ทำบ่อปลาผสมผสานแบบ ‘เกษตรพอเพียง’ สู่รายได้ที่ยั่งยืน
[/p]
ส่วนสายพันธุ์ปลาที่ฟาร์มของลุงเฉลียวจะเลี้ยง 2 ชนิดคือปลานิล และปลายี่สก เนื่องจากเป็นปลาที่ดูแลง่าย และยังเป็นที่ต้องการของตลาดอีกด้วย โดยจะไปรับซื้อจากหน้าฟาร์มที่เพาะเลี้ยงอย่างละ 5,000 ตัว ขนาดประมาณ 2 เซนติเมตร ซึ่งใช้เงินลงทุนค่าพันธุ์ปลาเพียง 3,500 บาท หลังจากนั้นต้องนำมาอนุบาลอีกประมาณ 1 เดือน โดยขั้นตอนนี้ลุงเฉลียวเน้นย้ำว่าควรดูแลเป็นพิเศษ
เนื่องจากปลายังอยู่ในช่วงเล็กๆ เสี่ยงต่อการเป็นโรค โดยช่วงที่เหมาะสมแก่การปล่อยพันธุ์ลงสู่บ่อเลี้ยง ควรปล่อยในช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค. ซึ่งจะเป็นช่วงที่เข้าสู่หน้าร้อน เชื้อโรคต่างๆจะมีน้อย หากปล่อยในช่วงหน้าฝนลูกปลาจะเสี่ยงต่อการเป็นโรคหางขาวจะทำให้ปลาตายได้
เมื่อครบกำหนด 1 เดือนขนาดของปลาจะได้ประมาณ 2 นิ้ว ก็สามารถปล่อยลงสู่บ่อใหญ่ได้แล้ว ส่วนอาหารจะใช้ขี้ไก่ประมาณ 8 ถังต่อ 5 วัน โดยนำขี้ไก่บรรจุให้ในถัง 200 ลิตรที่ผ่าครึ่งแล้ว ก่อนนำลงไปปักไว้ตามจุดต่างๆ ของบ่อปลา พร้อมใช้ปักฟางข้าว เศษพืช อาทิหยวกกล้วย เพื่อลดต้นทุน อีกทั้งยังเป็นการนำพืชผักที่ปลูกภายในสวนมาใช้ให้เกิดประโยชน์อีกทางหนึ่ง
ซึ่งจะใช้เวลาเลี้ยงดูประมาณ 8-10 เดือนก็สามารถจำหน่ายได้แล้ว ส่วนราคาของปลานิล จะอยู่ที่กิโลกรัมละ 25-35 บาท ปลายี่สกจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 20 บาท หากคิดมูลค่าที่ปล่อยปลาไปประมาณ 10,000 ตัว สามารถสร้างรายได้ประมาณ 100,000 บาท หากเป็นช่วงที่ปลามีคุณภาพดีและมีน้ำหนักดี รายได้ก็จะพุ่งสูงขึ้นไปอีก ประกอบกับที่สวนของลุงเฉลียวมีการปลูกพืชชนิดอื่นๆด้วย มีทั้งอ้อย ต้นกล้วย ต้นมะละกอ ซึ่งสามารถสร้างรายได้เสริมอีกช่องทาง เป็นจำนวนเงินเกือบหมื่นบาทต่อเดือน
ทำบ่อปลาผสมผสานแบบ ‘เกษตรพอเพียง’ สู่รายได้ที่ยั่งยืน