สุดยอด! 2 ผู้พิการคนกล้า...แห่งอ.นาทวี
ใหม่ เป็นชาวจ.สมุทรปราการ ส่วนภรรยาเป็นคนอ.นาทวี จ.สงขลา 12 ปีก่อนทั้งคู่ทำงานเป็นพนักงานโรงแรมที่จ.ภูเก็ต ช่วงเวลาที่เกิดคลื่นยักษ์สึนามิ ใหม่ กอดลูกชายคนเล็กที่มีอายุได้เพียง 3 เดือนไว้ในอ้อมกอด [b]แต่ขาข้างหนึ่งกลับถูกเรือที่พัดขึ้นกับคลื่นทับไว้ ทำให้ขยับไม่ได้ ลูกจึงหลุดออกไปจากมือ เขาต้องพยายามดึงขาออกจากเรือเพื่อจะช่วยลูก ทำให้ต้องสูญเสียขาข้างหนึ่งตั้งแต่ระดับหน้าขาลงไป[/b]
หลังจากนั้นภรรยาจึงพาเขาและลูกคนโต กลับมาอยู่กับพ่อตาและแม่ยายที่บ้านเกิด อ.นาทวี โดยในเวลานั้น ใหม่ เหมือนคนหมดอาลัยตายอยากในชีวิต ซังกะตาย ใช้ชีวิตอยู่แต่ในห้องแคบๆ จะกิน จะถ่ายหรือทำทุกสิ่งก็อยู่เฉพาะในห้อง ไม่พูดจากับใคร [b]ส่วนภรรยาก็จะคอยนำข้าวมาให้กิน เก็บผ้าเปื้อนไปทิ้ง ทำความสะอาดห้องหลังกลับจากการไปกรีดยางตั้งแต่ตอนเช้ามืดเป็นแบบนี้อยู่นับปี[/b]
กระทั่ง วันนึงได้ยินพ่อตาแม่ยายพูดกับภรรยาว่า “จะดูแลไปแบบนี้หรือ พิการ ใกล้บ้าแล้ว ต้องเลี้ยงตลอดชีวิต” [b]จากประโยคนั้นทำให้คิดและตั้งคำถามกับตนเองว่า “เออ เรามัวทำอะไรอยู่ ทำไมเราทำตัวแบบนี้ ทั้งๆที่ลูกคนโตและภรรยาของเราก็ยังอยู่” จึงคลานออกจากห้องมาทำความสะอาดร่างกายตนเอง[/b]
“ยังจำวินาทีนั้นได้ วินาทีที่แฟนกลับจากกรีดยางแล้วเห็นเราอยู่นอกห้องในสภาพที่สะอาดสะอ้าน เขายิ้มดีใจมาก ก็พูดว่ายังไม่ดี ออกมาทำไม แต่เราก็รู้ว่าเขาดีใจ” ใหม่บอกด้วยแววตาแฝงยิ้ม [b]จากนั้นเริ่มฝึกใช้ไม้ค้ำเดิน 2-3 วันออกไปกรีดยางกับแฟน โดยใช้ไม้ค้ำปักไว้กับดินแล้วสอดท่อนขาเข้าไปตรงกลางเพื่อพยุงตัวแล้วหัดตัดยาง ตัดยางช่วยแฟนอยู่ราว 2 ปี เจ้าหน้าที่รพ.สมเด็จฯก็เข้าไปบอกว่ามีโครงการไปอบรมทำขาเทียมที่จ.เชียงใหม่สนใจจะไปเรียนหรือไม่ ก็ตัดสินใจเดินทางไปโดยรถทัวร์มีไม้ค้ำช่วยเดินใช้เวลาอยู่ที่นั่น 3 เดือน[/b] ได้รับขาเทียมของตนเอง และเรียนรู้วิธีการทำขาเทียมเพื่อนำมาทำบริการให้ประชาชนที่จำเป็นใส่ขาเทียมที่ศูนย์ขาเทียม มูลนิธิขาเทียมในสมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี รพ.สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ณ นาทวี เป็นเวลากว่า 5 ปีแล้ว มีรายได้ประจำเลี้ยงครอบครัวและช่วยภรรยากรีดยางทุกเช้าก่อนมาทำงานที่รพ. และทุกปีจะร่วมออกหน่วยพระราชทานขาเทียมทั่วประเทศ
