ปลูก ‘ข้าวไรซ์เบอร์รี่’ แบบพึ่งพาตนเองตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง
[/p]
คุณเจตยังบอกอีกว่าการปลูกข้าวที่แปลงนาตนเองนั้น จะไม่เน้นปลูกทีละมากๆ แต่จะปลูกตามความเหมาะสม โดยจะปลูกเพียงปีละ 2 ครั้ง ซึ่งจะต้องเช็กปริมาณข้าวเปลือกที่อยู่ภายในสต็อก หากตัวไหนขาดหรือมีปริมาณน้อยก็จะเน้นข้าวพันธุ์นั้นๆ ส่วนโรคและแมลงศัตรูหลักของข้าว จะเป็นพวกเพลี้ยไฟ จะแก้ปัญหาด้วยการใช้น้ำหมักชีวภาพจากฟ้าทะลายโจรพ่นให้ทั่ว ก็จะช่วยป้องกันได้ โดยจะไม่ใช้สารเคมีเลย เพื่อให้ได้ข้าวที่ดี นอกจากมีคุณภาพแล้ว ต้องปลอดภัยต่อผู้บริโถคอีกด้วย คุณเจตกล่าว
เมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยว หลังเกี่ยวข้าวแล้วควรจะตากข้าวไว้ทันทีเพื่อเป็นการไล่ความชื้นของข้าวเปลือก หากเกี่ยวข้าวแล้วไม่ตากจะทำให้ข้าวเปลือกคุณภาพลดลง และยังส่งผลต่อราคาขายในอนาคต และไม่ควรเกี่ยวข้าวในช่วงหน้าฝน โดยจะหยุดทำนาในช่วงเดือน พ.ค. เนื่องจากเป็นช่วงที่น้ำทะเลหนุนสูง จะมีปริมาณน้ำเค็มมาก
ทั้งนี้คุณเจตจะเน้นแปรรูปสินค้าด้วยการพึ่งพาตนเองทุกขั้นตอน โดยลงทุนซื้อเครื่องสีข้าว เครื่องคัดแยกข้าวเปลือก รวมทั้งเครื่องที่ใช้ในการทำบรรจุผลิตภัณฑ์ นอกจากเป็นการลดต้นทุนแล้ว จะสามารถเพิ่มมูลค่าของข้าวได้อีกด้วย ส่วนราคาที่ขายนั้น 1 กิโลกรัมจะอยู่ที่ 65 บาท โดยจะสีข้าวตามจำนวนออร์เดอร์ที่เข้ามาเท่านั้น
โดยกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนภายในชุมชน และลูกค้ารอบนอกที่เข้ามาซื้อเพื่อนำไปออกบูธจัดจำหน่ายตามงานต่างๆ [b]ส่วนรายได้ต่อเดือนนั้นประมาณ 25,000 – 30,000 บาท หากเป็นช่วงที่มีออร์เดอร์เข้าเยอะ สามารถทำเงินได้เดือนละไม่ต่ำกว่า 100,000 บาทเลยทีเดียว[/b]
ปลูก ‘ข้าวไรซ์เบอร์รี่’ แบบพึ่งพาตนเองตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง