“เพาะกล้าไม้” ขายราคาหลักสิบ อาชีพที่น่าสนใจ ได้ทำงานที่บ้าน ไม่ต้องตระเวนขายเอง มีลูกค้ามาซื้อถึงสวน
[/p]
“ช่วงเริ่มต้นเพาะต้นมะกรูด มะนาว ตามด้วยพริก มะเขือ และผักสวนครัวอีกหลายชนิด ต่อมาได้นำเมล็ดพันธุ์ผักหวานพันธุ์สีทองและผักหวานเขียวมาเพาะขายด้วย นอกจากนั้น ยังมีไม้ป่า อย่างประดู่ ไม้แดง ยางนา พะยูง”
วัสดุปลูกที่ใช้ประกอบด้วยแกลบดำ ดิน โดโลไมท์ ปูนขาว และปุ๋ยคอก ทั้งนี้ การผสมวัสดุเพื่อใช้ปลูกพืชแต่ละชนิดมีอัตราและส่วนประกอบต่างกัน ขึ้นอยู่กับความต้องการของพืชชนิดนั้น พืชบางชนิดชอบดินโปร่ง แต่บางชนิดชอบดินทึบ ยกตัวอย่าง มะกรูดหรือมะนาว ถ้าใส่ดินน้อยและร่วนเกินไปก็ไม่ดี เพราะทำให้ความชื้นน้อย อีกทั้งยังเปลืองน้ำด้วย
คุณวีระชัย เล่าว่า ในช่วงแรกต้องลองผิด-ถูกอยู่นานกว่าจะลงตัว ก็เสียหายไปมาก อย่างตอนแรกที่ทำมะกรูดไว้จำนวน 60,000 ต้น ปลูกยังไม่คล่อง คงจะใส่ปุ๋ยมากเลยตายไปถึง 50,000 ต้น เหลือรอดเพียงหมื่นกว่าต้นเท่านั้น ดังนั้น ต้องหาความรู้และหมั่นสังเกตด้วยว่าพืชแต่ละอย่างชอบการปรุงดินแบบใดจึงจะทำให้เจริญเติบโตงอกงามดีแล้วมีคุณภาพสมบูรณ์
[b]ด้วยเหตุนี้แนวทางการเพาะต้นกล้าของคุณวีระชัย อาจมีการยึดแนวทางตามหลักวิชาการอยู่บ้าง ทั้งนี้ เขาชี้ว่าการปลูกพืชในแต่ละพื้นที่ท้องถิ่นมีความละเอียดอ่อนต่างกัน จึงต้องมีการปรับสูตรปุ๋ยยาและการให้น้ำตามสภาพพื้นที่ปลูก แล้วใช้เวลานาน กว่าทุกอย่างจะลงตัว อย่างแกลบที่ใช้มีทั้งละเอียดและหยาบ ก็ต้องพิจารณาเลือกใช้ให้เหมาะกับพืช อย่างผักหวานชอบแกลบละเอียด[/b]
คุณวีระชัย เผยถึงเงินลงทุนที่ใช้มากที่สุดคือ ค่าเมล็ดพันธุ์และค่าปุ๋ยยา ซึ่งแต่ละครั้งจะลงทุนซื้อเมล็ดพันธุ์ผักหวานคราวละ 1 ตัน ใช้เงินซื้อแสนบาท (1 กิโลกรัม ราคา 100 บาท) อันนี้ยังไม่รวมค่าถุง ค่าแรงในการกรอกอีก โดยค่าแรงในการกรอกถ้าเป็นถุงขนาดใหญ่ถุงละ 3 บาท ถ้าเป็นถุงเล็กคิดค่ากรอกร้อยละ 20 บาท
ปุ๋ยคอก