ใหม่บอกว่า [b]การที่เขาได้ทำงานนี้ ภูมิใจมาก ช่วยให้คนที่ขาขาดกลับมามีขาและเดินได้อีกครั้ง เวลาที่คนไข้ยกมือไหว้ขอบคุณที่ช่วยเขาเดินได้ เป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย[/b] ที่สำคัญ เราเป็นคนหนึ่งที่เคยประสบปัญหาเช่นนั้นมา จึงทำให้เข้าอกเข้าใจจิตใจของคนไข้ได้เป็นอย่างดี เวลาที่คนไข้บ่นท้อ เราก็พูดให้กำลังใจบอกเล่าเรื่องราวตนเอง เพื่อเป็นกำลังใจให้เขามีแรงสู้ ซึ่ง[b]ในการลุกขึ้นมามีชีวิตได้อีกครั้ง หลังจากรับไม่ได้กับความพิการของตนเอง ครอบครัวมีส่วนสำคัญอย่างมากที่จะดึงเราออกมาจากการจมอยู่กับทุกข์[/b]
“คนพิการไม่ได้ต้องการให้เห็นพวกเขาแล้วสงสาร เพราะมันจะเกิดขึ้นแค่วันเดียว [b]สิ่งที่ต้องการคือโอกาส โดยเฉพาะโอกาสในการประกอบอาชีพ เพราะมันจะช่วยเขาได้ตลอดชีวิต[/b] คนพิการไม่ได้อยากขอทาน แต่เพราะเขาไม่มีโอกาสทำอาชีพอื่น เขาก็ต้องไปขอทาน หากมีโอกาสเขาก็ไม่อยากขอทาน” ใหม่ บอกกับ “คมชัดลึก”ก่อนสิ้นสุดการพูดคุย
เรื่องราวความมุมานะ มุ่งมั่นเพื่อมีอาชีพของใหม่ ศรีชำนุไม่แตกต่างจาก [b]สีเขวน เหมนุ้ย วัย47 ปี ที่พิการทางสายตา ซึ่งปัจจุบันทำงานเป็นหมอนวดแผนไทย รพ.สมเด็จฯนาทวีเช่นกัน นายสีเขวน เล่าว่า[/b] เมื่อราวปี 2529 ได้ฟังจากวิทยุว่ามีการสอนคนตาบอดให้ประกอบอาชีพเป็นหมอนวดแผนไทยอยู่ที่ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จึงตั้งใจที่อยากจะไปเรียน แต่ในเวลานั้นครอบครัวไม่อนุญาตเพราะเป็นห่วงเรื่องความเป็นอยู่ที่อาจจะลำบาก เนื่องจากเป็นอิสลามหากใช้ชีวิตตามลำพังเกรงว่าจะมีปัญหาต่างๆและขาดปัจจัยทางด้านการเงิน ระหว่างนั้นก็ทำงานอยู่ที่บ้าน ทำสวน ตัดกล้วยส่งแม่ค้า รับปอกและขูดมะพร้าว รายได้หลักก็จะมอบให้ครอบครัว แต่จะเจียดส่วนที่ได้รับเกินจากคนว่าจ้างเก็บสะสมเป็นเงินส่วนตัว
“ผมใช้เวลา 10 ปีในการสะสมเงิน ยังจำ จำนวนเงินได้อย่างแม่นยำว่าได้ 5,740 บาท ก็ตัดสินใจพูดกับครอบครัวอีกครั้ง อธิบายให้เข้าใจและขอให้ญาติที่เป็นครูมาช่วยพูดด้วยใช้เวลาเกลี้ยกล่อม 4-5 เดือน [b]ในที่สุดผมก็ได้เดินทางมาเรียนนวดแผนไทยที่อ.ปากเกร็ดในปี 2539” [/b] สีเขวน กล่าวอย่างภาคภูมิใจ
มาเรียนที่ศูนย์พัฒนาสมรรถภาพคนตาบอด มูลนิธิคนตาบอดแห่งประเทศไทย ที่อ.ปากเกร็ด [b]เริ่มจากเรียนรู้การใช้ชีวิตประจำวันทั่วไป การเดินทาง การเคลื่อนไหว การช่วยเหลือตนเองในเรื่องต่างๆ และอักษรเบลล์ ควบคู่หลักสูตรแพทย์แผนไทยวิชาชีพประเภท ก ใช้เวลา 800 ชั่วโมง เป็นการเรียนนวดเบื้องต้น ใช้เวลา 2 ปี[/b] ปีแรกจะเป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์สุขภาพและร่างกายมนุษย์ ส่วนปีหลังฝึกงานด้านการนวด
สีเขวน เหมนุ้ย วัย47 ปี พิการตาบอด ทำงานเป็นหมอนวดแผนไทย รพ.สมเด็จฯนาทวี