สมาชิกสหกรณ์ผู้ปลูกกุยช่ายโครงการหลวงปางดะ ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ
[/p]
[b] นางพรรณี คำศรีสม สมาชิกสหกรณ์ปลูกกุยช่ายโครงการหลวงปางดะ ต.แม่สาบ อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ เล่าให้ฟังว่า ปลูกกุยช่ายขาวมาตั้งปี พ.ศ. 2554 มีรายได้สามารถเลี้ยงครอบครัวไม่ขัดสน ไม่เดือดร้อนและลำบาก[/b]
และปลูกตามขบวนการผลิตที่ถูกหลักวิชาการ ที่ทางสหกรณ์โครงการหลวงปางดะให้การอบรม โดยเริ่มจากการเตรียมแปลง พรวนดินตากไม่ต่ำกว่า 15 วัน ใส่ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก ปูนขาว เก็บวัชพืชโดยเฉพาะแห้วหมูให้หมดทั้งแปลง ยกร่องรดน้ำให้ชุ่มนำแผ่น พลาสติกมาคลุมเพื่อรักษาความชื้นในดิน นำต้นกล้าลงปลูกใช้ระยะปลูก 30 x 30 เซนติเมตร หลุมละ 3-4 ต้น แล้วรดน้ำจนชุ่ม
โดยจะเริ่มปลูกให้เป็นต้นเขียวก่อน จากนั้นรอให้ต้นสมบูรณ์ จึงตัดให้เหลือเพียงต้นตอไว้ แล้วนำภาชนะมาครอบไว้ 15 วัน ถึงจะเปิดภาชนะแล้วตัดผลผลิตส่งที่สถานีเกษตรหลวงปางดะ
[b]นางพรรณี กล่าวว่า จะเก็บเกี่ยวผลผลิตอาทิตย์ละ 4 ครั้ง คือวันอาทิตย์ วันจันทร์ วันพุธ และพฤหัสบดี ที่ผ่านมาตัดครั้งละประมาณ 100 กิโลกรัม หากเป็นช่วงหน้าแล้ง ส่วนช่วงหน้าหนาวจะสามารถตัดได้ประมาณ 150 กิโลกรัมต่อวัน ด้วยผลผลิตจะขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ ถ้าร้อนและชื้น ผลผลิตจะเสียเยอะ จะเน่าในกระถาง ตลอดมามีรายได้โดยเฉลี่ยอยู่ที่ เดือนละ 20,000 กว่าบาท ใช้แรงงานภายในครอบครัว 2 คน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งครอบครัวเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการส่งเสริมอาชีพของโครงการหลวง[/b]
“เมื่อก่อน ก่อนที่จะเข้าโครงการหลวง ก็ทำอาชีพรับจ้างทั่วไป ก็มีเงินใช้ แต่ไม่มีเงินเก็บ แต่พอได้มาทำการปลูกกุยช่ายขาวของโครงการหลวง ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ทำให้มีเงินเก็บและมีบ้าน มีรถ ก็ถือว่าชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น ถ้าไม่มีพระองค์ท่าน ไม่มีโครงการพระราชดำริของท่าน ดิฉันและครอบครัว พ่อแม่ พี่น้อง คงไม่ได้อยู่สบายแบบนี้ ก็ไม่มีอะไรมากมายแต่ว่าก็มีในแบบของเรา พอใจในแบบของเรา ก็ขอขอบคุณพระองค์ท่านที่ให้ชีวิตหนึ่งมีชีวิตที่ดีขึ้น และก็ในครอบครัวและทุก ๆ คน นับจากนี้ไปก็คง จะเดินตามรอยของพ่อหลวง ใช้ชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ทำอะไรเกินตัว” นางพรรณี กล่าว
สมาชิกสหกรณ์ผู้ปลูกกุยช่ายโครงการหลวงปางดะ ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