กำนันรวมกลุ่มชาวบ้านปลูก ‘กล้วยไม้’ ส่งออกสร้างรายได้สู่ชุมชน
[/p]
โดยราคาของดอกกล้วยไม้นั้นแต่ละช่วงเดือนจะมีราคาไม่เท่ากัน ช่วงที่ราคาเริ่มแพงคือเดือน ม.ค.-ก.พ. เนื่องจากเป็นช่วงที่มีเทศกาลต่างๆ อาทิ วันปีใหม่ วันตรุษจีน ช่วงแพงที่สุดจะเป็นช่วง เม.ย.-พ.ค. เนื่องจากเป็นช่วงหน้าร้อน น้ำจะมีปริมาณน้อย ทำให้กล้วยไม้ออกดอกน้อยลงจึงทำให้เป็นช่วงที่ดอกกล้วยไม้ราคาสูงที่สุดและเป็นที่ต้องการของตลาดนอก และช่วงราคาถูกที่สุดคือ มิ.ย. เป็นต้นไป เนื่องจากดอกจะออกเต็มที่จนล้นตลาด ราคาขายต่อช่อจะเหลือที่ 50 สตางค์ ถึง 1.50 บาท เลยทีเดียว
[b] “กำนันแวนยังบอกอีกว่า หากใครสนใจอยากเลี้ยงกล้วยไม้เพื่อจำหน่ายอย่างจริงจัง ควรศึกษาค้นคว้าและมีใจรักทางด้านนี้จริงๆ และควรทำอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 5 ไร่ โดยต้องมีเงินลงทุนในการทำโรงเรือน ระบบน้ำ และอุปกรณ์ต่างๆ ต่อ 1 ไร่ จะใช้เงินลงทุนประมาณ 3-4 แสนต่อไร่ กำนันแวนยังแนะนำอีกว่าเงินที่ลงทุนควรเป็นเงินที่ไม่ได้ไปกู้หนี้ยืมสินมา เนื่องจากหากไปกู้เงินจะทำให้เสี่ยงต่อการลงทุนอย่างมาก” [/b]
ส่วนรายได้จาก[b]การปลูกกล้วยไม้ในพื้นที่ 10 ไร่นั้น จะได้วันละ 1 หมื่นช่อ ภายใน 1 สัปดาห์ตัดดอกได้ประมาณ 2-3 ครั้ง ต่อเดือนแล้วจะสามารถสร้างรายได้ประมาณ 170,000-220,000 บาท [/b]โดยต้องเป็นช่วงที่กล้วยไม้ออกดอกเต็มที่ ปัจจุบันที่สวนกล้วยไม้ของกำนันแวนมีอยู่ประมาณ 80 ไร่ และจากการรวมกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่การเพาะปลูก 1,500 ไร่ สามารถส่งขายได้วันละ 100,000-200,000 ช่อต่อวัน จะสามารถสร้างเม็ดเงินได้ไม่ต่ำกว่า 4-5 ล้านบาทต่อเดือนซึ่งบริษัทที่รับซื้อจะเป็นกลุ่มส่งออกประเทศจีน ฮ่องกง ไทเป และอินเดีย
กำนันรวมกลุ่มชาวบ้านปลูก ‘กล้วยไม้’ ส่งออกสร้างรายได้สู่ชุมชน