อดีตมนุษย์เงินเดือน หันปลูกเมล่อนลงดินในโรงเรือน ทำ 1 รุ่น สร้างรายได้ดีกว่าทำนา 10 ไร่
[/p]
คุณประเสริฐ บอกด้วยว่า ไม่นานนัก ก็พบปัญหาเรื่องของ “โรคราน้ำค้าง” ซึ่งเป็นโรคที่สำคัญในพืชตระกูลแตง แต่ด้วยความไม่รู้ว่าโรคที่เจอคือโรคอะไร ต้องฉีดสารป้องกันกำจัดอะไรให้ตรงกับโรคและแมลงที่พบหรือระบาด ซึ่งในตอนนั้นก็เจอปัญหาเรื่องโรคราน้ำค้างทำลาย ตอนนั้นจำได้ว่าปลูกในช่วงฤดูหนาว ราวๆ เดือนมกราคม แล้วเป็นจังหวะที่ในปีนั้นอากาศหนาวจัดมาก ปรากฏว่าโรคราน้ำค้างระบาดด้วยความไม่รู้ว่าเกิดโรคราน้ำค้าง ปล่อยให้เกิดการระบาดขึ้นในแปลง เรายังฉีดยาเชื้อราพื้นๆ ทั่วไป ไม่ได้ใช้ยาป้องกันกำจัดโรคราน้ำค้างโดยตรง และฉีดให้ถี่ขึ้น ก็ทำให้เราพลาดไปสำหรับการปลูกแคนตาลูปครั้งแรก ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือ ประสบการณ์ที่ได้รับให้มาปรับปรุง
ผลผลิตแคนตาลูป จำนวน 2 ไร่ ที่ได้ในตอนนั้น แค่ 2,000 กิโลกรัม เท่านั้น ขายได้เงิน 40,000 กว่าบาท โดยปกติแล้วการปลูกแคนตาลูปจะต้องได้ผลผลิตมาก 2,000-3,000 กิโลกรัม ต่อไร่ แต่คุณประเสริฐปลูก 2 ไร่ ได้ผลผลิตเท่าๆ กับเกษตรกรมืออาชีพปลูกเพียง 1 ไร่ เท่านั้น
คุณประเสริฐ เล่าว่า ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี อย่างน้อยก็รู้ว่าขายแคนตาลูปได้ ทำให้คนในพื้นที่ประหลาดใจว่าแคนตาลูปปลูกได้ในพื้นที่แห่งนี้ ซึ่งอากาศร้อน สภาพดินไม่ดีเลย โดยคนส่วนใหญ่ยังคิดว่าพืชตระกูลแคนตาลูปหรือเมล่อนต้องปลูกในพื้นที่เฉพาะหรือในเขตภาคเหนือที่มีอากาศเย็น และทำให้คุณพ่อ หรือ [b]คุณพ่อสมศักดิ์ บางแดง[/b] ที่เป็นชาวนา ทำนามาโดยตลอด ก็เกิดความสนใจและตอนนี้ช่วยกันดูแลกับคุณพ่อ 2 คน เป็นหลัก ซึ่งคุณพ่อสมศักดิ์ยังได้เล่าให้ฟังว่า ตนเองมองเห็นว่าพืชพวกนี้ปลูกได้ในบริเวณนี้ สามารถให้ผลิตดี มีราคาสูง ใช้แค่แรงงานคนในครอบครัว งานไม่หนักมากเหมือนการทำนา ซึ่งตนเองอายุมากแล้ว และใช้พื้นที่ปลูกน้อย ซึ่งคุณพ่อสมศักดิ์บอกว่า “ตอนนี้การผลิตเมล่อน 1 รุ่น ต่อโรงเรือน สร้างรายได้ดีกว่าการทำนา 10 ไร่ เสียอีก”
อดีตมนุษย์เงินเดือน หันปลูกเมล่อนลงดินในโรงเรือน ทำ 1 รุ่น สร้างรายได้ดีกว่าทำนา 10 ไร่