั้ง จุดเด่นของภูทอกก็คือ สะพานไม้และบันไดเวียน จำนวน 7 ชั้น เพื่อชมทัศนียภาพรอบๆ ภูทอก แบบ 360 องศา นักท่องเที่ยวจะได้เห็นมุมมองที่แตกต่างไปเรื่อยๆ บันไดที่ทอดขึ้นสู่ยอดภูทอกนี้เปรียบเสมือนเส้นทางธรรมที่น้อมนำสัตบุรุษให้พ้นโลกแห่งโลกียะ สู่โลกแห่งการหลุดพ้น (โลกุตระ) ด้วยความเพียรพยายามและมุ่งมั่น
[b]ภูสิงห์[/b] หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ห้ามพลาด จุดขายของที่นี่ อยู่ที่หินขนาดใหญ่ อายุประมาณ 75 ล้านปี ติดหน้าผาสูง แยกตัวเป็น 3 ก้อน มองดูจากระยะไกล หิน 3 ก้อนนี้จะดูคล้ายกับฝูงครอบครัววาฬ ที่ประกอบด้วยพ่อวาฬแม่วาฬและลูกวาฬ จึงถูกเรียกว่า “หินสามวาฬ” ที่นี่ยังมีน้ำตกที่สวยงามมาก
[b]น้ำตกถ้ำพระ [/b]ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ ที่ดูอลังการมาก เพราะมีปริมาณน้ำมหาศาล และมีลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่เฉพาะตัวของลานหินน้ำตก ทำให้น้ำตกดูสวยงามเกินจะบรรยาย[b] “หนองเลิง” [/b]ในเขตพื้นที่อำเภอพรเจริญ เป็นแหล่งท่องเที่ยวน้องใหม่ของจังหวัดบึงกาฬ โดดเด่นในเรื่อง “ทะเลบัวแดง” บานสะพรั่งอยู่เต็มเนื้อที่ 500 ไร่ [b]จุดชม “สะดือแม่น้ำโขง” [/b] ณ วัดอาฮงศิลาวาส ถือว่าเป็นจุดที่แม่น้ำโขงมีความลึกสุดถึง 200 เมตร [b]เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว[/b] ในพื้นที่อำเภอบุ่งคล้า เป็นป่าอนุรักษ์ที่สวยสมบูรณ์ที่สุดอีกแห่งหนึ่งของภาคอีสาน ภายในพื้นที่มีน้ำตกสวยงามหลายแห่งที่น่าไปเยี่ยมชม
[b]ยุทธศาสตร์การค้าชายแดน [/b]
จังหวัดบึงกาฬ มีจุดผ่านแดนถาวร 1 แห่ง จุดผ่อนปรน จำนวน 2 แห่ง และด่านประเพณีอีก 2 แห่ง ที่มีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงเส้นทางการค้าไทย-ลาว ทุกวันนี้บึงกาฬมีจุดผ่านแดนถาวร (บึงกาฬ-ปากซัน) ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตอำเภอเมืองบึงกาฬ ตรงข้ามกับแขวงบอลิคำไซ ของ สปป.ลาว ด่านแห่งนี้เปิดให้บริการประชาชนที่เดินทางและขนส่งสินค้าเข้า-ออก ระหว่างประเทศ ผ่านเรือและแพขนานยนต์เป็นหลัก มีรายได้จากการค้าชายแดน เฉลี่ยปีละ 3,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขน้อยมาก เมื่อเทียบกับจังหวัดชายแดนอื่นๆ เช่น หนองคาย นครพนม มุกดาหาร ที่มีมูลค่าการซื้อขายชายแดนถึงปีละ 100,000 ล้านบาท เพราะทุกจังหวัดมีสะพานข้ามแม่น้ำโขง เชื่อมมิตรภาพ-การค้าระหว่างไทยกับลาว
ภารกิจผู้ว่าฯ พัฒนา “ยางพารา-ท่องเที่ยว-ค้าชายแดน” ขับเคลื่อนรายได้ เสริมความมั่งคั่ง สู่บึงกาฬ